พินัยกรรม(4)
อัครนัยจะมองสำรวจรอบๆบ้านสไตล์แบบญี่ปุ่นปลูกต้นไม้หลายรอบทำให้ดูร่มรื่น ข้างๆเต็มไปด้วยสนามหญ้า ล้อมด้วยรั้วสีขาวทำให้บรรยากาศดูคล้ายกับต่างประเทศ
มองไปไม่ไกลตรงนั้นเป็นคาเฟ่ของครอบครัวปราโมทย์ แม้ว่าจะไม่ใช่วันหยุดแต่ก็มีลูกค้ามากมายมาใช้บริการ เพราะนอกจากจะมีเครื่องดื่มและอาหารขายแล้ว ยังมีสัตว์แปลกๆให้ชมอีกด้วย
“คุณอาสบายดีใช่ไหมครับ ในวันงานของพ่อ ไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันเลยเพราะผมเองก็ยุ่งๆ”
เนื่องจากวันนั้นคนเยอะเป็นพิเศษชายหนุ่มจึงต้องคอยต้อนรับแขก และไม่ได้พูดคุยกับใครมากมายนัก ปราโมทย์ส่ายหน้าไม่ได้ถือสา เขาเข้าใจดีว่าเวลานั้นชายหนุ่มยุ่งวุ่นวายมากเพียงใด
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ว่าแต่มาที่นี่มีธุระอะไรหรือเปล่า”
ชายวัยกลางคนเอ่ยถามด้วยความสงสัย เป็นเวลานานหลายปีที่อัครนัยไม่ได้มาที่นี่ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเดินทางมาที่นี่กระทันหัน เขาจึงเชื่อว่าน่าจะมีธุระสำคัญอยากจะคุยด้วย
“มาริสาอยู่หรือเปล่าครับ”
ปราโมทย์ชะงักเล็กน้อยเมื่อแขกถามถึงลูกสาวคนเล็ก พยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปในบ้านและตะโกนเรียกมาริสาที่อยู่ด้านบน
“ริสามาหาพ่อหน่อยลูก”
“ค่ะพ่อ”
เสียงแว่วๆของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มนั้นอดไม่ได้ที่จะชะเง้อมอง
ปราโมทย์เดินกลับมานั่งที่เดิมเพียงไม่นาน มาริสาก็ออกมาจากบ้าน เธอสวมเสื้อยืดสีขาวและกระโปรงบานสีดำ เมื่อเห็นว่ามีแขกมาเยี่ยมก็ไม่รอช้ารีบยกมือไหว้ทันที
“สวัสดีค่ะคุณนัย”
ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะชวน หญิงสาวให้นั่งเพราะเขามีเรื่องสำคัญอยากจะคุยด้วย
เมื่อวันก่อนทนายได้เปิดพินัยกรรมของคุณพ่อ ผมได้รับหุ้นและสืบทอดตำแหน่งประธานบริษัท แต่ว่าคุณพ่อมีเงื่อนไขให้ผมแต่งงานกับมาริสา ผมถึงจะได้สิทธิ์ทุกอย่าง”
สองพ่อลูกที่ได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับนิ่งไป มาริสาสบตากับผู้เป็นพ่อก่อนจะเอ่ยถามให้แน่ใจอีกครั้ง
“หมายความว่าริสาต้องแต่งงานกับคุณ คุณถึงจะได้รับสิทธิ์อย่างชอบธรรมใช่ไหมคะ”
อัครนัยพยักหน้า ดีที่หญิงสาวเป็นคนเข้าใจง่ายเขาจึงไม่ต้องพูดซ้ำ มาริสาไม่มีปัญหาหากได้ช่วยเหลือชายหนุ่มเธอก็ยินดี แต่ดูเหมือนว่าในที่นี้มีคนไม่เห็นด้วย ปราโมทย์ไม่อยากให้ลูกสาวคนเล็กแต่งงาน ไม่ใช่ว่าเขาเห็นมาริสาอายุยังน้อย แต่เพราะไม่อยากให้ลูกต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้รัก
การแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรัก ชีวิตจะมีความสุขได้ยังไง
“ไม่มีวิธีอื่นเลยหรือครับ”
ชายวัยกลางคนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาสำนึกในบุญคุณอิศราเสมอแต่เรื่องนี้เขาขอไม่เห็นด้วย การจะให้คนสองคนแต่งงานทั้งที่ไม่ได้รักกันมันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเกิดขึ้น
ปราโมทย์ไม่อยากฝืนใจมาริสาและอัครนัย จึงคิดว่าอาจจะมีวิธีอื่นที่จะแก้ปัญหานี้ได้
