ตอนที่4 ของคู่กัน
ภาริณีเดินออกมา พร้อมมองหาแท็กซี่ สถานที่เที่ยวอย่างนี้กลับไม่มีรถแท็กซี่สักคันผ่านมา หญิงสาวถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปเรื่อย ๆ อย่างหัวเสียกับสิ่งที่เจอในแต่ละวัน
ปรี๊ด! เสียงบีบแตรดังขึ้นจากรถของทศวรรษที่ขับมาทางด้านหลังเธอ ภาริณีไม่สนใจ ก่อนจะเดินไปเรื่อย ๆ หญิงสาวไม่เข้าใจว่าทำไมการที่เธอพยายามไม่ข้องเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้มากเท่าไหร่ ชายหนุ่มก็ยิ่งมายุ่งวุ่นวายกับเธอมากเท่านั้น
“นี่ จะเดินกลับบ้านรึไง มันดึกขนาดนี้ไม่กลัวเหรอ!”
“ไม่ ก็ยังดีกว่าไปกับนาย”
“อ้อ นี่จะบอกว่าโดนข่มขืนขึ้นหน้าหนึ่งก็ยังดีกว่าให้ฉันไปส่งใช่ไหม”
“ปากเสีย มาแช่งฉันแบบนี้ สงสัยทุกวันนายคงอยากให้มันเกิดขึ้นกับฉันจริงสินะ” ชายหนุ่มเห็นเธอไม่ยอมมากับตนสักที เขาจึงขับไปจอดข้างหน้า ก่อนจะเดินลงจากรถตรงมาหาเธอ
“ไม่ห่วงตัวเองก็ห่วงความรู้สึกน้องตาบ้าง” หญิงสาวถอนหายใจออกมา นี่คงเป็นเหตุผลเดียวสินะที่ทำให้เขามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตเธอ
“หลีกไป ไม่ต้องมาทำดีกับคนอย่างฉัน ฉันไม่ต้องการ”
“เธอท่าทางจะป่วยนะ มีแต่อคติในใจ มีความสุขมากรึไงกับการที่ใช้ชีวิตแบบนี้ ฉันก็ไม่อยากยุ่งกับเธอแม้แต่น้อย ถ้าไม่เห็นว่าเธอเป็นพี่สาวของน้องตา ฉันก็คงไม่ยุ่งหรอก”
“เก็บเอาคำพูดนี้ไปใช้กับตัวเองเถอะ ผู้ชายที่ผ่านผู้หญิงมาไม่น้อย คบไม่เลือก จู่ ๆ มาขอยัยตาแต่งงาน คิดสิท่าว่าคงหาคนโง่ ๆ แบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในบ้านหรือนอกบ้านก็ไม่มีใครจับได้ ฉันเกลียดที่สุดก็คือคนอย่างนาย แสร้งทำเป็นดี ไม่ต้องมาแสดง เพราะฉันไม่ได้โง่” ชายหนุ่มกัดกรามดังลั่น ทำไมปากคอเธอร้ายขนาดนี้ เมื่อก่อนเขาเป็นอย่างนั้นจริง แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว
“ถ้าเธอเห็นว่าฉันมันเป็นผู้ชายมักมาก แล้วรู้ไหมพวกผู้ชายพวกนี้ชอบทำอะไรกับคนอย่างเธอ” ชายหนุ่มก้าวเท้ามาใกล้ ภาริณีมองคนตรงหน้า ก่อนจะเริ่มเดินถอยหลัง สายตาที่มองเธอมานั้นมันบ่งบอกว่าไม่เป็นมิตรเอาซะเลย
เพี๊ยะ! ทศวรรษยังไม่ทันได้ทำอะไร ฝ่ามือน้อย ๆ ของภาริณีก็ฟาดเข้าที่หน้าชายหนุ่มทันที ใบหน้าของเขาหันไปตามแรงมือหญิงสาว แววตาตกใจเผยออกมา เพราะไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับเขาสักคน ใบหน้าหล่อเหลาของทศวรรษหันกลับมามองด้วยความโมโห ก่อนจะเดินประชิดตัวของภาริณี พร้อมยกมือขึ้นมาบีบคางเธอเอาไว้แน่น
“ไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ โธ่เว้ย ปล่อยเดี๋ยวนี้” เธอร้องสั่งเขา แต่กลับไม่เป็นผลสักนิด หน้าภาริณีเริ่มแสดงสีหน้าเหยเกออกมาอย่างเห็นได้ชัด เธอรู้สึกเจ็บกับแรงสัมผัสของชายหนุ่มตรงหน้าไม่น้อย
“อย่าเก่งให้มันมาก กลับบ้านได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจปล่อยให้เธอเดินกลับบ้านเอง” ทศวรรษเปิดประตูรถ พร้อมผลักเธอเข้ารถ จนไม่สนใจว่าภาริณีจะเจ็บแค่ไหน
ตลอดทางทั้งสองคนไม่ได้สนทนากันแม้แต่น้อย ไม่นานนักรถของชายหนุ่มก็มาจอดหน้าบ้านของเธอ ภาริณีเปิดประตูออกไป ก่อนจะรีบวิ่งเข้าบ้าน ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเลี้ยวรถออกไป นี่ก็ดึกมากแล้วเขาไม่อยากเข้าไปรบกวน ภาริณีเดินเข้ามาในห้องนอนจะวางกระเป๋า สองมือกำแน่น เธอจับใบหน้าตัวเองด้วยความเจ็บ มีรอยนิ้วมือของเขาอย่างเห็นได้ชัด
ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ภาริณีไปเปิด ก่อนจะเห็นน้องสาวตัวเองยืนอยู่ เธอรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ ภาริตาก็มาหาเธอที่ห้อง
“พี่ภา ตาของเข้าไปหน่อยได้ไหม” หญิงสาวพูดเหมือนขอ แต่เธอยังไม่ตอบภาริตาก็เดินเข้ามาในห้องนอนของเธอเสียแล้ว ภาริตามองไปรอบ ๆ ห้อง ท่าทางของภาริตาทำให้หญิงสาวมองนิ่ง
ภาริตาเดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะตรงไปจับตุ๊กตาหมีที่แม่ของเธอเป็นคนซื้อให้ทั้งสองคนพี่น้อง ทุกอย่างที่แม่ซื้อให้เหมือนกันหมด ธรรมดาที่มีลูกแฝดเวลาซื้ออะไรก็ต้องซื้อเหมือนกัน รอยยิ้มน้อย ๆ ของภาริตาเผยออกมาเมื่อนึกถึงเรื่องราวในวัยเด็ก
“คิดถึงคุณแม่จัง พี่จำได้รึเปล่า เมื่อก่อนเวลาที่แม่กับพ่อซื้อของให้เรา มักจะเหมือนกันเสมอ เพราะตาชอบของที่เหมือนของพี่ภา ทั้งตุ๊กตาตัวนี้หรือสิ่งต่าง ๆ ภายในห้องนี้ก็เหมือนกัน” ภาริณีนั่งปลายเตียง เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่น้องสาวเธอจะบอก ทำได้แต่มองดูท่าทางของหญิงสาวอย่างเงียบ ๆ
“แต่นั้นมันก็แค่ตอนเด็ก พอโตขึ้นเราสองคนต่างก็ไม่เหมือนกัน ไม่มีอะไรที่จะชอบเหมือนกัน ใช่ไหมคะ” ภาริตาหันหน้ามาถามพี่สาวนั่งอยู่
“เธอก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่ใช่พี่สาวที่แสนดีเหมือนใคร ฉันอาจจะชอบทุกอย่างที่เธอชอบก็ได้” ตอนนี้ภาริณีเข้าใจในสิ่งที่น้องสาวพยายามจะสื่อแล้ว
“พี่ไม่มีทางได้ในสิ่งที่พี่อยากได้ เพราะทุกอย่างมันเป็นของฉันคนเดียว”
“ฉันแปลกใจนะภาริตา ในสายตาคนอื่น ทำไมเธอแสนอ่อนหวาน หัวอ่อน บอบบาง แต่ทำไมในสายตาฉันเธอถึงเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจที่สุด คำพูดโกหกของเธอทำให้ฉันต้องทุกข์เสียใจ อย่าหวังว่าชาตินี้ฉันจะให้อภัยคนอย่างเธอ”
