บท
ตั้งค่า

บทที่ 23

ลูกค้าประจำของร้านซิงเยียนทยอยออกจากร้านในช่วงปลายยามอู่ เนื่องจากทราบดีว่าในทุก ๆ สิบห้าวันร้านจะเปิดเพียงครึ่งวันและปิดในช่วงบ่ายเพื่อตรวจรับสินค้าจากต่างเมือง ส่วนลูกค้าใหม่ที่ยังไม่ทราบก็ยังคงเลือกดูสินค้าต่อไปเรื่อย ๆ เสวียนหนิงอันที่เข้ามาสืบความเองก็เช่นกัน

นางมั่นใจเหลือเกินว่าจะไม่มีผู้ใดจำได้ มิใช่เพราะสวมเสื้อผ้าธรรมดาหรือทำผมต่างไปจากเดิม แต่เป็นเพราะหมวกที่สวมอยู่มีผ้าโปร่งปิดบังใบหน้า ช่วยพรางตัวให้พ้นจากสายตาของผู้คนได้เป็นอย่างดี

เสวียนหนิงอันคิดผิด…

เจ้าของร่างสูงเอ่ยลาลูกค้าสตรีอย่างมีมารยาท ก่อนเบือนหน้าหนีเหล่าแม่สื่อที่ขยันแวะเวียนมาบ่อยจนน่ารำคาญ แต่กระนั้นพวกนางกลับมิใช่สาเหตุที่ทำให้เขาปวดหัวจนแทบกุมขมับ แต่เป็นสาวงามในวัยสิบหกปีที่แสร้งทำเป็นเลือกสินค้าอยู่ต่างหากเล่า

หลี่จินหมิงอยากตรงเข้าไปว่ากล่าวตักเตือนนาง แล้วพากลับบ้านเพื่อลงโทษให้หลาบจำ แต่สายตาสอดรู้สอดเห็นในร้านนั้นมีมาก จึงต้องค่อย ๆ หาวิธีการที่ไม่ทำให้ผู้คนแตกตื่น เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วหลี่จินหมิงจึงเลือกกำจัดแม่สื่อเป็นอย่างแรก

“การตัดสินใจของข้ายังคงเป็นเช่นเดิม นั่นคือต้องการไว้ทุกข์จนกว่าจะครบสามปี หากพวกท่านคิดพูดเรื่องแต่งงานก็กลับไปเสียเถิด” เขาไม่เปิดโอกาสให้พวกนางพูดก่อนด้วยซ้ำไป

“แต่อีกเก้าเดือนก็จะครบกำหนดไว้ทุกข์แล้วนะเจ้าคะ นายท่านควรมองหาสาวงามไว้บ้าง หากไม่พร้อมแต่งก็หมั้นหมายเอาไว้ก่อนได้” แม่สื่อรายแรกรีบเสนอเพราะได้รับการไหว้วานในราคาสูงลิบลิ่ว

“หากยังไม่ต้องการแต่งภรรยา นายท่านเลือกอนุภรรยาสักสองคนก่อนก็ย่อมได้เจ้าค่ะ” แม่สื่ออีกรายก็มิได้ยอมแพ้เช่นกัน

บุรุษที่ถูกตามตอแยไม่หยุดหย่อนเริ่มข่มอารมณ์ของตนเองมิได้แล้ว เขาสูดลมหายใจลึกและผ่อนออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมทั้งบังคับตนเองไม่ให้แสดงความไม่พอใจออกทางสีหน้ามากจนเกินไป

“ที่ผ่านมาข้าให้เกียรติพวกท่าน ต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ทั้งยังอธิบายซ้ำ ๆ ถึงสาเหตุที่ทำให้ข้ายังไม่พร้อมที่จะแต่งสตรีใดเข้าสกุลหลี่อย่างใจเย็น แต่นอกจากพวกท่านจะไม่เคารพความต้องการของข้าแล้ว ยังรบกวนเวลาทำงานอยู่เรื่อย ๆ”

หลี่จินหมิงอดทนกับเรื่องไร้สาระเหล่านี้นานเกินไปแล้ว เขาไม่แน่ใจว่าพวกนางเข้าใจความหมายของคำว่าเกรงใจหรือไม่ แต่คำตอบที่ได้รับทำให้เขาต้องยอมรับกับตนเองแล้วว่า การทำตัวสุภาพในบางสถานการณ์ก็ใช่ว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี

“เดิมทีบุรุษควรไว้ทุกข์ให้กับบิดาสามปี มารดาอีกสามปี แต่เรื่องสิ้นภรรยาแล้วไว้ทุกข์นานถึงสามปีกลับไม่เคยได้ยินมาก่อน หรือว่าความจริงแล้วนายท่านมีสตรีอื่นในใจจึงไม่ต้องการให้พวกข้า…”

“รบกวนท่านหยุดออกความเห็นก่อนเถิด”

หลี่จินหมิงตัดบทด้วยน้ำเสียงที่ไม่น่าฟังนัก “เป็นความจริงที่ว่าไม่มีธรรมเนียมการไว้ทุกข์ให้กับภรรยานานถึงสามปี แต่ข้าเลือกที่จะทำเช่นนั้นเพราะมิได้สูญเสียแค่ภรรยา ทว่าบุตรชายทั้งสองในครรภ์นางก็มิรอดด้วย การไว้ทุกข์สามปีให้กับสามชีวิต ท่านว่ามากเกินไปหรือไม่”

“นายท่าน…” แม่สื่อทั้งสามรายถึงกับนิ่งตะลึงเป็นหุ่นไก่เลยทีเดียว

“ถึงเวลาปิดร้านแล้ว หวังว่าพวกท่านคงไม่ถือสา…” หลี่จินหมิงเปรยเพียงเท่านั้นเหล่าแม่สื่อก็กล่าวคำอำลาและผลุนผลันออกจากร้านทันที

เสวียนหนิงอันที่แอบฟังอยู่ไม่ไกลได้ยินดังนั้นก็ลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจแทบทุกอย่าง ความหึงหวงหวาดระแวงล้วนจางหาย เหลือเพียงความเสียใจและความสงสารที่เขาต้องสูญเสียภรรยาและทารกในครรภ์ แล้วยังถูกบังคับใจให้มาดูแลรับผิดชอบสตรีนิสัยไม่น่ารักเช่นนางอีก ในเมื่อเขาต้องเจอปัญหามากมายเช่นนี้แล้ว นางที่เป็นภรรยาก็ควรทำตัวให้ดีกว่านี้มิใช่หรือ

‘ท่านอา ข้าไม่ควรดื้อรั้นเอาแต่ใจกับท่านเลย…’

เมื่อคิดได้ดังนั้นเสวียนหนิงอันก็ขยับหมวกให้กระชับกับใบหน้า เตรียมเดินออกจากร้าน ตั้งใจว่าเย็นนี้จะละวางทิฐิ เข้าไปขอโทษเขาให้เรียบร้อย ทว่าน้ำเสียงกรุ่นโกรธที่ดังมาจากเบื้องหลังทำให้นางพลันรู้สึกชาวาบทั่วร่างและหนาวเหน็บไปทั้งหัวใจ

“นอกจากจะไม่สำนึกผิดแล้ว ยังออกมาข้างนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต ในสายตาเจ้าเห็นข้าเป็นตัวอะไรแน่ เสวียนหนิงอัน” หลี่จินหมิงกระซิบข้างใบหูเล็ก ซ่อนความเกรี้ยวกราดที่กำลังปะทุราวกับเพลิงไหม้ไว้ได้ลำบากยิ่ง

“ช่างเถิด ในเมื่อเจ้าเปลี่ยนนิสัยไม่ได้เช่นนี้แล้ว เราก็ไม่มีเรื่องอันใดต้องพูดกันอีก”

“ท่านอา ข้า…” เสวียนหนิงอันเอ่ยเสียงเบา ยังคงมิกล้าหันกลับไปมอง

“ข้าผิดไปแล้ว ข้าจะปรับปรุงตัว คำเหล่านี้ข้าได้ยินจนเบื่อ แล้วเจ้าล่ะ ไม่เบื่อจะพูดหรืออย่างไร?”

“ข้า…” เสวียนหนิงอันตระหนักได้แล้วว่าตนเองนิสัยแย่ยิ่งนัก

“ข้าไม่มีเรื่องอันใดต้องพูดกับเจ้าอีกแล้ว”

เสวียนหนิงอันปวดร้าวเพราะน้ำเสียงของเขาบอกชัดว่าผิดหวังในตัวนางมากจริง ๆ

หลายวันที่ผ่านมาเสวียนหนิงอันมักทำหน้าไร้อารมณ์ แสร้งหลอกตนเองว่าไม่รู้สึกอันใดที่ทำตัวไร้มารยาทจนเขาโกรธ ทั้งยังไม่ยอมขอโทษอย่างที่ควรกระทำ แต่มาวันนี้ความโกรธที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าทำให้นางทนอยู่นิ่งเฉยไม่ได้

หลี่จินหมิงถึงขั้นกล่าวว่าไม่ต้องการพบหน้าและไม่ต้องการพูดคุย แต่กระนั้นเขาก็ยังเดินมาส่งนางอย่างเงียบ ๆ เพราะไม่ไว้ใจให้ผู้ใดทำหน้าที่ นี้แทน ตลอดทางเขาไม่มองหน้า ไม่พูดกับนาง ทำเพียงรอจนกระทั่งประตูบ้านปิดสนิทดีแล้วจึงเดินหันหลังกลับไปยังทิศทางที่จากมา

ท่าทางเย็นชาราวกับคนไม่รู้จักกันทำให้เสวียนหนิงอันตระหนักได้แล้วว่าตนได้ทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่ในเมื่อเขายังไม่กลับมา นางจึงทำได้เพียงรอฟังข่าวจากสาวใช้เจียอีอยู่ในเรือนเล็ก ทว่ารอจนกระทั่งต้นยามโหย่วแล้วสาวใช้คนโปรดก็ยังเงียบหาย นางจึงคาดเดาไปว่าหลี่จินหมิงยังอยู่ที่ร้านค้า นึกไม่ถึงว่าเรื่องจะเลวร้ายกว่าที่คิด

เจียอีถูกโบยสิบไม้…

ท่านอาไม่ควรทำเช่นนี้! เจียอีไม่ได้ทำผิด แต่เป็นข้าที่ตัดสินใจออกไปนอกบ้านเอง หากคิดจะโบยก็ควรโบยข้า!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel