7 คิดว่าไม่มีทางเลือกก็ได้ NC
เธอไม่ได้หมายความว่าจะต้องให้เขามารับผิดชอบ พิมพ์นาราทำตาโต ก่อนจะมารู้ตัวในภายหลังว่าเธอติดกับดักกวีวัธน์อีกแล้วก็เมื่อตอนที่เขาส่งยิ้มชั่วร้ายให้กับเธอ เสียงแกะพลาสติกซองถุงยางอนามัยดังขึ้นอีกรอบ พิมพ์นารารู้แล้วหลังจากนี้ว่าเธอจะต้องโดนอะไร
“คุณกวี” พิมพ์นาราทำตาปริบ ๆ แขนเรียวเล็กขยับขึ้นไปคล้องคอเขาเอาไว้
“ครับ”
หญิงสาวยกนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว “ฉันต้องไปทำงานจริง ๆ ค่ะ นะคะน้า”
ร่างสูงขมวดคิ้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ครั้งเดียวสำหรับเขามันจะไปพออะไร ชายหนุ่มทำหน้านิ่วอย่างไม่พอใจนัก
“ครั้งเดียว!”
เมื่อเห็นว่าเขายอมคุย ยอมต่อรองพิมพ์นาราจึงยิ้มออก
“ครั้งเดียวนะคะ ขอไปทำงานก่อน ทำงานเสร็จแล้วค่อยว่ากันทีหลัง”
“อ้อ...ทำงานเสร็จแล้วจะกี่ครั้งก็ได้งั้นเหรอ” กวีวัธน์ยิ้มออกหลังจากฝ่ายหญิงพูดจบประโยค
“ไม่....ค่ะ” อีกแล้วเธอนี่มันคนหัวช้าจริง ๆ เขาไม่ทันจะฟังเธอพูดให้จบ ก็สอดแท่งรักอันใหญ่โตเข้ามาในตัวเธอแล้ว “อ๊ะ...” ครั้งนี้ไม่เหมือนกับเมื่อคืน ไม่เจ็บแล้วแถมยังรู้สึกเสียวซ่านจนพูดออกมาเป็นคำแทบไม่ได้
กวีวัธน์สอดแทรกของแข็งอุ่นร้อนเข้าไปในตัวเธอจนมิดด้าม อีกทั้งยังแช่ค้างเอาไว้อย่างกลั่นแกล้งเธอ แล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“...”
“คุณกวี รีบเถอะค่ะ”
“คุณพูดเองนะ”
“...” ถึงตอนนี้พิมพ์นาราจึงรู้ว่าเธอเสียเหลี่ยมเขาอีกหน ถ้านับตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้เธอเสียรู้ให้เขาแล้วกี่ครั้งกัน
ใบหน้าสวยหวานของพิมพ์นาราบิดเบี้ยวเหยเกเพราะความกระสัน หญิงสาวมองหน้าผู้ชายที่กำลังกดเอวกระแทกแก่นกายเข้ามาในตัวเธอ มือเล็กเอื้อมไปแตะกล้ามท้องของชายหนุ่มอย่างหลงลืมตัว พลางคิดถึงความทรงจำเมื่อคืนนี้ เธอและเขาถูกดึงดูดเข้าหากัน ราวกับแม่เหล็กคนละขั้ว ไม่มีส่วนไหนในร่างกายที่เขาไม่สำรวจและตีตราแสดงความเป็นเจ้าของ
สองขาเรียวเล็กของพิมพ์นาราเกี่ยวตวัดกอดรั้งเอวแกร่งของชายหนุ่มอย่างหลงลืมตัว ความเสียวซ่านก่อตัวขึ้นสู่จุดสูงสุด เธอส่งเสียงร้องครวญครางสยิวเพราะความกระสัน ดังลั่นห้องน้ำอย่างไม่รู้สึกอับอาย ไม่นานร่างเล็กแบบบางก็สั่นระริกอยู่ในอ้อมกอดของกวีวัธน์
พิมพ์นารารู้สึกว่าตอนนี้ร่างกายกำลังเปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ ความรู้สึกคล้ายกับว่าเธอเพิ่งไปออกกำลังกายมาอย่างไรก็อย่างนั้น ร่างสูงถอนแก่นกายออกจากโพรงสวาท พร้อมถอดถุงยางอนามัยออกจากอวัยวะเพศของตนเอง ทั้งที่เมื่อกี้เขาเพิ่งจะปลดปล่อยไปแท้ แต่ไอติมแทงนั้นยังคงผงกหัวพร้อมรบ ไปมาตามการเคลื่อนไหว
“มองขนาดนั้นคืออยากกินอีกเหรอ” เธอไม่ได้แค่มองแต่ยังเอาแต่เลียริมฝีปาก
“เปล่าสักหน่อย คุณออกไปได้แล้วฉันจะอาบน้ำแล้ว” โชคดีที่วันนี้มีงานตอนเย็นไม่อย่างนั้นเธอต้องแย่แน่ ๆ
“ถ้าของขวัญอยากลองกินดูก็ได้นะผมไม่ว่า” กวีวัธน์หยอกเย้า
“ออกไปค่ะ” พิมพ์นาราต้องรีบดึงสติกลับมา เธอก็แค่ไม่เคยเห็นของจริงก็เท่านั้น เป็นแค่เด็กที่อยากรู้อยากเห็น ไม่ได้อยากจะชิมสักหน่อย
“ไม่ต่อจริง ๆ เหรอ” กวีวัธน์ถามซ้ำ
“ไม่ก็คือไม่ค่ะ” เธอถลึงตาใส่ทำท่าทางเหมือนแม่เสือ แถมยังพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง คาดหวังให้อีกฝ่ายกลัว
“ครับ ก็ได้ ๆ ยังเราก็มีเวลาอีกเยอะอยู่แล้ว คุณทำงานตอนเย็นนี่นา ผมโทรบอกผู้จัดการของคุณล่ะ ว่าให้มาที่โรงแรม เสื้อผ้าของคุณผมเตรียมให้ละ อาบน้ำเสร็จแล้วออกมาคุยกันเรื่องข้อตกลงระหว่างเราก็แล้วกัน” กวีวัธน์รับคำ แล้วออกคำสั่งอย่างเผด็จการ เขาไม่รอให้เธอโวยวายหรือพูดสิ่งใดต่อก็ออกไปจากห้องน้ำแล้วทิ้งให้เธออยู่ในนั้นตามลำพังทันที
พิมพ์นาราอาบน้ำแล้วคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พอออกจากโซนเปียกก็เห็นสกินแคร์แบรนด์หรูแต่เป็นขนาดเล็กและเสื้อผ้าชุดใหม่ทั้งชุดวางเอาไว้อยู่บนเคาน์เตอร์ คนตัวเล็กออกมาจากห้องน้ำพร้อมชุดวอร์มสีครีม ที่เขาทิ้งเอาไว้ให้ ชุดชั้นในที่เขาหาเตรียมเอาไว้พอดีเปะราวกับวัดขนาดมาแล้ว
ร่างสูงสูบบุหรี่ควันโขมงมือข้างหนึ่งถือแท็บเล็ตคล้ายกับกำลังอ่านอะไรบางอย่าง และยังคงอยู่ในชุดคลุมสีขาวของโรงแรม หญิงสาวออกมาแล้วก็ควานหากระเป๋าและโทรศัพท์ นั่งเงียบ ๆ รอกวีวัธน์ทำธุระให้เสร็จ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะคุยกับเธอเสียที เธอจึงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบงั้นด้วยตัวเอง
“คุณกวี” ตอนที่เธอเรียกชื่อ กวีวัธน์จึงเงยหน้าจากงานที่กำลังทำ
“ว่ายังไง”
“มีอะไรก็พูดเถอะค่ะ แล้วตอนคุณอยู่กับฉันไม่ดูดบุหรี่ได้ไหมคะ” พิมพ์นาราไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์ขอร้องไหมแต่ก็อยากลองเสี่ยงดู พอเธอพูดจบ หูก็พลันได้ยินเสียงถอนหายใจดังแว่วออกมา ท่าทางของเขาในตอนนี้แตกต่างจากเมื่อกี้เสียเหลือเกิน ทั้งดูอันตรายและน่ากลัว เพราะแบบนี้หรือเปล่า เจ้าสัวสัมฤทธิ์ถึงเลือกเธอเป็นเจ้าสาวแทนที่ลูกสาวที่แท้จริงของตัวเอง
เขายังคงเอาแต่มองผู้หญิงตัวเล็กที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม บุหรี่ที่อยู่ในมือถูกหย่อนลงในที่เขี่ยบุหรี่ด้านข้าง เมื่อแน่ใจว่ามันดับแล้ว จึงนำมือออกและเริ่มพูดกับพิมพ์นารา
“ผมอยากให้เรื่องที่เราเป็นคู่หมั้นกันและกำลังจะแต่งงานกันอีกไม่นานนี้เป็นความลับ” กวีวัธน์พูดตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม
“หมายความว่ายังไงคะ?” คนตัวเล็กนั่งตัวแข็งทื่อ
“ก็มีความหมายตามที่ผมพูดนั่นแหละ เราสองคนจะคบหากันแบบไม่เปิดเผย เรื่องนั้นมันจะดีทั้งต่อตัวคุณและผม”
“...”
“คุณเป็นดารา เป็นนักแสดง มีชื่อเสียง ถ้ายังอยากอยู่ในวงการนี้ ยังอยากเป็นเจ้าหญิง ได้แต่งตัวสวย ๆ ก็ปิดเรื่องนี้เอาไว้ซะ แล้วก็ห้ามแสดงออกว่าหึงหวงผม ห้ามน้อยใจ และสุดท้ายเราสองคนจะไม่รักกัน เพราะผมจะไม่รักใครอีกต่อไปแล้ว” กวีวัธน์กล่าวอย่างใจร้าย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้เธอจะทำอะไรได้ ตั้งแต่รู้ว่าเธอเป็นเพียงเด็กที่ถูกสลับตัวในโรงพยาบาล ทางเลือกของเธอก็มีอยู่ไม่มาก ถ้าเธอยังอยากรักษาหน้าที่การงาน รักษาสถานะของตัวเองในวงการแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ก็ต้องทำตามคำสั่งของพวกเขา
จะบอกว่าเธอไม่มีทางเลือกก็ได้ จมไม่ลงยึดติดกับลาภยศสรรเสริญก็ได้ เพราะพิมพ์นาราไม่มีทางเลือกจริง ๆ เจ้าสัวสัมฤทธิ์เอาเรื่องบุญคุณมาอ้าง แถมยังใช้คุณแม่กดดันเธอแบบอ้อม ๆ คนในบ้านหลังนั้นที่รักและหวังดีกับเธอก็มีเพียงคุณแม่เท่านั้น ตอนนี้ท่านป่วยหนัก แค่เรื่องที่เธอไม่ใช่ลูกของท่านก็พลอยทำให้ท่านเครียดมากพอแล้ว เธอจึงไม่ควรเรื่องมากต่อข้อเสนอที่กวีวัธน์มอบให้