บทที่ 2-2
“พี่ชายเขาคะยั้นคะยอ ให้ป้าพามาด้วยเลยนะจ๊ะหญิงวิว นี่ก็แอบเป็นแฟนละครของหญิงวิวอยู่ด้วย เรื่องล่าสุดนี่ ที่หญิงวิวเล่นเป็นคุณจำปาแก้ว แหม...เล่นได้ดีจริงๆ ป้าขอชมเชยจากใจจริงเลยจ้ะ”
คำป้อยอนั่นทำให้หญิงสาวหน้าหวาน ยิ้มอย่างเอียงอาย ใบหน้าเป็นสีเรื่อขึ้นทันที ก่อนที่จะออกตัวเสียงใส
“วิวก็แค่ทำตามบทที่ได้รับน่ะค่ะ ต้องขอบคุณครูที่สอนการแสดงมากว่า แล้วก็ขอบคุณทางช่องที่ป้อนแต่บทดีๆ มาให้”
“แหม ถ่อมตัว”
หม่อมเจ้าสร้อยสุคนธ์ยิ้มอย่างเอ็นดู มองคนตรงหน้าด้วยสายตาเป็นประกาย นางเองก็พึ่งจะเห็นม.ร.ว.วริศราตัวจริงก็วันนี้ ยอมรับว่าตัวจริงสวยหวานละไม กิริยามารยาทก็งดงามนัก จะหาหญิงใดงามพร้อมได้แบบนี้อีกไหมนะ จะอย่างไรนางก็จะต้องลุ้นให้บุตรชาย รับผู้หญิงคนนี้มาเป็นคนเคียงข้างให้ได้ ของดีๆ แบบนี้ปล่อยไปเสียดายแย่
“วิวพูดตามตรงหรอกค่ะ หม่อมป้า แต่ว่าพี่ชายเป็นแฟนละครของวิวจริงๆ นะเหรอคะ รู้สึกปลื้มใจจัง”
เสียงหวานเอ่ย พร้อมกับชม้ายตามองม.ร.ว.หนุ่มอย่างมีจริต แลดูอ่อนหวานประทับใจนัก ยิ่งคนทำเป็นสาวสวย กิริยามารยาทนุ่มนวล ก็ยิ่งหวานละมุนจับตาจับใจเข้าไปใหญ่
“ครับ”
ม.ร.ว.จิรสินตอบเพียงสั้นๆ แล้วยิ้มนิดๆ ตอบเธอ ยอมรับอย่างหนึ่งว่าคนตรงหน้าสวยจริงๆ แถมยังดูเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อมไปทุกอย่าง มันดูสมบูรณ์แบบเกินไป ในสายตาของชายหนุ่ม จนเขาชักจะนึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก บางอย่างที่ซ่อนเร้นในสายตากลมใสกระจ่างยามมองเขา มันทำให้ม.ร.ว.จิรสินรู้สึกแปลกๆ พิกล
“ดูทุกวันเลยด้วยนะจ๊ะ หญิงวิว หม่อมวรรธ์คะ ขนมนี่อร่อยมากจริงๆ เลย ไม่ทราบว่าแม่ครัวหวงสูตรไหมคะ จะให้ที่วังทำให้ทานบ้าง”
หม่อมเจ้าวรรธ์ยิ้มกริ่มทันที เมื่อได้ยินคำชมเชยจากนาง แล้วบุ้ยใบ้ไปทางบุตรสาวคนสวย
“แม่ครัวอยู่ตรงโน้นน่ะค่ะ หม่อมสร้อย ขนมทองเอกนี่ ฝีมือของหญิงวิวนะคะ”
หม่อมเจ้าสร้อยสุคนธ์ยิ่งปลื้มหญิงสาวมากขึ้นไปอีก ว่าช่างเป็นสตรีที่เพียบพร้อมยิ่งนัก แบบนี้ต้องยิ่งให้บุตรชายคนเดียวได้ดองด้วยเร็วๆ สตรีงามเลิศมีคุณสมบัติมากมายขนาดนี้ จะไปหาที่ไหนได้กันอีกนะ
หม่อมเจ้าสร้อยสุคนธ์อยู่พูดคุยกับหม่อมเจ้าวรรธ์อีกนาน รวมถึงชื่นชมม.ร.ว.วริศราแทบจะไม่ขาดปาก หญิงสาวร่วมบทสนทนาด้วยบ้าง เป็นบางครั้ง สายตากลมหวานนั่นแอบเหลือบมองมาทางชายหนุ่มคนเดียวในวงสนทนาที่เพียงแค่ยิ้มเฉย ซึ่งเมื่อถ้าบังเอิญสบสายตากันเข้า ฝ่ายหญิงก็จะรีบหลบตาทันที
“มาทานข้าวเย็นที่นี่ทั้งอร่อย และทั้งมีความสุขจริงๆ เลยค่ะ หม่อมวรรธ์ แหมแบบนี้เห็นทีต้องมาบ่อยๆ”
เมื่อเห็นว่าได้เวลาที่เคยเอ่ยปากไว้กับบุตรชายแล้ว หม่อมเจ้าสร้อยสุคนธ์ก็ขอตัวกลับ ดูท่าทางนางจะยังอาวรณ์การได้พูดคุยกับทั้งสองมากนัก เพราะทั้งคู่คุยสนุกและอีกอย่างหนึ่ง นางก็อยากจะให้บุตรชายได้พินิจ และรับเอาม.ร.ว.สาวที่ดีเลิศขนาดนี้ ไปลองคิดทบทวนดูว่าควรจะสานสัมพันธ์ต่อไหม
แต่งานนี้นางเองก็ถูกใจไปแล้วเกินครึ่ง หม่อมเจ้าสร้อยสุคนธ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ งานนี้จะปล่อยเพชรหายากหลุดมือไปได้อย่างไรกัน
“ก็มาบ่อยๆ สิคะ ช่วงนี้หญิงวิวไม่มีคิวถ่ายละคร เพราะขอพักกองสามเดือน คงจะว่างทำอาหารอร่อยๆ ไว้ต้อนรับเกือบทุกวัน”
หม่อมเจ้าวรรธ์ตอบเสียงหวาน ท่าทางจะรับไมตรีอีกฝ่ายจนออกนอกหน้า เล่นเอาหม่อมเจ้าสร้อยสุคนธ์ถึงกับยิ้มแทบจะไม่หุบเลยทีเดียว ก่อนจะอ้อยอิ่งอยู่สักครู่ จนบุตรชายกระแอมแล้วแสร้งทำท่าดูนาฬิกานั่นแหละ ถึงจะตัดใจยอมกลับได้
“นี่น่ะหรือคะ คนที่แม่เล็งไว้ให้หญิง”
เสียงใสเอ่ยลอยๆ เมื่อคล้อยหลังรถคันหรูที่ออกไปจากวังชยา ท่าทางนอบน้อมหวานละไมเปลี่ยนไปทันที เธอปลดกระดุมเสื้อที่สวมอยู่ลงเม็ดหนึ่งอย่างอึดอัด หม่อมเจ้าวรรธ์ปรายตามองบุตรสาวแล้วเอ่ยเสียงแหลม
“นี่แหละ ม.ร.ว.จิรสิน อิศราทร ถูกใจไหมล่ะ แม่หาไว้ให้น่ะรับรองไม่ผิดหวังหรอก ทั้งหล่อ โสด รวย ขยันขันแข็งทำงาน ถ้าถูกใจล่ะก็ รีบๆ ใช้เสน่ห์ของแกแล้วคว้ามาเสีย ก่อนที่บ้านของเราจะถูกยึด”
ม.ร.ว.สาวมองมารดาเหมือนจะค้อน เธอนึกถึงใบหน้าคม หล่อเหลาราวกับเทพปั้นของม.ร.ว.จิรสินแล้วยิ้มน้อยๆ ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าอีกฝ่ายมีรูปลักษณ์ที่ต้องใจเธอ แม้จะดูสวยเกินชายไปบ้างสักหน่อย แต่อะไรในตัวเขาก็บอกเธอได้ว่า ผู้ชายคนนี้เป็นสุภาพบุรุษ แถมเป็นแมนแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์
ผู้ชายคนนี้แหละ ที่ม.ร.ว.วริศราตัดสินใจได้แล้วว่า เธอจะต้องให้เขามาแต่งงานกับเธอให้ได้! คนที่เหมาะคู่ควรกับหญิงสาวผู้เพียบพร้อม สมบูรณ์แบบอย่างเธอ
แม้ว่าความสมบูรณ์แบบที่ใครๆ มองและยกย่องนั้น มันจะเป็นเพียงแค่เปลือกนอก ที่ซ่อนเร้นลึกไว้ด้วยตัวตนที่แท้จริงของม.ร.ว.วริศราในอีกด้านที่ไม่มีใครคาดถึง...
.....................................................................................................................................
เสียงดนตรีดังด้วยจังหวะกระแทกกระทั้นสนุกๆ แสงสีวูบวาบ เร้าใจ ผู้คนมากมายเบียดเสียดอยู่ในคลับหรู ที่รับแต่เฉพาะเมมเบอร์ที่ราคาค่าสมาชิกแพงหูดับ ต้องระดับเศรษฐีเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์มาเที่ยวสนุกสนานที่นี่
“เป็นไงบ้างวะไอ้ชาย สาวๆ สวยๆ ทั้งนั้นเลยใช่ไหมที่นี่น่ะ คลับนี้ระดับห้าดาวเลยนะเพื่อน ดาราสวยๆ นักร้อง ไฮโซ เพียบว่ะ เพราะปลอดพวกปาปารัสซี่ เมาได้ อ้วกได้ ไม่ต้องกลัวใครแอบถ่าย”
เสียงพูดกลั้วหัวเราะของเพื่อนสนิท ทำให้ม.ร.ว.จิรสินถึงกับอมยิ้ม เขาเองก็เปิดผับกับเพื่อนเหมือนกัน หากแต่เป็นผับกึ่งร้านอาหาร เน้นบรรยากาศสบายๆ มากกว่าจะมาเต้นกันเมากันขนาดนี้ ดูทีท่าว่าจะไม่แค่สองอย่างเสียด้วย เขาเห็นมีชายในชุดหนัง สักเกือบทั้งตัว แต่งตัวในรูปแบบพั๊งค์ เดินไปรอบๆ คลับ มักจะตรงเข้าไปกระซิบกระซาบกับผู้คน ท่าทางมีพิรุธ ดูแค่นี้ก็รู้ว่าต้องมีอะไรมากกว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขายเป็นแน่
“ดีเลย วันนี้จะขอเมาให้กลิ้งสักที พวกนายแบกฉันกลับด้วยก็แล้วกัน คืนนี้ขอนอนค้างที่คอนโดของไอ้เซนนะ ไม่เคยมาสนุกแบบนี้นานแล้ว”
“จะดีเหรอครับท่านชายจิรสิน”
เซนหรือ เดชฤทธิ์แสร้งทำหน้าเคร่ง ก่อนจะขยับห่างออกจากชายหนุ่มเล็กน้อย แล้วรีบทำท่าเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง เล่นเอาม.ร.ว.หนุ่มมองตาขวาง ส่วนเพื่อนอีกสองคน อย่าง มนต์ธัช และ อนันต์พลเองก็อมยิ้มไปตามๆ กัน
“ไอ้เซน”
เสียงห้าวตวาดแหว เล่นเอาดลฤทธิ์ต้องหัวเราะก๊าก ก่อนจะตบบ่าเพื่อนสนิทเบาๆ เขาและม.ร.ว.จิรสิน คบกันมายาวนานนัก ความที่ม.ร.ว.หนุ่มมีใบหน้าสวยหวานเกินชายอยู่สักนิด เลยมักจะเป็นเป้าหมายของบรรดาหนุ่มไม่แท้ไปช่วยไม่ได้ แม้ว่าตัวของเขาเองจะเคยคบหากับสาวๆ บ้างก็ตามที แต่หนุ่มๆ ที่มาข้องแวะดูแล้ว จำนวนจะเริ่มมีมากกว่าผู้หญิงที่เคยคบหาเสียอีก เลยกลายเป็นจุดโจมตีให้พวกเพื่อนๆ ในกลุ่มอยู่เสมอ ให้ได้ล้อเลียนกัน แม้จะโดนเตะมาแบบนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่เข็ดกันสักที
“งอนเป็นสาวไปได้น่าไอ้ชาย เฮ้ยๆ วางลงๆ นั่นแก้วเหล้านะโว้ย เดี๋ยวหัวจะแตกเอา”
อนันต์พลกระเซ้าเอาอีกคน แล้วรีบห้ามเมื่อเห็นเพื่อนสนิทถือแก้วเหล้าขึ้นมากระชับ ส่งสายตาอาฆาตมาเสียด้วย
“อย่ามาล้อนะโว้ย เบื่อมากๆ เลย พวกหนังสือบันเทิงก็ตัวดี คอลัมซุบซิบไฮโซอะไรนั่น ไม่รู้ว่ามานอนใต้เตียง หรือว่าแอบซ่อนมาในบ้านฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ดีจริงๆ เลย”
ม.ร.ว.หนุ่มย่นหัวคิ้ว ทำหน้าเครียดแบบจริงจัง จนเพื่อนๆ ในกลุ่มต้องรีบเอาใจเป็นการใหญ่ เดชฤทธิ์รีบคว้าแก้วไปชงเหล้าให้ ส่วนมนต์ธัชเองก็รีบเลื่อนจานถั่วเม็ดมะม่วงหิมพานทอดกรอบส่งให้ อนันต์พลที่ไม่รู้จะทำอะไรเลยบีบแขนให้เขาไปพลางๆ บีบไปบีบมาก็กอดชายหนุ่มเอาดื้อๆ เล่นเอาใครต่อใครที่อยู่ใกล้ๆ มองแล้วหันไปซุบซิบกัน ม.ร.ว.หนุ่มเหลืออดเข้า เลยเอามะเหงกเขกหัวเพื่อนสนิทร่างอวบของเขาดังโป๊ก!
