บทที่ 3 เมื่อราฟาเอ็ดถูกข่มขืน 1
บทที่ 3
เมื่อราฟาเอ็ดถูกข่มขืน
เสียงทุ้มเอ่ยถามเรียบๆ หรี่ตามองหญิงสาวที่ยืนจังก้ากลางแสงแดด โดยมียาม2คนจับยึดแขนหล่อนไว้คนละข้าง
“มิสเตอร์โรมาเนรี่ บอกให้รปภ.ปล่อยตัวฉันเดี๋ยวนี้ !” ปิยะดาตะโกนลั่น ขณะที่ชายหนุ่มเปลี่ยนทิศทางการเดิน จากที่ตั้งใจจะไปทางรถที่จอดรออยู่ก็เปลี่ยนใจเดินมาหาหล่อนแทน
เขาหยุดนิ่งเมื่อยืนห่างหล่อนเพียง2เมตร สองมือซุกกระเป๋ากางเกงเรียบหรู กวาดตามองคนตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“มองฉันแบบนี้หมายความว่าไงมิทราบ” กระชากเสียงถาม ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวเมื่อเห็นเขามองมาราวจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าหล่อนออกทางสายตา
“ท่าทางของคุณไม่น่าไว้ใจจริงๆนั่นแหละ ถามจริง…ได้หวีผมมาบ้างหรือเปล่า”
“หัวของฉัน ฉันจะหวีหรือไม่หวี มันก็เรื่องของฉัน” อันที่จริงหล่อนสางผมลวกๆก่อนออกจากบ้านแล้วล่ะ แต่เพราะนั่งมอเตอร์ไซค์มา ลมจึงพัดตีจนเส้นผมหล่อนยุ่งเหยิงเหมือนเพิ่งลุกจากที่นอน
“หน้าน่ะ…ได้ทาแป้งมาบ้างมั้ย”
“จะทาหรือไม่ทา มันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ” หญิงสาวนัยน์ตาวาววับ เพราะมัวโมโหราฟาเอ็ด ทำให้หล่อนไม่มีกะจิตกะใจจะแต่งหน้าทำผม อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็บึ่งรถมาที่นี่เลย
“แต่ว่า…” ตาคู่คมฉายแววประหลาดชั่ววูบหนึ่ง ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว “ถึงจะไม่แต่งหน้า คุณก็ยังสวย ไม่แปลกเลยที่จะมีผู้ชายหลายคนหลงใหลคุณ ทั้งๆที่ผมรู้ว่าคุณเป็นผู้หญิงแบบไหน ผมยังห้ามตัวเองไม่ให้อยาก…” เขาหยุดคำพูดลงเพียงเท่านั้น ก่อนตวัดสายตามองยามรักษาความปลอดภัย แล้วเอ่ยปาก
“ปล่อยเถอะ ผู้หญิงคนนี้รู้จักกับผม”
“ครับ” หนุ่มวัยฉกรรจ์ทั้งสองคนโค้งรับ ก่อนปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ แล้วถอยไปยืนประจำการที่จุดเดิม ปล่อยให้หญิงสาวอยู่กับราฟาเอ็ดตามลำพัง
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ…ไอ้ผู้ชายขี้ฟ้อง” หล่อนเริ่มเข้าเรื่องทันที แต่ชายหนุ่มยกมือห้ามไว้
“เดี๋ยวสิ เมื่อกี้ผมยังพูดไม่จบเลยนะ”
“คุณมีอะไรจะพูดก็ว่ามา”
“ผมห้ามตัวเองไม่ให้อยากกอดคุณไม่ได้จริงๆ”
“ทะลึ่ง” หล่อนถลึงตาใส่ โกรธมากกว่าจะอาย เขาเห็นหล่อนเป็นคนแบบไหนกัน นึกจะกลั่นแกล้ง พูดจาดูแคลนยังไงก็ได้อย่างนั้นหรือ
“ผมเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่มีความคิดและความรู้สึก หากว่าการที่ผมอยากกอดผู้หญิงที่ถูกใจ มันหมายความว่าผมทะลึ่ง ถ้างั้นผู้ชายคงทะลึ่งกันทั้งโลก”
“คุณจะบอกว่าตัวเองปกติงั้นสิ” หญิงสาวขึ้นเสียงสูง ยกมือขึ้นกอดอก มองหน้าเขาอย่างท้าทาย ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้ารับ บอกว่า
“ใช่ ผมปกติ แต่คุณน่ะผิดปกติ”
“ฉันผิดปกติตรงไหนไม่ทราบ”
“ผู้หญิงทุกคนพยายามหาทางใกล้ชิดผม แต่คุณ…มีโอกาสออกเดทกับผมทั้งที กลับไม่สนใจผมเลยสักนิด”
“แล้วทำไมฉันต้องสนใจคุณด้วยล่ะ ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่พี่ ไม่ใช่น้อง ไม่ใช่เพื่อน ก็แค่คนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกัน อ้อ…แล้วอีกอย่างนะ คุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้ฉันถูกไล่ออกจากงาน” หล่อนชี้หน้าเขา สายตาลุกวาว ปากอิ่มเม้มเข้าหากันอย่างเคืองขุ่น ไม่ว่าเขาจะยิ่งใหญ่มาจากไหน หล่อนก็ไม่คิดจะเกรงใจ ในเมื่อเขาทำให้หล่อนไม่มีงานทำ
“ผมเหรอคือต้นเหตุ” ราฟาเอ็ดหันนิ้วโป้งเข้าหาตัวเอง พลางเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างข้องใจ “อย่ากล่าวหากันดีกว่าลูกเป็ด”
“ฉันไม่ได้กล่าวหา คุณเป็นผู้ชายที่น่าเกลียดที่สุด”
“ผมน่าเกลียดเหรอ ทำไมคนอื่นถึงชมว่าผมน่ารักล่ะ”
ปิยะดาทำท่าคลื่นไส้อย่างเสแสร้ง ลิ้นเล็กยื่นออกมานอกปาก จนเขาถึงกับผงะ
“ลิ้นคุณยาวจัง”
หล่อนหดลิ้นกลับ ก่อนพูดด้วยเสียงจริงจัง “คนตาถั่วน่ะสิที่ชมว่าคุณน่ารัก ความจริงคุณก็รวยนะ งานก็คงเยอะ ไม่น่าจะมีเวลาหาเรื่องคนธรรมดาๆอย่างฉัน”
“ผมไปหาเรื่องคุณตอนไหน” ราฟาเอ็ดหรี่ตาลง อยากรู้นักว่าหล่อนจะแผลงฤทธิ์ยังไงต่อไป
“เลิกทำไขสือได้แล้วมิสเตอร์โรมาเนรี่ คุณโทรไปฟ้องเจ้านายฉันให้ไล่ฉันออกจากงาน คุณคือต้นตอเรื่องแย่ๆสำหรับฉัน ฉันไม่น่าเจอคุณเลยจริงๆ”
“แล้วทำไมไม่คิดว่าต้นเหตุอาจมาจากตัวคุณบ้างล่ะลูกเป็ด” ชายหนุ่มย้อนถาม มุมปากกระตุกยิ้มอย่างสาใจเมื่อเอ่ยประโยคต่อมาว่า “คุณทำให้ลูกค้าไม่พอใจ ผมประมูลคุณมา คุณก็ต้องออกเดทกับผมตามเงื่อนไข แต่คุณกลับไม่มีความอดทน แค่ผมพูดไม่เข้าหูคุณ คุณก็สาดน้ำ ปาไส้กรอกใส่หน้าผม แล้วทิ้งให้ผมนั่งหัวโด่ท่ามกลางสายตาผู้คนหลายสิบ เมื่อคุณบกพร่องในหน้าที่ คุณก็สมควรถูกไล่ออกจากงาน มันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอ”
ปิยะดาอ้าปากค้าง ความจริงสิ่งที่เขาพูดมามันก็ถูก แต่หล่อนก็อดค้านไม่ได้ “คุณดูถูกฉัน ฉันก็โมโหสิ ฉันเป็นคนมีเลือดเนื้อ รู้สึกโกรธเป็น ความอดทนก็มีวันสิ้นสุด”