บท
ตั้งค่า

บทที่8

เมี่ยวจ้านคอยจ้องมองอยู่มิคลาดสายตา ด้วยมารดาตนอยู่ในระยะมิปลอดภัย หากนางเสี่ยงเข้าโจมตีในขณะที่สภาพจิตใจของมารดา มิปกติเช่นที่คนภายนอกมองเห็นนั้นนับว่าอันตรายมากทีเดียว นางไม่อาจตามเข้าไปได้จึงจำใจได้แต่ยืนควบคุมสถานการณ์อยู่ไม่ห่าง

หยางซานหลางยังคงผูกพันในตัวหลิวเจินเจิน แต่เขาจำต้องช่วยผู้ให้กำเนิดเช่นกัน ร่างสูงอาศัยจังหวะที่คนตรงหน้ากำลังสับสน ลุกขึ้นรวบร่างมารดาเลี้ยงมาไว้ในอ้อมแขน โดยมีดาบทาบทับอยู่ที่ลำคอ หลิวเจินเจินยิ้มเย็นเมื่อรู้แล้วว่า ความรักที่ตนมิอาจชโลมใจของบุตรชายได้เลย นางจึงทำเพียงโอนอ่อนตามบุตรชาย

“ปล่อยมารดาข้า หยางซานหลาง เจ้าคนอกตัญญู ค่าน้ำนมมารดาของข้า มันไม่มีความหมายสำหรับเจ้าสักนิดเลยหรืออย่างไรกัน” เมี่ยวจ้านพูดเสียงกร้าว

หยางซานหลางกลืนก้อนบางอย่างที่จุกอยู่ในลำคอลงไปจนหมดสิ้น เมื่อได้ฟังคำพูดต่อว่าจากน้องสาว ทางเลือกสำหรับเขา มันไม่มีเลยในเวลานี้ อยู่ก็เหมือนตาย แต่จะตายก็ยังมิอาจทำได้

“ฮา ๆ ๆ เจ้าไม่มีสิทธิ์…มาต่อรองกับข้า น้องสาว ปล่อยพระสนม มิเช่นนั้น นางตาย”

หยางซานหลางพยายามควบคุมน้ำเสียงเอาไว้ เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าตอนนี้ เขารู้สึกเช่นไร ในเมื่อมารดาแท้ ๆ กำลังจ้องมองมาที่เขา ส่วนแม่ผู้เลี้ยงดูอุ้มชูเขามานั้นอยู่ในอ้อมแขนของตน มันอบอุ่นเหลือเกินกับสตรีที่แนบกับอกแกร่ง ทว่า นางจำเป็นต้องตายด้วยหรือ คำนี้ เขาเคยอยากที่จะเอ่ยถามบิดายิ่งนัก แต่ความขุ่นเคืองและน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาทำให้ต้องเก็บมันเอาไว้ในใจแทน

“มิต้องสนใจแม่ เมี่ยวเอ๋อร์…จำคำแม่เอาไว้ให้ดี แม่รักเจ้าทั้งสองคน และแม่ยินดีตายด้วยมือของเจ้าซานหลาง แต่แม่จะมิยอมฆ่าลูกชายที่ดื่มนมจากอกของมารดาผู้นี้เป็นอันขาด”

คำพูดของหลิวเจินเจิน มันทิ่มแทงใจของหลิวเมิ่งชียิ่งนัก มันช่างเจ็บปวดยิ่งกว่ากระบี่ที่ปักกายนางอยู่ในตอนนี้หลายเท่าเลยก็ว่าได้

“หุบปาก! อย่าใช้มารยาหลอกข้า ท่านแม่คิดว่าข้าโง่งมแล้วจะพากันปั่นหัวข้าอย่างไรก็ได้เช่นนั้นใช่ไหม ทุกคนเห็นข้าเป็นตัวอะไรกันแน่ ตอบข้ามา!”

น้ำเสียงของคนที่เสมือนใจแตกสลายของชายหนุ่มช่างสะเทือนใจใครหลาย ๆ คนนัก หยางซานหลางยิ้มหยันกับคำถามที่เขาไม่มีวันได้คำตอบ ก่อนจะมองเลยไปยังผู้ให้กำเนิดซึ่งทำได้เพียงร้องไห้น้ำตานองหน้า

“ไม่เลยลูกรัก…แม่ไม่เคยทำเช่นนั้นกับเจ้า” หลิวเมิ่งชีละล่ำละลักแก้ตัวด้วยใบหน้าตื่นตกใจ นางมิเคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าบุตรชายจะพูดออกมาเช่นนี้

“ซานหลาง! ลูกรู้แก่ใจว่าแม่เป็นเช่นไร” หลิวเจินเจินไม่มีคำแก้ ตัวเพื่อให้ตนเองดูดีเหนือญาติผู้พี่ แต่ใช้ความเป็นจริงในอดีตที่ผ่านมาเป็นตัววัดค่าของตนเอง

หยางซานหลางดวงตาแดงก่ำด้วยหัวใจอันแหลกสลาย เขาจะทำอย่างไรได้ ในเมื่อมารดาที่แท้จริงกำลังมองมาด้วยดวงตาที่แสนรักใคร่เขาผู้เป็นบุตร แต่คนที่อยู่ในอ้อมแขนคือผู้ที่กลั่นเลือดในอกให้เขาดื่มกินมาจนเติบใหญ่ ความสำนึกผิดชอบชั่วดีกำลังฆ่าชายหนุ่มโดยมิรู้ตัว

ร่างแกร่งสั่นสะท้านจนหลิวเจินเจินรับรู้ได้ มืออุ่นยกขึ้นลูบแขนบุตรชาย พร้อมซบหน้าลงยังท่อนแขนแกร่งที่พาดผ่านช่วงใต้ลำคอตน พร้อมน้ำตาไหลรินออกมา ด้วยความรักของมารดามีต่อบุตรทำให้ใจที่กำลังหมดสิ้นทุกอย่างปวดร้าวจนแทบไร้เรี่ยวแรงจะยืนต่อ

“แม่มิโทษเจ้าลูกรัก ลงมือเถิด…แม่ยอมสิ้นใจด้วยมือเจ้า ซานหลาง แต่จะไม่ยอมให้เจ้าสองพี่น้องต้องมาเข่นฆ่ากันต่อหน้าแม่เช่นนี้อีก”

ดวงตาคู่งามหลับลงอย่างช้า ๆ ก่อนจะเอนศีรษะไปพิงช่วงอกแกร่งของชายหนุ่ม หยางซานหลางกัดฟันจนแทบละเอียดเพื่อกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา หากใครมิเป็นเขาคงไม่สามารถรู้ได้ว่าตอนนี้เขาเจ็บปวดเพียงใด เมื่อจำต้องเลือกสตรีที่รักเขาทั้งคู่ยิ่งกว่าสิ่งใด

เมี่ยวจ้านดวงตาแดงก่ำไม่ต่างจากพี่ชายและมารดา นางจะไม่ยอมเสียแม่ให้แก่พี่ชายผู้ทรยศต่อบ้านเมืองอีกเป็นครั้งที่สอง ร่างบางเริ่มขยับทีละน้อยเพื่อหาตำแหน่งที่เหมาะสมจะเข้าชิงตัวมารดา

หลิวเจินเจินทิ้งอาวุธ ค่อย ๆ หลับตาลง ทั้งยังเชิดหน้าอย่าทะนง มิหวาดกลัวต่อความตาย หากปล่อยหลิวเมิ่งชีให้รอด เรื่องเลวร้ายจะยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก เช่นนั้นแล้ว เพื่อบุตรและแผ่นดิน นางยอมตาย และนางมั่นใจว่าซานหลางเองก็มิอาจรอดพ้นฝีมือของเมี่ยวจ้านไปได้เช่นกัน

“หยางซานหลาง เจ้าทำร้ายท่านแม่ของข้า มารดาเจ้าต้องตายเช่นกัน รวมทั้งตัวเจ้าด้วย คนต่ำช้ามิสมที่เป็นถึงแม่ทัพผู้เกรียงไกร กลับใช้สตรีเป็นข้อต่อรอง ไร้ศักดิ์ศรียิ่งนัก” เมี่ยวจ้านเสียงเครียดเมื่อมองชัด ว่าอีกฝ่ายอาจไม่ใส่ใจคำของนาง

“ปล่อยนาง แล้วข้าจะสู้กับเจ้าอีกครั้ง”

หยางซานหลางต่อรองกับน้องสาวเช่นกัน เขาเลือกไม่ได้ว่าจะให้แม่แท้ ๆ หรือมารดาเลี้ยงเป็นผู้รอดชีวิต พระสนมหลิวสมควรตาย เขารู้ดี แต่นางคือคนสำคัญของบิดาและเป็นผู้ที่ให้กำเนิด ถึงนางจะเลวร้ายเพียงใดก็ยังนับว่านางมีพระคุณที่ไม่ได้ฆ่าเขาตั้งแต่อยู่ในครรภ์

ส่วนคนในอ้อมแขนนั้นทั้งรักและยอมตายเพื่อเขา ยิ่งไม่สมควรต้องมาตายเพื่อคนเช่นเขาเลยสักนิด

“ปล่อยนาง…ฮา ๆ หยางซานหลาง ข้ากินข้าว มิได้กินหญ้าเข้าใจไว้ด้วย สัจจะมิเคยในหมู่คนพาล พี่ชายข้า เจ้ามันก็จัดว่าเป็นคนพวกนั้น หากเจ้ามีจิตสำนึกจริงดังว่าคงจะปล่อยท่านแม่ แล้วเฉือนคอตนเอง แทนที่จะลงมือสังหารคนที่กลั่นเลือดให้เจ้าดื่มกิน”

พูดจบ เมี่ยวจ้านกลับสะบัดแส้พันรอบคอของสนมหลิวแทน

“เจ้าก็มิต่างจากข้า น้องพี่ หากทำร้ายพระสนม แม่เจ้าก็ต้องตาย อกตัญญูคงมิใช่ข้าผู้เดียวเสียแล้วสินะ!”

หยางซานหลางไม่ได้รู้สึกตื่นกลัวเลยสักนิด ทั้งที่เขาควรจะหวาดหวั่นกับสิ่งที่น้องสาวกระทำ เขาเหมือนไร้ความรู้สึกในสายตาของทุกคน แต่ผู้ที่เจ็บปวดมากกว่าผู้ใดคงหนีไม่พ้นพระสนมหลิว นางเห็นรอยยิ้มเย็นของบุตรชาย ดูเขาไม่ทุกข์ร้อนกับความตายของนางอย่างที่ควรจะเป็น

“ไม่เลย หยางซานหลาง เราต่างกันมาก เพราะข้ารู้ว่าท่านแม่สละตนเพื่อเจ้าและแผ่นดิน แต่คนโง่งมเช่นเจ้าต่างหากที่มิรู้ว่ามารดาผู้อุ้มชูตนมาทำเพื่อลูกนอกไส้เช่นเจ้าเพียงไรบ้าง ส่วนแม่เจ้า นางทำสิ่งใด นอกจากบงการชีวิตเจ้า หากนางรักเจ้าจริงดังปากว่า นางก็ไม่ควรบอกความจริงเรื่องชาติกำเนิดให้เจ้ารู้ หรือไม่ก็ควรเอาเจ้าไปสวมรอยเป็นลูกฮ่องเต้ยังจะไม่ดีกว่าฆ่าข้าแล้วเอาเจ้ามาแทนที่ เจ้าคิดว่าเพราะอะไรกัน นอกจากพวกเขาห่วงตัวเองมากกว่ารักเจ้าอย่างไรล่ะ”

“หุบปากนะ! อย่าไปฟังนางนะ ซานหลาง” หลิวเมิ่งชีตวาดเสียงดังใส่เมี่ยวจ้าน ก่อนจะพูดกับบุตรชาย

น้ำตาที่สกัดกั้นมาก่อนหน้าไหลทะลักอาบแก้มชายหนุ่ม ดวงตาหลุบต่ำลงมองคนในอ้อมแขนที่หลับตายืนนิ่งมิขัดขืน ก่อนจะมองไปยังสตรีอีกคนซึ่งถูกตรึงติดกับต้นไม้ด้วยกระบี่ ลำคอของนางถูกพันรอบด้วยแส้ทองของน้องสาวตน

หลิวเมิ่งชีส่ายหน้าน้อย ๆ ด้วยกลัวบุตรชายใจอ่อนให้แก่ศัตรู และเป็นการปฏิเสธสิ่งที่เมี่ยวจ้านกล่าวหา ภายในใจของนางสะเทือนอยู่ไม่น้อย เพราะทุกคำของชายหนุ่มที่เอื้อนเอ่ยถึงตัวนางจะมีคำว่าแม่แม้สักครึ่งคำก็หาไม่

“ฆ่านาง ซานหลาง แล้วหนีไปซะ…กลับไปหาท่านพ่อ แล้วเขาจะปกป้องลูกเอง”

เสียงตะโกนด้วยแรงที่เหลือน้อยนิดของหลิวเมิ่งชีปลุกให้หยางซานหลางขยับมือที่ถือดาบ แต่ยังไม่ทันได้ลงมือ

ฉึก! ลูกธนูดอกใหญ่พุ่งมาอย่างรวดเร็ว ปักลงกลางแผ่นหลังแกร่ง ทะลุยังอกด้านหน้าของหยางซานหลาง

“ไม่…ลูกข้า! ไม่จริง! ซานหลาง…!”

หยางซานหลางก้มลงมองกลางอกของตน ก่อนจะเงยหน้ามองไปยังสตรีที่เขาผลักออกห่างกายได้ทันท่วงที ก่อนนางจะได้รับบาดเจ็บ หรือสิ้นลมไปหากเขาเชื่องช้ากว่านี้

หลิวเจินเจินที่ยังนั่งอยู่กับพื้นดินสั่นสะท้านไปทั้งกาย เมื่อมองไปยังบุตรชายที่ส่งยิ้มมาให้เหมือนเมื่อครั้งพวกนางอยู่ร่วมบ้าน รอยยิ้มที่ตราตรึงใจนางมากว่ายี่สิบปี หลิวเจินเจินไร้เรี่ยวแรงจะลุกขึ้น แต่เมื่อมือหนาของบุตรชายยื่นมาหานาง หลิวเจินเจินรีบยันตัวลุกขึ้น วิ่งเข้ารับร่างของหยางซานหลางที่กำลังจะล้มลง

“ซานหลาง…แม่อยู่นี่”

ส่วนเมี่ยวจ้านได้หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีผู้ใดทันสังเกตเห็น มีเพียงหลิวเมิ่งชีที่ดวงตาเหลือกค้าง ด้วยอาการตกใจจนแทบสิ้นสติ ร่างที่กำลังหายใจรวยระริน มองดูด้านหลังของบุตรชายซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ในอ้อมกอดของหลิวเจินเจิน

ลูกธนูเป็นของผู้ใดกัน ไยมันคิดจะมาพรากดวงใจของนางไปเช่นนี้ ลมหายใจของหลิวเมิ่งชี เริ่มแผ่วลงทุกขณะร่างกายหนาวสั่น ดวงตาเริ่มพร่าเลือน ทว่านางยังพยายามฝืนที่จะลืมมันเอาไว้เพื่อมองบุตรชายให้ชัด ๆ และดูให้แน่ใจว่าเขายังมีลมหายใจอยู่