“ไอ้พล ทำบ้าอะไรวะ”
“เอ้า...ก็เค้าจะเอาใจตัวเองไง คนอื่นทำอย่างอื่นหมดแล้ว เค้าก็เลยให้ความอบอุ่นกับตัวไง”
อนันต์พลทำท่าอ้อนๆ อย่างมีจริต รอบนี้เลยโดนเขกหัวซ้ำเอาอีกรอบ ม.ร.ว.หนุ่มเริ่มหน้าแดงเพราะชักจะโมโห ที่พวกเพื่อนรักเล่นกันไม่เลิก
พวกเขาสี่คนคบหากันมานานนัก จนรู้นิสัยของกันและกันเป็นอย่างดี การล้อเลียนเลยยุติเพียงนี้ เมื่อเห็นว่าม.ร.ว.จิรสินชักจะมีอาการโกรธเข้าจริงๆ เสียแล้ว เดี๋ยวถ้ายังล้อกันไม่เลิก เพื่อนหนุ่มหน้าหวานของพวกเขางอนป่องๆ กลับบ้านไปก่อน ดื่มไม่สนุกกันพอดีงานนี้
“เฮ้ย! เลิกแกล้งไอ้ชายได้แล้วน่า กินเหล้ากันดีกว่า แล้วท่านหม่อมแม่ของนายเป็นยังไงบ้างวะ”
พูดไปเดชฤทธิ์ก็ยกมือไหว้ไปด้วย เหมือนราวกับว่าหม่อมเจ้าสร้อยสุคนธ์ เป็นของสูงที่ควรกราบไหว้ ม.ร.ว.จิรสินถึงกับกลั้นยิ้มเมื่อเห็นท่าทีทะเล้นๆ นั่น ท่านแม่ของเขาดูท่าจะไม่ใคร่ชอบพวกเพื่อนทโมนของเขาทั้งสามคนนัก ตอนแรกท่านไม่ชอบเพราะว่ากลัวว่าทั้งสามหน่อจะพาเขาไปเข้ารกเข้าพง ทำให้เขาเขวและกลายเป็นหนุ่มซ่า ก็แต่ละคนนั้นยียวนกวนได้ใจ เวลาที่เจอกับท่านแม่ของเขา เล่นเอาท่านความดันพุ่งปรี๊ดกันเลยทีเดียวกับพฤติกรรมทะลึ่งทะเล้นแบบนี้ แต่หลังๆ มาก็เริ่มระแวงม.ร.ว.หนุ่มกับอนันต์พล เพราะชายหนุ่มยังเป็นโสดอยู่คนเดียว ส่วนอีกสองหนุ่มพ้นข้อระแวง เพราะเดชฤทธิ์มีลูกแล้วหนึ่งคน ส่วนมนต์ธัชก็กำลังหมั้นหมายกับสาวน่ารักนางหนึ่ง
“ก็ยังยุ่งกับฉันเหมือนเดิมล่ะวะ”
ชายหนุ่มถอนใจ พลางยกเครื่องดื่มในมือขึ้นดื่มแบบรวดเดียวหมด ท่าทางกลัดกลุ้มของม.ร.ว.จิรสิน ทำให้เพื่อนสนิททั้งสามมองตากันทันที
“เรื่องเดิมที่จะให้นายหาเมียหรือไงกันวะไอ้ชาย ก็หาไปให้ท่านสักคนสิ ถ้านายไม่ชอบแบบที่ท่านหญิงหม่อมแม่ขยันหามา นายก็หาไปเองเลย ตกๆ เอาแถวนี้ไหม แจ่มๆ ทั้งนั้น”
อนันต์พลพูดไปก็มองไปรอบๆ ด้วย เขาว่าสุราคู่กับนารี แถมที่นี่มีแต่นารีสวยๆ ระดับท็อปคลาสทั้งนั้น จนหนุ่มโสดอย่างเขาหูตาลาย ส่วนอีกสองหนุ่มก็แทบจะน้ำลายยืดเหมือนเห็นองุ่นเปรี้ยว เพราะถูกจับจองและมีเจ้าของกันไปหมดแล้ว
“หรือชวนไอ้พลไปให้แม่นายดูตัวสิ รับรอง...”
มนต์ธัชเสนอความคิดเห็น งานนี้เลยโดนมะเหงกพิฆาตจากม.ร.ว.หนุ่มให้อีกคน จนต้องครางเสียงอ่อย เพราะเพื่อนรักเล่นเขกเสียเต็มแรง แบบชนิดคนเขกเองยังหลังมือแดง
“วงแตกน่ะสิ พาไอ้พลไป ฉันโดนขังในหอคอยแน่ๆ งานนี้ นี่รายล่าสุดก็...”
“เฮ้ย! ช่วยดูให้ทีสิ นั่นมันใช่นางเอกละครหรือเปล่าวะ น้องหญิงวิวผู้แสนจะเป็นกุลสตรี มาเที่ยวแบบนี้ด้วยหรือวะ ไม่น่าเชื่อ”
เสียงอุทานของเดชฤทธิ์ขัดขึ้นก่อน พร้อมทั้งสะกิดสหายทั้งสามคนให้มองไปยังเป้าสายตาของเขา
ม.ร.ว.หนุ่มถึงกับย่นหัวคิ้ว เมื่อเห็นร่างอรชรอวบอิ่ม ในชุดเกาะอกสั้นจู๋สีแดงเพลิงนั้นเข้า เขาขยี้ตาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าคนที่เขาเห็น คือม.ร.ว.วริศรา หญิงสาวแสนสุดจะเพอร์เฟค ขวัญใจของแม่เขาจริงๆ แถมเจ้าหล่อนยังเต้นอย่างยั่วยวน นัวเนียพัวพันอยู่กับหนุ่มลูกครึ่งสุดหล่อเสียด้วย แบบชนิดเนื้อตัวเบียดเสียดกัน แทบจะเป็นเนื้อเดียว ใบหน้าสวยหวานตอนนี้แต่งไว้เข้มจัด ดูยวนยั่วยิ่งนัก ต่างกับสาวหวานเรียบร้อยตอนเย็นที่เขาเจอราวกับฟ้าและเหว
“วิ้ด วิ้ว”
อนันต์พลถึงกับเป่าปากออกมา แต่เสียงเพลงดังกลบไปเสียหมด ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงมีหวังเดือดร้อนแน่ๆ เพราะว่าม.ร.ว.สาวมากับเพื่อนผู้ชายกลุ่มใหญ่ถึงสามคน โดยมีเธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่ม แถมว่าทุกคนยังสามารถโอบ กอด เต้นคลอเคลียเข้าใกล้ ด้วยท่าทีราวกับกำลังโอ้โลมกับตนเองได้ทุกคนเสียด้วย มนต์ธรเอาทิชชูมาซับริมฝีปาก ก่อนจะรีบหันหน้าหนีจากภาพเย้ายวนสายตา แล้วเอ่ยเสียงกระเส่าว่า
“แม่เจ้า! ไม่น่าเชื่อว่านางฟ้าจะแปลงร่างเป็นนางยั่วยามค่ำคืนได้ อยากเป็นหนุ่มๆ กลุ่มนั้นจริงๆ เลยว่ะ ซู้ด...น้ำลายจะไหล”
“ควงทีสามคนรวด ได้ใจจริงๆ”
เดชฤทธิ์ส่ายหน้าน้อยๆ พลางถอนใจเฮือก
“แบบนี้ถ้าเมียฉันมาเห็นเข้าล่ะก็ นางเอกขวัญใจ มีหวังตกกระป๋องแหงๆ ใครจะเชื่อ ว่าจะเสแสร้งแกล้งทำเป็นแอ๊บเรียบร้อยได้ขนาดนั้น ให้ตายสิ เขาถึงเรียกว่าวงการบันเทิงจริงๆ สงสัยจะเห็นเป็นคลับเมมเบอร์ เลยเอาเสียเต็มที่”
“นั่นสิ วงการมายาจริงๆ”
ม.ร.ว.จิรสินพึมพำ ชักจะนึกอยากทำตัวเป็นปาปารัสซี่ บันทึกภาพหายากตรงหน้าไปให้มารดาดูเสียแล้ว เผื่อคะแนนของคู่หมายรายล่าสุดของเขาจะตกลงไปได้บ้าง