บทที่8
ห้าวันต่อมา
เสียงหัวเราะดังมาจากด้านนอกห้องนอน ทำให้คนที่ยังปรับตัวกับสถานที่ไม่ได้ ลุกขึ้นนั่งหัวยุ่งฟูฟ่อง ใบหน้างามส่อแววไม่สบอารมณ์นัก
หรู่อี้ในวันนี้อาการดีขึ้นมากแล้ว ได้ย้ายมานอนอยู่ในห้องชั้นนอก เฝ้าเจ้านายตามคำขอของเธอ หลี่ถิงไม่อาจไว้ใจใครได้ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นสามีที่เธอกำลังหาทางกำจัดออกจากวงจรชีวิต หรือสาวใช้ที่หมายปลิดชีวิตเจ้าของร่างนี้ และเธอไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ ว่ามีใครอีกบ้างไหมต้องการให้โม่ไป๋หลานตาย
“ฮูหยินน้อย ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”
เสียงหวานของหรู่อี้ดังอยู่ไม่ไกล ใบหน้าของหญิงสาวดูดีขึ้นกว่าเมื่อวันแรกที่พบกัน หากมองให้ดี หรู่อี้มีความสวยที่นับว่ามากทีเดียว เป็นรองแค่โม่ไป๋หลานเท่านั้นเอง
หลี่ถิงเอามือลูบหน้าไล่ความมึนงง เพราะตอนนี้ เธอยังเมาขี้ตา
อยู่เลย ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้สาวใช้คนงาม
“อืม! เสียงใครอยู่ด้านนอกหรือ”
หรู่อี้หลบตาผู้เป็นนาย พร้อมก้มหน้าลงยืนนิ่งอยู่หน้าเตียงด้วยอาการลังเลที่จะเอ่ยปากพูด หญิงสาวกำลังคิดทบทวนว่าควรพูดอย่างไร จึงจะถนอมความรู้สึกของผู้เป็นนายให้มากที่สุด
“คือว่า….”
“ไม่ต้องบอกแล้ว…เดี๋ยวข้าไปดูเอง”
ร่างงามก้าวลงจากเตียงเพื่อเดินออกไปดูด้านนอก แต่หรู่อี้ขยับมาขวางเอาไว้เสียก่อน คิ้วงามขมวดเป็นปม สายตาเริ่มมีแววโทสะที่ถูกขัดใจ เธอพอจะเดาอะไรได้บ้างแล้ว จึงได้คิดที่จะออกไปจัดการให้เรียบร้อย เธอเข้าใจว่าหรู่อี้กลัวหยางซานหลาง
“ฮูหยินน้อย อย่าเพิ่งเข้าใจหรู่อี้ผิดนะเจ้าคะ ท่านควรอาบน้ำแต่งกายเสียก่อนเจ้าค่ะ หรู่อี้มิอยากให้ผู้ใดมาว่าฮูหยินอีกเจ้าค่ะ”
หลี่ถิงก้มมองชุดตัวเองก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ ออกมา เธอลืมไปว่าตอนนี้ สภาพมันไม่น่าดูเอาเสียเลย หากออกไปย่อมต้องอับอายคนอื่นเขาแน่นอน
หลี่ถิงเข้าใจเจตนาของสาวใช้แล้ว ก่อนจะเดินไปโอบกอดหรู่อี้ มือบางตบหลังอีกฝ่ายเบา ๆ ก่อนจะผละออก แล้วเดินไปยังส่วนอาบน้ำที่เธอสั่งให้จัดขึ้นมาใหม่
‘น่าอายที่สุด...หลี่ถิง’
การที่เธอสวมกอดสาวใช้ มันคือ…หนึ่งรู้สึกผิด ที่คิดในแง่ร้ายต่อหญิงสาว สองคือเธอกำลังขัดเขินกับสภาพของตนในตอนนี้
“หรู่อี้ เจ้าช่วยไปเอาเสื้อผ้าทั้งหมดของข้าออกมาวางไว้บนเตียงรอเลยนะ ไม่ต้องมาช่วยอาบน้ำก็ได้ ข้าจะจัดการเอง”
หลี่ถิงยิ้มแต้ที่สามารถทำตัวกลมกลืนไปกับภาษาของที่นี่ได้ แม้จะ
ยังไม่ชำนาญนัก แต่ก็ถือว่าตีเนียนไปได้เยอะอยู่ ในความคิดของเจ้าตัวเอง หลี่ถิงแอบโผล่หน้าออกมามองสาวใช้ที่ยังยืนนิ่งงันด้วยความงุนงงอยู่นั่นเอง
“เจ้าค่ะฮูหยินน้อย” หรู่อี้รีบตอบรับ
เมื่อถูกผู้เป็นนายมองด้วยสายตาแปลก ๆ คำสั่งของท่านอ๋องคือปกป้องฮูหยินน้อยอยู่ห่าง ๆ ถ้าหากว่าสนิทสนมจนเกินไป ทั้งตัวนางและเจ้านายจะตกอยู่ในอันตรายทั้งคู่ แต่ใช่ฮูหยินน้อยจะมิเอ็นดูชิงชิงเสียเมื่อไหร่ แล้วไยชิงชิงจึงได้หักหลังเจ้านายตนได้
นับตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา เจ้านายก็นั่งกุมมือเคียงข้างนางมิห่าง รวมทั้งเล่าถึงความทรงจำเกือบทั้งหมดที่ได้หายไปกับช่วงเวลาตอนนางหมดสติ ซึ่งนานแค่ไหน ฮูหยินน้อยของนางมิอาจทราบได้
หรู่อี้เดินไปยังตู้เสื้อผ้า ก่อนจะยกชุดที่พับไว้อย่างดีออกมา ใช้เวลามินานเสื้อผ้าที่ล้วนมีเพียงสีเดียวถูกจัดวางไว้บนเตียงอย่างเป็นระเบียบ จังหวะเดียวกับหลี่ถิงที่สวมเพียงชุดคลุม คาดผูกไว้เพียงเอวเอาไว้เท่านั้น ได้ก้าวออกมายืนกอดอกมองกองเสื้อผ้าที่ล้วนแต่ขาวสะอาดยิ่งกว่าชุดนางชีในโลกที่เธอจากมา
‘โม่ไป๋หลาน เจ้ากลัวผู้ใดไม่รู้หรือ ว่าเจ้าใสซื่อบริสุทธิ์ดั่งผ้าขาว ถึงได้ใช้แต่ของใช้ไร้สีสันเช่นนี้’
แรก ๆ เธอคิดว่าคงมีแบบอื่นอีก แต่ไม่รู้ที่เก็บเสื้อผ้าพวกนั้น เพราะเธอเอาเวลาไปทุ่มให้กับการดูแลหรู่อี้ พร้อมศึกษาความเป็นมาของโลกนี้จากพ่อบ้านเกาอยู่จึงไม่ได้ตรวจสอบ คิดเพียงว่าใส่ ๆ ก่อน ค่อยดูอีกทีเมื่อสาวใช้ฟื้นตัวแข็งแรงดี เธอถึงจะสอบถามและนำออกมาสวมใส่
แต่นี่มันคืออะไรกัน แม้แต่สีชาดยังเป็นสีชมพูอ่อนในแบบคุณหนูผู้
เสแสร้งในนิยายเขาใช้กัน อายุของโม่ไป๋หลานก็มิน้อยแล้ว ไยถึงยังแต่กายได้เด็กนักเล่า
หรู่อี้ยืนอยู่มิห่างได้แต่ทำตาปริบ ๆ งานดูแลความเรียบร้อยภายในห้องของฮูหยินน้อยเป็นของนาง ส่วนชิงชิงทำเพียงคอยปรนนิบัติชิดใกล้เท่านั้น แต่ครั้งนี้ สิ่งที่เปลี่ยนไปคือตำแหน่งของนาง และท่าทางไม่ชอบใจกับสิ่งของที่วางอยู่ตรงหน้าของผู้เป็นนายในตอนนี้อีกด้วย
“หรู่อี้ เจ้ารู้ใช่หรือไม่ ว่าข้าตายแล้วฟื้นน่ะ”
หลี่ถิงพูดโดยมิได้หันไปมอง คนที่ยืนอยู่ไม่ไกลในตอนนี้ สายตางามจ้องเขม็งอยู่กับกองเสื้อผ้าที่มันขัดใจเธอจนอยากจะกรีดร้องออกมาทีเดียว
“เจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย ท่านมีบุญมากนักถึงได้มีชีวิตกลับมาเช่นนี้”
แม้จะไม่ค่อยเข้าใจในคำถามของเจ้านาย แต่หรู่อี้รับรู้ดีว่าฮูหยินน้อยยังมิหายดี จึงไม่อยากสงสัยในสิ่งใดเกี่ยวกับนาง จะว่าคนตรงหน้าเป็นตัวปลอม นางก็ได้พิสูจน์แล้วว่าฮูหยินน้อยคือตัวจริงอย่างแน่นอน เพราะมีบางอย่างในตัวของฮูหยินน้อยที่แม้แต่ชิงชิงยังมิเคยรับรู้ว่าผู้เป็นนายมี สำหรับนางนั้นมิใช่แค่สาวใช้ แต่คือองครักษ์ข้างกาย ย่อมต้องรู้มากกว่าผู้อื่นเพื่อปกป้องดวงใจของสกุลโม่ให้ดี
“คือข้าเคยบอกเจ้าไปแล้วนับตั้งแต่เจ้าฟื้น ว่าข้าจำอะไรได้ไม่มาก คงเพราะสมองข้าถูกความตายลบไปบางส่วน”
หลี่ถิงไม่แน่ใจว่าคนในยุคนี้จะคิดแบบไหน แต่เธอต้องไม่ให้ใครจับได้เรื่องที่ไม่ใช่ไป๋หลาน เธอแค่วิญญาณที่มาอาศัยอยู่ในร่างนี้ และก็ยังไม่รู้อีกว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหนด้วยเช่นกัน
“หรู่อี้เข้าใจเจ้าค่ะ และจะไม่บอกเรื่องนี้กับผู้ใดอย่างแน่นอน”
สาวใช้ข้างกายยืนยันหนักแน่นที่จะเก็บความลับของเจ้านายยิ่งชีพ หากมันหลุดลอดออกไป มิแน่ว่า พวกที่หวังทำลายสกุลโม่จะใช้เรื่องนี้ใส่ความจนเกิดเรื่องราวตามมาอีกมากมาย
“ขอบใจเจ้ามากนะหรู่อี้ ว่าแต่เจ้าพอจะบอกข้าได้หรือไม่ เสื้อผ้าพวกนี้ ใครสั่งตัดมาให้ข้ากัน หรือเป็นตัวข้าซื้อหามันมาเอง”
หลี่ถิงยังแสร้งทำเป็นเอานิ้วนวดขมับ เหมือนพยายามนึกให้ออก ทำให้หรู่อี้รีบขยับเข้ามาพยุงผู้เป็นนายให้ไปนั่งยังเก้าอี้ข้างเตียงในทันที
“คุณหนูจีกวานฮวาเจ้าค่ะ ที่เป็นคนสั่งตัดชุดให้แก่ฮูหยินน้อย นางบอกว่าท่านงดงามอยู่แล้ว เมื่อสวมใส่เสื้อผ้าแบบนี้ ยิ่งดูราวเทพเซียนมาจุติเจ้าค่ะ อันที่จริง หรู่อี้จำได้ว่าฮูหยินน้อยมิได้ชื่นชอบสีขาวเท่าไหร่นักเจ้าค่ะ แต่ท่านแม่ทัพหยางบอกว่า เอ่อ…”
หรู่อี้เหมือนนึกขึ้นได้ว่าตนพูดมากไปแล้ว จึงมิอาจเอ่ยปากออกมาได้อีก
“ว่ามา! แม้ข้าจะลืมเลือนแต่ใช่จะทั้งหมด เพียงแค่ช่วงเวลานี้ ข้ายังมิอาจเรียกสติ และความทรงจำกลับมาได้เต็มที่เท่านั้น”
“ท่านแม่ทัพกล่าวว่า จงรู้จักถนอมน้ำใจพี่น้อง และคนที่หวังดีให้ขึ้นใจเจ้าค่ะ”
“เพราะแบบนี้…ข้าเลยต้องยอมใช้ของที่ตัวเองไม่ชอบแม้แต่ชิ้นเดียวเช่นนั้นหรือ หึ! นั่นมันเมื่อก่อน หรู่อี้ ข้าในวันนี้จะทำทุกอย่างตามใจปรารถนา แต่เจ้าจงวางใจได้ สิ่งที่มิควรและผิดต่อผู้อื่น ข้ามิคิดจะกระทำอย่างแน่นอน”
‘พี่สาวจะจัดให้เจ้าเองน้องรัก จีกวานฮวา’ รอยยิ้มร้ายปรากฏบนใบหน้างามเพียงชั่วครู่ก่อนจะจางหายไป
ปึ้ก!
หรู่อี้คุกเข่าลงตรงหน้า ก่อนจะก้มหัวจรดพื้น ทำให้หลี่ถิงตกใจรีบเลื่อนตัวลงจากเก้าอี้ลงไปนั่งอยู่ที่พื้นแทน
“ฮูหยินน้อยอย่าทำเช่นนี้เจ้าค่ะ ทุกอย่างเป็นเพราะข้าที่มิอาจดูแลท่านดีพอ”
“หรู่อี้ เจ้าจงจำเอาไว้ว่า หากวันนั้นไม่มีเจ้าก็คงไม่มีข้าในวันนี้เช่นกัน อย่าทำเช่นนี้อีกเข้าใจหรือไม่”
หลี่ถิงพยุงหญิงสาวให้ลุกขึ้น ก่อนจะพากันเดินไปยังกองเสื้อผ้าสีขาวเหล่านั้น ก่อนที่หลี่ถิงจะทอดถอนหายใจ เฟ้นหาเสื้อผ้าที่คิดว่าดูดีที่สุดออกมาชุดหนึ่ง
เนื้อผ้าแม้จะเนื้อดีเรียบลื่นน่าสัมผัส แต่สีและแบบนั้นช่างไร้รสนิยมสิ้นดี เพราะเมื่อวานเธอเห็นกับตาว่าแบบและลวดลายของเสื้อผ้าของจีกวานฮวานั้นงดงามอ่อนช้อยยิ่งนัก แต่ของพี่สาวกลับให้ขี้ริ้ว สงสัยกลัวว่าสามีจะรักหลงพี่สาวจนลืมนางผู้เป็นเพียงน้องภรรยา
‘แบบนี้พี่หลี่ถิงผู้มีรสนิยมเป็นเลิศจะจัดให้สิเจ้าคะ’
“หรู่อี้ ช่วยหากระดาษกับพู่กันมาให้ข้าที”
เธอคือคนจีนมาแต่กำเนิด เรื่องอ่านเขียนวาดโคลงกลอนก็ไม่เป็นรองใคร แค่ไม่ได้เก่งมากจนมีชื่อเสียง การใช้พู่กันยิ่งสำคัญกับการแสดงหนังและละคร จึงไม่แปลกที่คนอย่างเธอจะใช้มันเป็นและคล่องแคล่ว
หรู่อี้ออกไปจากห้องเพื่อจัดหาของให้เจ้านาย
หลี่ถิงบรรจงเลือกเสื้อผ้าทีละชิ้น ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อคลุมสำหรับไปด้านนอกมาดู
‘อ่า! ยังดีที่ชุดคลุมเหล่านี้มีลวดลายอยู่บ้าง แม้จะสีน้อย แต่พอ
ไหว’
หญิงสาวเร่งจัดการกับตัวเองก่อนที่สาวใช้จะกลับมา เมื่อหรู่อี้กลับมาถึง หลี่ถิงรีบรับสิ่งของทั้งหมดไปนั่งวาดเขียนบางอย่างยังโต๊ะกลางห้อง โดยที่หรู่อี้คอยช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ
“หรู่อี้ เรามีเงินหรือไม่” แน่นอนจะทำอะไรจำเป็นต้องใช้เงิน ไม่ว่ายุคสมัยหรือบ้านเมืองใดก็ตาม
“มีเจ้าค่ะ ตั๋วแลกเงินและทุกอย่างอยู่ในหีบ รอสักครู่นะเจ้าคะ”
ไม่นาน หรู่อี้ยกหีบลวดลายงดงามมาวางบนโต๊ะที่หลี่ถิงกำลังทำบางอย่างอยู่ สองนายบ่าวช่วยกันสำรวจของข้างใน เมื่อทุกอย่างลงตัวหลี่ถิงจึงได้ให้หรู่อี้นำเสื้อผ้าทั้งหมดไปใส่หีบเอาไว้ก่อน เพื่อที่นางจะนำออกไปแลกเป็นเงินมาไว้แทน
เสื้อผ้าของโม่ไป่หลานมิได้มากมายอะไร เมื่อเทียบกับบุตรสาวชนชั้นสูงหรือขุนนางบ้านอื่น นี่หรือชีวิตภรรยานอกสายตา จะมีสภาพที่จำต้องทนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยุคแห่งการแย่งชิง มิว่าจะเป็นบ้านเมืองหรือแม้แต่ในจวนผู้มีอำนาจทั้งหลายก็ตามที
เมื่อผู้เป็นสามีออกนอกบ้าน เพื่อแก่งแย่งอำนาจ ส่วนภรรยาน้อยใหญ่ก็ต่างพากันหันคมดาบเข้าฟาดฟันกันเองภายในบ้านเพื่อแย่งชิงความเป็นหนึ่ง อีกอย่าง มันเป็นยุคที่สตรีจำต้องอาศัยบารมีบุรุษอย่างแท้จริง
‘แต่ไม่ใช่เธอ...หลี่ถิง’
ในเมื่อพ่อแม่ร่ำรวย สมองและสองมือยังอยู่ครบ ไม่มีคำว่าอดตายหากเธอจะลงมือทำ แต่ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าได้ เธอต้องจัดการกับปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อยดีเสียก่อน ไม่เช่นนั้น อิสรภาพที่วาดหวังไว้อาจจะเป็นเพียงแค่ความฝัน ถ้ายังติดอยู่กับคำว่าภรรยาอยู่แบบนี้