หลิวเจินเจินไร้ความรู้สึกเจ็บปวด ทั้งที่เข่าของนางกระแทกลงพื้นดินอย่างแรง ด้วยไม่อาจทานน้ำหนักของหยางซานหลางที่ทรุดกายล้มลงเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่ร่างของชายหนุ่มจะกระแทกยังพื้นดิน

ใบหน้าของบุตรชายแนบอยู่กับอกของนาง มือบางสั่นระริกจนไม่อาจควบคุมได้ ก่อนลูบไปตามใบหน้าซึ่งเคยหล่อเหลาของบุตรชายอย่างแผ่วเบา มือบางปลดหน้ากากของชายหนุ่มออกช้า ๆ เสมือนเกรงกลัวว่าเขาจะเจ็บปวดเอาได้ ยิ่งพิศใบหน้าที่ไร้สิ่งบดบัง ใจของคนเป็นแม่ยิ่งปวดร้าว

“ไยทำเช่นนี้ ซานหลาง ฮือ ๆ ทำไมเจ้าไม่ปล่อยให้เป็นแม่เล่า”

หลิวเจินเจินสะอื้นไห้ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ มันเพียงเสี้ยวนาทีเท่านั้น แต่ทว่ามันกำลังจะพรากบุตรชายไปจากนางเร็วกว่าที่คาดคิดเอาไว้ ในจังหวะที่สองพี่น้องหยั่งเชิงกันอยู่นั้น หยางซานหลางเองก็เหมือนกำลังจะลังเลกับการที่จะลงมือกับมารดาเลี้ยง

ทว่าอยู่ ๆ ลูกศรลึกลับก็พุ่งตรงมา โดยเป้าหมายก็คงไม่พ้นหัวใจของนาง แต่เพียงเสี้ยววินาทีนั้น นางกลับล้มลง และเมื่อหันกลับไปด้านหลังเท่านั้น ใจของนางก็แทบแหลกสลาย หยางซานหลางหมุนกายเข้ารับลูกธนูแทนผู้เป็นแม่ พร้อมกับผลักนางออกให้พ้นอันตราย เพราะการต่อสู้มีอยู่รอบด้านย่อมเป็นใครก็ได้ที่ลงมือ

ชายหนุ่มกลับที่เลือกรักษาชีวิตนางเอาไว้ แทนที่เขาจะรักษาชีวิตตนเองเสียมากกว่าทั้งที่มีโอกาสอยู่มากมาย ทั้งรอยยิ้มและดวงตาเปี่ยมรักของบุตรชายส่งมาให้ก่อนร่างสูงจะล้มลง มันช่างดูมีค่ากว่าทองพันชั่งก็มิปาน

“ท่านแม่! อึก! ข้าขอโทษที่มิอาจเลือกได้”

ใบหน้าที่แนบอยู่กับอกของมารดา เงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาเศร้าสร้อย เลือดไหลทะลักออกมาจากริมฝีปากหนาได้รูป น้ำตาเปรอะเปื้อนไปทั้งใบหน้า ลมหายใจที่มีเสียงดังครืดคราด บอกถึงอาการของผู้เป็นเจ้าของกายได้อย่างชัดเจน หยางซานหลางยิ้มอย่างอ่อนแรงกับชะตากรรมของตนเอง

“ซานหลาง! แม่จะช่วยเจ้าเองลูกรัก ทำใจดี ๆ เอาไว้นะ แม่จะไม่ยอมเสียเจ้าไปเป็นอันขาด” หลิวเจินเจินละล่ำละลักบอกบุตรชาย ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พร้อมทั้งพยายามกล้ำกลืนก้อนแข็ง ๆ ที่จุกอยู่ตรงลำคอ

หลิวเจินเจินใช้มืออันสั่นเทา ลูบวนยังรอบปลายลูกธนูที่ทะลุอยู่กลางร่างแกร่งของบุตรชายด้วยอาการตื่นกลัว นางไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน ทั้ง ๆ ที่ในอดีตนางคือหนึ่งในกองทัพของบิดา ไยวันนี้นางขาดสติได้ถึงเพียงนี้กัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel