บทที่7
หยางซานหลางมองตามร่างภรรยา ด้วยสายตาที่แปลกกว่าที่เคย โม่ไป๋หลานคนนี้ติดจะก้าวร้าว แต่ทุกคำของนางช่างมีน้ำหนักที่สามารถทำให้คนเอนเอียงตามได้ แม้มันจะดูมิเหมาะสมที่นางต่อคำกับเขา แต่กลับบ่งบอกถึงความเข้มแข็งของเจ้าตัวอยู่ในที
ใช่แล้ว...เขาสืบความไม่ได้กระจ่างก่อนตัดสิน
แต่แล้วอย่างไรเล่า เพราะมันควรเป็นไปตามสิ่งที่เขาพูดมิใช่หรือ เขาคืออำนาจเด็จขาด แต่โม่ไป๋หลานกลับใช้อำนาจของสกุลนางมาหักล้างคำตัดสินของเขา โดยตัวเขาก็มิอาจทัดทานได้ มิคิดว่าเพื่อสาวใช้เพียงคนเดียว ภรรยาของเขาจะกล้านำอำนาจของตระกูลมาข่มขู่คนในจวน โดยไม่มีความเกรงกลัวในตัวเขาเลยแม้แต่น้อย
“พี่ซานหลาง คือว่า...”
จีกวานฮวาชะงักค้าง ด้วยเวลานี้แม่ทัพหนุ่มกำลังอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรกันไปหมด จนนางเองก็มิอาจตั้งรับได้ทันเช่นกัน หยางซานหลางหันไปมองหญิงสาวก่อนจะระบายยิ้มน้อย
“ว่าอย่างไรหรือ กวานเอ๋อร์”
แต่ก่อนที่หญิงสาวจะทันได้เอ่ยอะไรออกมา หัวหน้าพ่อบ้านเดินเข้ามาหาคนทั้งคู่เสียก่อน
“เรียนท่านแม่ทัพ…ท่านแม่ทัพใหญ่ให้มาเชิญไปพบด่วนขอรับ”
ทั้งคู่จึงยุติการสนทนา ก่อนจะหันไปยังชายวัยกลางคน ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยภายในจวน ใบหน้านิ่งสนิทของพ่อบ้านเกาไม่มีผู้ใดสามารถเดาอารมณ์หรือความรู้สึกของเขาออก ชายผู้นี้จะแย้มยิ้มกับคนเพียงไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือฮูหยินน้อยโม่ไป๋หลาน
“อืม! ถ้าเช่นนั้น เจ้าไปส่งคุณหนูกวานฮวาแทนข้าด้วย” หยางซานหลางยิ้มน้อย ๆ ให้หญิงสาวข้างกาย
ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง เมื่อเดาได้ถึงเรื่องที่บิดาต้องการหารือกับเขา มิพ้นมีเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นรวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน
“ได้ขอรับ ท่านแม่ทัพ”
พ่อบ้านเกาตอบรับ ก่อนจะขยับก้าวถอยออกไป เพื่อรอให้เจ้านายสนทนากันเสียก่อน
จีกวานฮวาได้แต่ยิ้มละมุน มิได้เอ่ยแทรกหรือโต้ตอบอันใด แม้จะรู้สึกขัดเคืองใจอยู่มิน้อยที่ตนเองเสมือนเป็นส่วนเกินของจวนแห่งนี้ แม้แต่พ่อบ้านเกา นางก็ดูออกว่าเขามิชอบใจกับการมาเยือนของนางเท่าใดนัก นางพบเจอพ่อบ้านเกาคราใด แม้แต่รอยยิ้มหรือคำพูดทักทายนางสักครั้งก็มิเคยได้รับจากคนผู้นี้
เป็นที่รู้กันว่าสตรีใดที่แต่งเข้าจวนใหญ่ หากจะครอบครองอำนาจได้อย่างแท้จริง จำต้องได้รับการสนับสนุนจากบรรดาหัวหน้าพ่อบ้านผู้กุมอำนาจในการดูแลบ่าวไพร่และความเรียบร้อยภายในจวน หากไม่ได้รับการยอมรับจากหัวหน้าบ่าวไพร่แล้วละก็ การที่จะเอาชนะสตรีอื่นในจวนมัก
ต้องพบกับความยากลำบากเป็นที่สุด
“กวานเอ๋อร์ เจ้าเองก็ควรพักผ่อนให้มาก อย่าได้กังวลเรื่องพี่สาวเจ้าเลย นางปลอดภัยแล้ว คงไม่มีอันใดน่าเป็นห่วง”
ทุกคำที่เอ่ยกับหญิงสาวมันช่างอ่อนโยนเหลือเกิน ทำให้คนฟังจิตใจเบิกบาน รอยยิ้มอ่อนหวานอย่างมีจริตได้ปรากฏขึ้น
“เจ้าค่ะ พี่ซานหลาง เอาไว้วันหลังข้าค่อยมาเยี่ยมพวกท่านใหม่ก็แล้วกันนะเจ้าคะ ถ้าเช่นนั้นกวานเอ๋อร์ขอตัวก่อน”
“พี่คงมิได้เดินไปส่งเจ้าแล้ว ต้องขอโทษเจ้าด้วยจริง ๆ”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านพ่อคงมีเรื่องสำคัญที่จะหารือกับพี่ซานหลาง กวานเอ๋อร์มิรบกวนแล้ว”
ชายหนุ่มก้มหัวให้หญิงสาวน้อย ๆ ก่อนจะผายมือให้นางเดินนำไปก่อนในฐานะแขกของบ้าน
หลายคนมักมองว่าจีกวานฮวาดูฉลาดเฉลียว อ่อนหวาน ซ้ำยังเรียนรู้วิชาการต่อสู้ ฝีมือนางถือว่าดีมาก จึงเหมาะสมที่จะยืนเคียงข้างแม่ทัพหนุ่มมากกว่าฮูหยินน้อยผู้บอบบาง ซึ่งเหมาะเพียงเป็นดอกไม้สูงค่ามีไว้เพื่อประดับบารมีเท่านั้น เรื่องฝีมือกลับไร้สามารถ หากยามออกสนามรบ สำคัญคือสตรีที่เคียงข้างสามีได้ มิใช่เพียงอยู่เฝ้าบ้าน
แต่ทุกคำพูดจำต้องเงียบหายไปในที่สุด เมื่อพ่อบ้านเกาได้ร้องขอให้บรรดาภรรยาของเหล่าทหารที่พากันพูดพาดพิงถึงฮูหยินน้อยในลักษณะดูหมิ่นถึงความสามารถของนาง ให้นำภรรยาของพวกเขาออกสู่สนามรบด้วย เพื่อเป็นตัวอย่างแก่ภรรยาของผู้นำ ว่าในสิ่งที่พวกเขาคิดและกล่าวหาฮูหยินน้อยนั้น ภรรยาของพวกเขาทุกคนทำได้อย่างที่พากันตำหนิฮูหยินในท่านแม่ทัพหนุ่มหรือไม่
ซึ่งนับจากนั้นมา ไม่มีทหารของแม่ทัพหยางซานหลางคนใดเอ่ยเรื่องทำนองนี้ออกมาอีกแม้แต่เพียงครึ่งคำ
เรือนไป๋หลานยามค่ำคืน…
หลังจากแม่สามีกลับไปแล้ว หลี่ถิงได้เดินออกจากห้องเพื่อที่จะไปดูหรู่อี้อีกครั้งให้แน่ใจว่าหญิงสาวปลอดภัยและได้รับการรักษาที่ดี คำสั่งของหลี่ถิงคือห้ามใครเข้าไปรบกวนหรู่อี้ นางเอ่ยขอสาวใช้จากแม่สามีมาดูแลคนของนางอย่างใกล้ชิด
เพราะหลี่ถิงกลัวจะมีคนมาทำร้ายหรู่อี้อีก เธอจึงได้จัดห้องให้สาวใช้ผู้น่าสงสารพักอยู่ห้องติดกับตนเอง เพื่อที่จะสะดวกในการดูแลอีกด้วย สำหรับชิงชิง เธอได้สั่งให้ไปอยู่เรือนซักล้าง เพราะเวลาเช่นนี้ไม่เหมาะที่จะเก็บคนอย่างชิงชิงเอาไว้ข้างกาย ทุกอย่างที่เธอทำได้ คือพยายามจะรักษาชีวิตใหม่นี้เอาไว้ให้นานที่สุด
เพียงก้าวพ้นประตูห้องมายืนอยู่ด้านหน้า คิ้วงามได้ขมวดเข้าหากันเมื่อได้มีโอกาสมองสำรวจที่พักของตนเอง
‘นี่หรือเรือนไป๋หลาน ไยมันถึงได้ใหญ่โตโอ่อ่าถึงเพียงนี้’
นับว่าการออกแบบของคนในยุคสมัยนี้มีความประณีตเป็นอย่างมาก สิ่งของที่ใช้หรือแม้แต่วัสดุทุกชิ้น ล้วนเป็นของดีมีคุณภาพ สมแล้วกับที่เป็นจวนของแม่ทัพใหญ่ ร่ำรวยโอ่อ่ายิ่งนัก
แล้วถ้าเป็นจวนอ๋องผู้เป็นพระบิดาของโม่ไป๋หลานจะงดงามแค่ไหนกันนะ…
แน่นอน หากวันข้างหน้าต้องหย่าขาดสามี นางต้องกลับไปอยู่ที่นั่น คงต้องหาโอกาสกลับไปสำรวจเอาไว้บ้างก็ดี แต่ต้องรอให้หรู่อี้หายดีเสียก่อน นางค่อยสอบถามถึงความจริงเกี่ยวกับโม่ไป๋หลานอีกครั้ง เพราะความทรงจำที่เจ้าของร่างหลงเหลือเอาไว้นั้นมันยังไม่ชัดเจนเท่าใดนัก ต้องมีคนช่วยไขความกระจ่างเพิ่มเติมจะเป็นการดีที่สุดในการเอาชีวิตรอดในโลกที่แปลกใหม่แห่งนี้
ขณะที่หญิงสาวกำลังชื่นชมอยู่กับความใหญ่โตของบ้านแบบย้อนยุค สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับร่างสูงของใครบางคน
หลี่ถิงรีบหลบหลังเสาทันที ด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายจะเดินมาหาตน แล้วหาเรื่องแบบเมื่อกลางวัน
‘ฉันยังไม่พร้อมทะเลาะกับใครตอนนี้’
หญิงสาวถอนหายใจโล่งอกทันที เมื่อร่างสูงของหยางซานหลางได้หายเข้าไปภายในห้องซึ่งอยู่ฝั่งขวามือของห้องเธอ ด้วยลักษณะของเรือนหลังนี้เป็นรูปทรงตัวยู โดยห้องของเธอจัดอยู่ตรงกลางที่เป็นส่วนของตัวยูนั่นเอง
‘ไหนในหนังสือนิยายหรือละครบอกว่าสามีภรรยาในยุคโบราณ เขาจะแยกอยู่คนละหลังนี่! ยิ่งสามีไม่รักก็มิสมควรนอนหลังเดียวกัน แต่ทำไมสามีของโม่ไป๋หลานถึงได้มาอยู่ที่นี่’
“หลบทำไม! หรือคิดว่าข้าจะไปหาเจ้ากัน ถึงมาทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ตรงนี้ เพื่อเฝ้ารอข้าอย่างนั้นใช่ไหม คิดว่าข้าจะหลงกลมารยาของสตรีใจสกปรกอย่างเจ้าหรืออย่างไรกัน”
หยางซานหลางปรากฏตัวขึ้นอีกด้านของเสาต้นใหญ่ที่หลี่ถิงหลบอยู่ พร้อมน้ำเสียงกึ่งเย้ยหยัน
“ว้าย! ท่านคิดจะทำอะไรข้าอย่างนั้นหรือ ไยถึงได้มาเงียบ ๆ เช่นนี้”
หลี่ถิงหวีดร้องด้วยความตกใจ จนดวงตามืดไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดประชดอีกฝ่าย ที่ยังยืนนิ่งมองเธออยู่
“อย่าใส่ความข้าเพียงเพราะอับอายกับความคิดของตนเอง ไป๋หลาน มีหรือว่าข้าจะมิรู้ว่าเจ้าออกมายืนทำอะไรตรงนี้ ถ้าไม่ใช่มารอให้
ข้าร่วมห้อง อย่างเจ้าข้าไม่แตะต้องให้เสียมือหรอกนะ หึ…ทำร้ายหรือ รู้จักกลัวเป็นด้วย ไยเวลาเจ้าทำร้ายผู้อื่นไม่คิดถึงใจคนที่หวังดีกับเจ้าบ้าง”
หลี่ถิงเบะปากน้อย ๆ โดยที่เธอไม่คิดที่จะหลบสายตาหรือแอบซ่อนการกระทำที่ใช่ตัวตนของโม่ไป๋หลานเลยแม้แต่น้อย เพราะสุดท้าย โม่ไป๋หลานก็เป็นนางร้ายในสายตาชายหนุ่มตรงหน้าอยู่ดี ทุกคำพูดก็ไม่พ้นปกป้องจีกวานฮวา ต่อให้ไม่เอ่ยชื่อ ฟังแค่นี้ก็ชัดเจนมากแล้ว
“สามีข้าอย่าหลงตนเองให้มากนัก มิใช่ท่านหรือที่คิด ไม่อย่างนั้นท่านจะมาอยู่ตรงนี้ทำไม ได้โปรดดูให้ดีว่าสองเท้าของข้ายืนอยู่ที่ส่วนใดของเรือน หน้าห้องข้าหรือของท่านกันแน่ ได้โปรดพิจารณาดูให้ดี ๆ หากข้ารอร่วมห้องกับท่านจริง คงไม่ยืนอยู่ตรงนี้ให้เมื่อยขาหรอกนะ ป่านนี้คงไปนอนรอท่านบนเตียงในห้องของท่านนานแล้ว ไม่ใช่อยู่ตรงนี้ ช่วยไตร่ตรองก่อนจะกล่าวหาข้า ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่ความจริง…อีกเรื่อง เวลาจะใส่ความผู้ใด ช่วยพูดให้มันตรงประเด็นด้วย ไม่ใช่พูดจาสับสน เพราะข้าฟังแล้วปวดหัว”
หยางซานหลางเผลอกวาดสายตามองไปโดยรอบ ซึ่งมันเป็นจริงอย่างที่ภรรยาของเขาพูด ใบหน้าของชายหนุ่มถึงกับชาวูบไปเลยทีเดียว นอกจากโม่ไป๋หลานจะมิหลบสายตา หนำซ้ำยังเย้ยหยันเขากลับมาอีกด้วย ไหนจะยังพูดความจริงเรื่องที่เขาพยายามหาข้ออ้างมากล่าวหานาง ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องเดียวกันด้วยช้ำไป
นับตั้งแต่ที่นางปรากฏตัวที่ลานฝึก เขาเหมือนจะเกิดความสับสนจนพูดจาวกวนอยู่หลายหน แม้แต่ตอนนี้ที่เขา ไยถึงได้พูดออกมาว่านางรอเขา ทั้ง ๆ ที่เขาแน่ใจว่ามันไม่ใช่อย่างที่กล่าวออกมาแม้แต่น้อย แม้ในใจลึก ๆ ก็อยากให้เป็นเช่นนั้น
‘เจ้าคิดปั่นหัวข้าหรือไป๋หลาน’
ร่างสูงแสร้งขยับเข้าใกล้คนที่กำลังยืนเชิดหน้าเหยียดยิ้มเสมือนกำลังสมเพชเขาอยู่ เพื่อจะกลั่นแกล้งให้หญิงสาวคิดไปว่าเขาสนใจในตัวนาง และนั่นจะทำให้เขาคว้าชัยชนะในครั้งนี้
เขารู้ดีว่าคนอย่างโม่ไป๋หลานนั้น ชีวิตนี้มีสิ่งเดียวที่นางปรารถนา คือความรักและตัวเขาเท่านั้น
แต่ยังมิทันขยับเท้าเข้าหาอีกฝ่าย ทุกความคิดและการกระทำจำต้องหยุดลงเสียก่อน เมื่อมีใครอีกคนได้ก้าวเข้ามาในตัวเรือน
“ต้องขออภัยขอรับ ท่านแม่ทัพ ฮูหยินน้อย พอดีข้ามาตรวจตราความเรียบร้อย และได้นำยาบำรุงรวมทั้งน้ำแกงมาให้ฮูหยินน้อยและหรู่อี้
ขอรับ”
หลี่ถิงถอนหายใจ ออกมาเบา ๆ เพราะด้วยกำลังในตอนนี้ของเธอ ไม่อาจสู้แม่ทัพที่มีร่างกายกำยำเช่นชายตรงหน้าได้แน่ หากเขาคิดใช้กำลังขึ้นมาจริง ๆ
“ขอบคุณท่านลุงเกามาก ถ้าเช่นนั้นเราเข้าไปหาหรู่อี้กันเถอะ อ้อ… หวังว่าท่านแม่ทัพคงรู้ที่ทางของตนเองแล้วนะเจ้าคะ”
พูดจบร่างระหงได้ก้าวเดินเฉียดกายแกร่งไปอย่างผู้ชนะตรงไปยังห้องนอนถัดไป
หยางซานหลางทำได้เพียงมองตามภรรยาที่หายเข้าไปในห้องของ
สาวใช้พร้อมกับพ่อบ้านเกา แม่ทัพหนุ่มสะบัดแขนเสื้อเดินกลับไปยังห้องของตนด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
หลี่ถิงก้าวพ้นประตูเข้ามาภายในห้อง หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ที่รอดพ้นจากเงื้อมมือของชายผู้นั้นมาได้
หากเธอแสดงอาการกลัวเขา ย่อมต้องกลายเป็นแบบโม่ไป๋หลานที่ตายไปแล้วแน่ แต่ใช่ว่าความปากกล้าของเธอจะเป็นเรื่องที่ฉลาดอย่างที่คิด มันเหมือนดาบสองคมนั่นเอง
แง่ดีคือเธอดูเป็นคนเข้มแข็งไม่อ่อนแอเช่นเมื่อก่อน ในทางร้ายคือเธอประกาศตัวเป็นศัตรูกับสามีของโม่ไป๋หลานอย่างชัดเจน รวมทั้งญาติผู้น้องเจ้าของร่างอีกคน และในสายตาผู้คนบางส่วนเธอดูมีอำนาจ แต่ในอีกด้านเธอจะกลายเป็นคนก้าวร้าว ดูไม่เคารพสามีในฐานะภรรยาที่ดี
แต่ถ้าเธอยอมเหมือนโม่ไป๋หลานคนเก่าก็ไม่พ้นต้องเกิดเรื่องแบบเดิม ๆ อย่างที่เคยมีมานับครั้งไม่ถ้วน หากจะรับมือคนเสแสร้งอย่างจีกวานฮวานั้น โม่ไป๋หลานคนใหม่ต้องทำให้เหนือชั้นกว่า ถึงจะกำชัยเอาไว้ในมือ
พ่อบ้านเกายื่นถ้วยยาให้แก่สาวใช้ที่ได้มาคอยดูแลหรู่อี้ ก่อนที่ตนเองจะยกน้ำแกงหอมกรุ่นมาวางบนโต๊ะตรงหน้านายสาว
ใช่ว่า…วันนี้ เขาหูหนวกตาบอด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น เขาย่อมรับรู้ทั้งหมด จึงเป็นเหตุให้เขาต้องมายืนอยู่ตรงนี้ เพื่อคอยปกป้องหญิงสาวตรงหน้าตามคำสั่งของผู้เป็นนายที่แท้จริง