“นี่พี่ยังไม่ลืมเรื่องนั้นไปอีกเหรอ ตอนนั้นฉันยังเด็ก ไม่เข้าใจอะไรมากหรอก”
“หึ เด็ก เด็กมีปัญหาละสิไม่ว่า ขาดความรักไง เพราะแม่รักฉันมากกว่าเธอ เธอถึงมีนิสัยแบบนี้”
“งั้นแม่ก็คงภูมิใจมากสินะที่ได้ตายเพราะพี่”
“ยัยตา เพี๊ยะ!” ภาริณีตบหน้าน้องสาวจนหันไปตามแรงมือ เธอทนไม่ได้ที่ภาริตามาพูดถึงมารดาอย่างนี้ น้ำตาของภาริตาไหลออกมา ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทำให้ภาริณีถอนหายใจดังลั่นออกมาอย่างเหนื่อยล้า
เสียงร้องไห้ของภาริตา ทำให้นายอัครราชผู้เป็นบิดาเดินออกมาจากห้องนอนด้วยแววตาแปลกใจ หญิงสาวทำหน้าเช็ดน้ำตาแสร้งว่าไม่อยากให้ผู้เป็นพ่อเห็น
“ตา เป็นอะไรไปลูก ใครทำอะไรไหนบอกพ่อสิ”
“เปล่าค่ะพ่อ ตาไม่เป็นอะไร” เธอบอกปฏิเสธ แต่พออัครราชเห็นรอยฝ่ามือบนใบหน้าของลูกสาวคนโปรดก็เลือดขึ้นหน้า ก่อนจะตรงไปที่ห้องลูกสาวคนโต
“คุณพ่อขา ตาไม่เป็นอะไรจริง ๆ ค่ะ”
“นังภา เปิดประตูเดี๋ยวนี้ ก่อนฉันจะพังมันลง” เสียงโวยวายดังลั่นบ้าน จนคุณหญิงอิรวดีออกมาดู ภาริณีเปิดประตูออกมา สายตาแข็งกร้าวมองบิดาอย่างไม่เกรงกลัวใด ๆ
เพี๊ยะ! ฝ่ามือหนาของอัครราชตบใบหน้าลูกสาวคนโตจนเซล้มไป แต่ภาริณีกลับไม่ร้องออกมาสักนิด เธอชินชาเสียแล้วกับเรื่องพวกนี้
“ตายแล้ว หยุดนะ ทำอะไรลงไป ทำไมต้องทำร้ายลูกตัวเองแบบนี้”
“คุณแม่ก็ดูมันทำร้ายน้องสิ สมควรแล้วที่โดนสั่งสอน”
“ภาลูก เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“แม่เลิกโอ๋มันสักที เพราะเป็นแบบนี้ไง มันถึงมีนิสัยแบบนี้ คนเลว ๆ แบบมันไม่รู้จะอยู่ให้รกหูรกตาทำไม”
“คุณพ่อ อย่าตีพี่ภาเลยนะคะ ตาผิดเองที่เข้าไปหาพี่ภา พี่ภาอาจจะเหนื่อยเลยโมโห”
“เหนื่อยเหรอ กลิ่นเหล้าแรงออกขนาดนั้น เที่ยวกลางคืนเหมือนผู้หญิงสำส่อน คงมั่วกับผู้ชายไปทั่ว ถ้าท้องขึ้นมานะ ฉันจะถือว่ามันไม่ใช่เกตุวิชัยแสง”
“คุณพ่อคงอยากให้ภาทำอย่างที่คุณพ่อบอกสินะคะ เห็นพูดจังเลย ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ คนอย่างภาถ้าจะเลว จะมั่ว ไม่ต้องให้คุณพ่อมาสอนหรอก”
“อีลูกเวร จะไปไหนก็ไป อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
“พอแล้ว พอสักทีตาอัคร แม่ขอ หนูภา หลานเข้าไปพักผ่อนเถอะนะ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น อย่างไรหลานก็เกตุวิชัยแสงทั้งคน ย่าไม่ให้ใครหน้าไหนมาไล่หลานไปเด็ดขาด” ภาริณีทำตามที่คุณย่าบอกเธอเข้าไปในห้อง พร้อมปิดประตู
หญิงสาวยืนนิ่งพร้อมกำมือเรียวสวยเอาไว้แน่น ก่อนที่น้ำตาสีใสจะไหลออกมา สีหน้าเรียบนิ่งปาดน้ำตาอย่างเย็นชา เธอเจอเหตุการณ์แบบนี้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันชาจนชินไปเสียแล้ว