บทที่4
เมี่ยวจ้านยิ้มเย็น มิรู้สึกอันใดกับคำพูดของพี่ชายร่วมบิดา ไยนางต้องใส่ใจด้วย ในเมื่อปัจจุบันนี้ นางเหนือกว่าอีกฝ่ายทุกประการ นางคือคนที่จะขึ้นครองบัลลังก์แห่งจิ้งหนานโดยไม่ต้องแย่งชิงมาแม้แต่น้อย
ส่วนเขา หยางซานหลางนั้นกำลังพยายามที่จะแย่งชิงมา โดยมิรู้ว่าจะสำเร็จได้มากน้อยเพียงใด มันชัดเจน ซึ่งไม่ต้องให้ผู้ใดมาบอกว่าระหว่างนางกับพี่ชายใครเหนือกว่ากัน
“แล้วอย่างไร หยางซานหลาง ข้าต้องลงไปนอนดิ้นบนพื้นดินต่อหน้าเจ้ากับบิดาอย่างนั้นรึ นั่นคงมิใช่คนเช่นข้าเป็นแน่ ข้าเมี่ยวจ้านไม่มีวันลดตัวลงไปคุกเข่า เรียกร้องสิ่งใดให้เสียเวลากับคนเช่นเจ้าสองพ่อลูกเป็นอันขาด สกุลหยางสำหรับข้าแล้วช่างไร้ความหมายยิ่งนัก” เมี่ยวจ้านเองก็ยอกย้อนพี่ชายของตนด้วยคำพูดถากถางไม่แพ้กัน
หนึ่งแม่ทัพแห่งชีเป่ยผู้ไร้พ่ายกับนางขุนพลผู้ถูกขนานนามว่าพยัคฆ์ร้ายแห่งจิ้งหนาน แม้สายเลือดเดียวกัน แต่จิตใจกลับแตกต่างราวฟ้ากับเหว ทั้งสองฝ่ายต่างมีฝีมืออันสูงส่ง หากวัดกันในเวลานี้ เมี่ยวจ้านเองก็มิด้อยไปกว่าผู้เป็นพี่ชายร่วมบิดาแม้แต่น้อย ครานั้นที่พ่ายแก่บิดานั้นเพราะนางบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป นางพร้อมอย่างที่สุดสำหรับการประมือกับชายหนุ่มตรงหน้า หรือแม้แต่บิดาผู้ทรยศต่อแผ่นดินอย่างหยางซานชิน
“ปากดีเช่นมารดาเจ้ายิ่งนัก น้องสาวพี่…แต่เสียดายที่เราคงไม่ได้สังสรรค์กันเช่นพี่น้องสกุลอื่น”
หยางซานหลางพยายามทำให้เมี่ยวจ้านพลั้งเผลอเพื่อที่พวกเขาจะได้เข้าจู่โจมพวกนางได้โดยง่าย เขาไม่เชื่อว่ามารดาซึ่งเป็นถึงบุตรสาวอดีตแม่ทัพใหญ่จะไร้คนคุ้มกัน มันย่อมเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน หากตัวเขาใช้เพียงความขุ่นมัวของจิตในการโจมตีอาจพลาดตกเป็นรองได้
“เช่นกันพี่ชาย! ท่านช่างต่ำช้าเช่นมารดาของท่านมิน้อยไปกว่ากันเลย ฮา ๆ”
หยางซานหลางใบหน้าเปลี่ยนในฉับพลันเมื่อน้องสาวต่างมารดาเอ่ยถึงผู้ให้กำเนิดที่แท้จริงของเขา เมี่ยวจ้านผู้นี้จะมีดีอันใดบ้างนะที่จะยั่วยุให้นางขุ่นเคืองจนใช้อารมณ์แทนสมอง แต่ที่เขาเห็นในตอนนี้คือนางนิ่งเฉย เสมือนคำพูดของเขานั้นดุจสายลมที่พัดแผ่วเบาสำหรับนางก็มิปาน
ไม่มีคำพูดใดออกจากปากของหยางซานหลางอีก แม่ทัพหนุ่มใช้วิชาตัวเบา พุ่งจากหลังม้าตรงเข้าหาน้องสาวในทันที เมี่ยวจ้านที่เตรียมตัวรออยู่ก่อนแล้วยกยิ้มมุมปากน้อย ๆ ก่อนปล่อยวงแส้ออก มือบางจับเพียงด้าม แล้วสะกิดปลายเท้า เหินกายถอยไปด้านหลังด้วยท่าทางสง่างามสมกับที่นางคือยอดขุนศึกผู้เกรียงไกร
ทางด้านจีกวานฮวา นางตัดสินใจพุ่งไปทางรถม้าเพื่อจัดการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นแทนคู่หมั้น แต่ยังมิทัน…
ตุบ!
ร่างบางร่วงลงสู่พื้นอย่างรวดเร็วทำให้ฝุ่นดินฟุ้งกระจายขึ้นรอบตัว ด้วยร่างของนางกระแทกกับพื้นดินอย่างแรง หญิงสาวรีบขยับลุกขึ้นทันที แม้จะรู้สึกจุกอยู่มิน้อยก็ตาม
หมิงจงเป่ายืนส่งยิ้มซึ่งเขาคิดว่าหวานที่สุดให้แก่หญิงสาว เจอกันครั้งนี้ นางช่างอัปลักษณ์ยิ่งนัก
จีกวานฮวาเพิ่งรู้สึกได้ว่าผ้าที่นางคลุมปิดบังใบหน้าได้ไปอยู่ในมือของอีกฝ่ายเสียแล้ว
‘เป็นไปไม่ได้ อะไรจะเร็วปานนั้น’ หญิงสาวรีบพุ่งตรงเข้าใส่ชายตรงหน้าในทันใด
ส่วนทหารติดตามได้พากันเข้าล้อมรอบรถม้า ทุกคนต่างกระชับอาวุธเอาไว้แน่น เตรียมพร้อมรับมือกับคนด้านใน ไม่มีใครมิรู้จักหลิวเจินเจิน ฝีมือนางร้ายกาจสมกับเป็นบุตรสาวแม่ทัพ แม้วัยของอดีตฮูหยินสกุลหยางจะล่วงเลยมามากแล้วก็ตามที พวกเขามั่นใจว่านางยังคงมีเขี้ยวเล็บแหลมคมเช่นเดิมมิเปลี่ยนไปแน่นอน
กระบี่หลายเล่มแทงจากรอบทิศทางเข้าไปภายในรถม้า ปัง! ชิ้นส่วนของตัวรถแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยพลังอันสูงส่ง สิ่งที่ปรากฏต่อสายตานั้น มิใช่หลิวเจินเจินแต่เพียงผู้เดียว กลับมีหญิงสาวอีกคนยืนเคียงข้างนางอยู่ด้วย
ทุกอย่างตกอยู่ภายใต้สายตาของหยางซานหลาง ร่างบางในชุดสีขาวคุ้นตาทำให้ชายหนุ่มเสียสมาธิไปบ้าง
เมี่ยวจ้านถอยกลับไปยืนเคียงข้างมารดาและหญิงสาวอีกคน แค้นนี้มิใช่ของนางแต่ผู้เดียว หากจะลงมือจริง ๆ นางต้องการชีวิตหยางซานชินมากกว่าผู้ใด
ฟางเล่อค่อย ๆ หมุนกายเพื่อเผชิญหน้ากับอดีตสามี ดวงตาหงส์กอปรกับรอยยิ้มอย่างผู้มีชัยปรากฏเด่นชัดบนใบหน้าหวานล้ำ นางแค่ต้องการมาทวงความเป็นธรรมให้แก่เจ้าของร่างที่ต้องสังเวยชีวิตเพื่อความรักและอำนาจของผู้อื่น โม่ไป๋หลานจำต้องทนเก็บความเจ็บปวดแต่ผู้เดียว และต้องจบชีวิตลงเพราะความรักที่มีบุคคลที่สามเข้ามาแทรกแซง
ในเมื่อโอกาสมาถึงแล้ว นางก็จะไม่มีวันปล่อยให้มันหลุดมือไปเป็นอันขาด หากอยากกำจัดพ่อลูกสกุลหยาง จำต้องลงมือในเวลาที่จิตใจของสองพ่อลูกกำลังไขว้เขวและอ่อนแอ
ด้านจีกวานฮวาที่จ้องมองอยู่ก่อนแล้วยังถึงกับมีใบหน้าถอดสี ด้วยความตกใจจนเรียกได้ว่าขวัญเสียเลยทีเดียว เพราะมิคาดคิดว่าจะพบเจอกับคนที่นางเคยคิดว่าตายไปแล้วนั่นเอง
หยางซานหลางยังคงนิ่งค้างมิอาจขยับกายได้ดั่งในต้องการ
‘เป็นไปไม่ได้’
หญิงสาวเลิกคิ้วน้อย ๆ ด้วยท่าทางที่ดูเป็นธรรมชาติ ความงดงามของโม่ไป๋หลาน เมื่อครั้งอดีตว่างดงามหยดย้อยแล้ว แต่โม่ไป๋หลานที่ยืนอยู่ตรงนี้กลับงดงามไปอีกแบบ นางดูสูงค่าจนชายหนุ่มรำพันในใจว่านางคือสิ่งที่เขามิอาจเอื้อมถึงได้เลยก็มิปาน
แน่นอนว่าวันนี้…ฟางเล่อและอีกสามคนไม่คิดปล่อยให้หยางซานหลางกับคนของเขาให้มีชีวิตรอดกลับไปแม้แต่คนเดียว ด้วยว่าความลับของพวกนางถูกพบเห็นโดยความตั้งใจของพวกนางเอง
อย่างไรเสีย มันก็ถึงเวลาเปิดศึกอย่างเป็นทางการกับฝ่ายกบฏแล้วนั่นเองจะปิดบังต่อไปก็ไร้ประโยชน์ มิเช่นนั้นจะเป็นการสูญเสียโอกาสที่จะช่วงชิงความได้เปรียบในหมากกระดานนี้
อยากรู้นักว่า หากหยางซานชินต้องสูญเสียของรักไป เขาจะรู้สึกเช่นไรบ้าง
‘จะว่าข้าใจร้ายก็ย่อมได้ แต่หากพวกเจ้าไม่เริ่มก่อน มีหรือคนเช่นข้าจะทำแบบนี้’
ฟางเล่อยิ้มเย็นชั่วขณะ ก่อนจะกลับมาเป็นละมุนเช่นเดิม
“เจอกันอีกแล้วนะ ท่านพี่”
“ไยต้องเป็นเช่นนี้”
น้ำเสียงแผ่วเบาที่หลุดออกมาจากปากของหยางซานหลาง เมื่อสองตาดุจพญาอินทรีจ้องมองรอยยิ้มหยันของอดีตภรรยา
‘เจ้าไม่ได้รักข้าแล้วหรืออย่างไร’
หยางซานหลางได้แต่รำพันอยู่ภายในส่วนลึกของหัวใจ