“ภายในหนึ่งปีถ้าผมไม่แต่งงานกลับมาริสา มรดกทุกอย่างในส่วนของผมจะถูกยกให้กับการกุศล ผมไม่ได้เสียดายเงินหรอกนะครับคุณอา เพียงแต่ผมอยากได้สิทธิ์บริหารบริษัท พ่อรักบริษัทนี้มาก ผมคิดว่าพ่อไม่อยากเสียมันไป แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องให้ผมแต่งงานกับมาริสาก่อน”
ปราโมทย์ฟังนิ่งๆ เขามองลูกสาวก่อนจะถอนหายใจและเอ่ยถามเธอ
“ลูกคิดว่ายังไง พ่อให้สิทธิ์ลูกตัดสินใจ”
อีกไม่กี่ปีหญิงสาวก็จะอายุ 30 แล้ว เธอไม่ใช่เด็กที่จะต้องรอให้พ่อแม่มาชี้ทาง ปราโมทย์จึงยกสิทธิ์นี้ให้ลูกสาวเป็นคนตัดสินใจเอง หากมาริสายืนยันว่าจะแต่งงานกับอัครนัยเขาก็จะไม่คัดค้าน
“ผมไม่ได้มาเพื่อบีบบังคับคุณหรอกนะ ผมแค่อยากมาปรึกษาเผื่อว่าจะมีทางออกร่วมกัน”
อัครนัยเห็นว่าเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับหญิงสาวชายหนุ่มจึงต้องมาที่นี่เพื่อพูดคุยกับเธอ
“จริงๆเรื่องนี้แก้ไขไม่ยากหรอกค่ะ เราแค่แต่งงานกันไปก่อนหลังจากที่คุณได้รับโอนเสร็จทุกอย่างเรียบร้อย เราก็ค่อยหย่ากัน”
หญิงสาวเสนอทางออก เธอคิดว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในเวลานี้ แต่งงานกันได้ก็หย่ากันได้ ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“คุณสะดวกใจหรือเปล่าที่จะแต่งงานกับผม”
“ฉันไม่มีปัญหาหรอกค่ะ การได้ช่วยเหลือคุณ ก็เป็นการตอบแทนบุญคุณของคุณอิศราเหมือนกัน”
หญิงสาวเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม เธอรู้ว่ามันอาจเป็นเรื่องน่าลำบากใจสำหรับอัครนัย แต่เธอก็ให้คำมั่นสัญญาว่าหลังจากที่แต่งงานไปแล้ว จะยอมหย่าให้แต่โดยดีโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ
“ขอบคุณนะริสา ผมขอเวลาเตรียมตัวสักระยะ แแล้วผมจะติดต่อมา”
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนก่อนที่เขาจะยกมือไหว้ปราโมทย์เพื่อร่ำลา
หลังจากที่รถหรูแล่นออกไปชายวัยกลางคนก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เขาหันมองลูกสาวก่อนจะย้ำถามถึงสิ่งที่อีกฝ่ายนั้นได้ตัดสินใจลงไปแล้ว
“ลูกแน่ใจแล้วหรือว่าจะทำแบบนี้”
“ถ้าไม่ทำวิธีนี้ก็ไม่มีวิธีไหนแล้วนะคะพ่อ หนูสงสารคุณนัย เขาเพิ่งสูญเสียพ่อไป หนูไม่อยากให้เขาเครียดกับเรื่องอื่นๆอีก”
หญิงสาวยอมเสียสละตัวเองเพียงเพราะเธอนั้นเห็นใจชายหนุ่ม อีกอย่างการแต่งงานกับอัครนัยก็ไม่ใช่เรื่องน่าเสียหายอะไร มาริสายินดีช่วยเหลือเพราะถึงยังไงเธอกับเขาก็ต้องหย่ากันในภายหลัง
หญิงสาวไม่ได้รู้สึกกังวลใจต่างจากพ่อของเธอที่รู้สึกไปก่อนแล้ว ปราโมทย์รู้ดีว่าเรื่องนี้มันจะไม่จบที่การหย่าอย่างแน่นอน อีกอย่างตามเงื่อนไขสัญญาทั้งสองต้องแต่งงานกันให้ครบ 1 ปี แล้วหากถึงเวลานั้นลูกสาวของเขาเกิดผูกพันกับอัครนัยขึ้นมา การหย่าร้างจะไม่ทำให้มาริสาต้องเจ็บปวดหรอกเหรอ
ชายวัยกลางคนไม่สบายใจ ไม่ใช่ว่าเขาเคลือบแคลงในตัวอัครนัย แต่เพราะกลัวว่าลูกสาวจะต้องเสียใจในภายหลังที่ตัดสินใจแบบนี้
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พ่ออยากให้ระลึกไว้ว่านี่คือสิ่งที่ลูกเลือกเอง”
มาริสาพยักหน้า ไม่ว่าวันหน้าจะเป็นยังไงเธอจะไม่เสียใจกับเส้นทางที่ตัวเองเลือก เป้าหมายของเธอในยามนี้คือการได้ช่วยเหลืออัครนัย ส่วนใน วันหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เธอไม่ขอนึกถึงและเลือกที่จะอยู่กับปัจจุบัน