บทที่6
“พวกเจ้ายืนทำอะไรกันอยู่ รีบพาหรู่อี้กลับไปยังเรือนของข้า และตามหมอมารักษานางให้ดี หากข้ากลับไปแล้ว นางเกิดเป็นอันใดขึ้นมา พวกเจ้าก็จงเตรียมตัวเป็นแบบนางได้เลย”
หยางซานหลางถึงกับตาโตจนแทบจะถลนออกมานอกเบ้าเสียให้ได้ เพราะภรรยานอกหัวใจกำลังออกคำสั่งกับคนของเขา ซ้ำยังข่มขู่ไม่ต่างอะไรกับแม่เสือเลยทีเดียว ทหารของจวนและบ่าวไพร่พากันมองเจ้านายทั้งสองสลับไปมา มิรู้ว่าควรฟังผู้ใดดี ระหว่างแม่ทัพหยางซานหลาง กับฮูหยินของท่านแม่ทัพเอง
“บังอาจ! เจ้ากล้าหยามหน้าข้าผู้เป็นสามี โดยการเห็นคำสั่งข้าไร้ความหมาย”
หยางซานหลางเองก็แปลกใจอยู่ไม่น้อย ที่วันนี้ภรรยามิได้หลบอยู่หลังมารดาเช่นทุกครั้ง ซ้ำยังกล้าออกคำสั่งกับคนของเขาแบบไม่ไว้หน้าหรือเกรงกลัวผู้เป็นสามีเช่นเขา ที่ยังยืนอยู่ตรงนี้เลยสักนิดเดียว
มุมปากของโม่ไป๋หลานยกยิ้มอย่างท้าทาย ถามใจว่ากลัวหรือไม่ แน่นอนหลี่ถิงกลัวอยู่มิน้อย แต่ให้ยอมแพ้น่ะหรือ มันก็เท่ากับเธอและสาวใช้หรู่อี้จะไม่มีโอกาสให้มีลมหายใจอีกต่อไป หากยอมอ่อนข้อให้อีกฝ่ายในวันนี้
“ไม่ได้ยินที่ฮูหยินน้อยสั่งกันรึยังไง หรือจะให้ข้าต้องพูดซ้ำ”
หยางฮูหยินแอบยิ้มพอใจกับคำสั่งของลูกสะใภ้เป็นอย่างมาก แต่นางรู้ดีว่าอำนาจของลูกชายมีมากกว่าสะใภ้อยู่ดี ด้วยตำแหน่งและฐานะสามีของบุตรชาย อย่างไรเสีย บ่าวไพร่ก็ต้องยำเกรงบุตรชายของนางมาก
กว่าสะใภ้เช่นโม่ไป๋หลาน หลิวเจินเจินจึงยื่นมือเข้าช่วยอีกแรง จะใหญ่แค่
ไหนก็ยังต้องเชื่อฟังมารดา
ทหารที่โบยสาวใช้จนหมดสติต่างมองไปทางท่านแม่ทัพของพวกเขาอีกครั้ง ด้วยสายตาไม่แน่ใจ ในเมื่อคำสั่งจากนายหญิงทั้งสองของบ้านขัดกับแม่ทัพผู้เป็นนายอีกคน
“หากคนของข้าเป็นอะไรไปจริง ๆ ข้าจะร้องเรียนผู้ที่มีอำนาจมากกว่าสามีข้า ให้ลงโทษพวกเจ้าซะ…”
เท่านั้นเอง ทหารที่รอฟังคำสั่งของหยางซานหลางรีบช้อนอุ้มร่างโชกเลือดของหรู่อี้ก้าวออกจากลานฝึกอย่างรวดเร็ว มีใครบ้างไม่รู้ถึงอำนาจของท่านหญิงโม่ไป๋หลาน ว่าหากนางใช้มันขึ้นมาจริง ๆ แล้วยื่นคำร้องไปยังผู้เป็นใหญ่ที่นางกล่าวมา หัวพวกเขามีเท่าไหร่ก็คงมิพอให้ตัด
“เจ้าจะไปไหนชิงชิง เห็นข้าแล้วยังไม่มาดูแลอีก หรือคิดว่าข้าตายไปแล้ว จึงคิดหานายคนใหม่กัน”
แม้เสียงจะยังแหบแห้งอยู่บ้าง แต่หลี่ถิงพยายามเค้นมันออกมาให้ดุดันมิแพ้สามีคนใหม่ที่เธอต้องรับมืออยู่ในเวลานี้ และไหนจะหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่ยืนแสดงละครน้ำเน่า เสแสร้งบีบน้ำตาอยู่ข้างชายหนุ่มนั่นอีกคน ยิ่งพอมองเห็นสายตาของสาวใช้ที่ลงมือสังหารโม่ไป๋หลานจนตาย แล้วกลายเป็นเธอที่เข้ามาอยู่ในร่างนี้แทน หลี่ถิงถึงกับหนักใจขึ้นมาเลยทีเดียวที่จำต้องต่อกรกับคนเหล่านี้
“เจ้าค่ะฮูหยินน้อย ถ้าเช่นนั้น ชิงชิงพาท่านกลับเรือนนะเจ้าคะ”
ชิงชิงรีบก้าวเข้าประชิดผู้เป็นนายด้วยมือสั่นเทาเล็กน้อย ด้วยมิคิดว่าฮูหยินน้อยจะรอดตายมาได้ นางมั่นใจว่าก่อนขึ้นจากลำธาร ร่างของเจ้านายแน่นิ่งไปแล้ว
หลี่ถิงไม่คิดจะบอกความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นกับโม่ไป๋หลานให้ใครฟัง
อีก เพราะในเมื่อสามีของนางไร้ความเป็นธรรม พูดออกไปก็เท่ากับใส่ความคนของชายหนุ่มอยู่ดี เงียบไปก่อนค่อยจัดการทีหลังย่อมปลอดภัยกว่า
ดวงตาหงส์ชำเลืองมองสาวใช้ข้างกายที่ยื่นมือมาประคองแขนตนอยู่ด้วยความชิงชังแต่ยังคงเก็บทุกอย่างเอาไว้ภายในใจ
“ข้าหรือเจ้าเป็นนายกันแน่ชิงชิง เจ้าถึงได้มาคิดแทนตัวข้า ว่าจะอยู่หรือไป”
ใบหน้างามเชิดขึ้นน้อย ๆ หลังพูดเหน็บแนมสาวใช้ข้างกายแล้ว ทำให้หยางซานหลางกำหมัดแน่นด้วยความโกรธกรุ่น เหมือนในเวลานี้ ภรรยากำลังตบหน้าเขาฉาดใหญ่ต่อหน้าผู้คนในจวน มิยำเกรงต่ออำนาจของเขาเลยแม้แต่น้อย ไหนจะมารดาที่ยืนถือหางสะใภ้อย่างเต็มตัวอีกเล่า
“จิตใจคับแคบ ชอบใช้อำนาจ ต่อให้ตายไปเกิดใหม่อีกกี่สิบรอบก็มิอาจเปลี่ยนแปลงคนอย่างเจ้าได้ แม้แต่คนที่คอยรับใช้เจ้าด้วยความภักดีอย่างชิงชิง เจ้ายังกล้าพูดจาเช่นนี้กับนาง ต่ำช้านัก…”
หลี่ถิงเบะปากงามเล็กน้อย เป็นการเย้ยหยันคำพูดของหยางซานหลาง โดยไม่ได้เกรงกลัวอีกฝ่ายเลยสักนิด
“เช่นนั้นหรือ แล้วไยนางถึงปล่อยข้าเกือบตายเล่า ไหนล่ะความภักดีของนาง สงสัยนางซื่อสัตย์และหวังดีต่อข้ามากเสียจนต้องการนายหญิงคนใหม่มาแทนข้า เพื่อ…” ทว่าหญิงสาวกลับไม่พูดประโยคสุดท้ายออกมา
“เพื่ออะไร ไยไม่พูดออกมาให้หมด ไป๋หลาน เจ้ามัน…มัน หึ! มองความภักดีของชิงชิงเป็นอื่น เพียงความหึงหวงไร้สาระของตัวเจ้าเอง”
หลี่ถิงอยากจะบอกเหลือเกิน ว่าคนภักดีของหยางซานหลางคือคน
ที่ฆ่าภรรยาของเขาเอง แต่เพราะสิ่งที่เขาตัดสินแล้วโยนความผิดทั้งหมดให้แก่หรู่อี้เพียงคนเดียว มันก็ชัดเจนแล้วว่า หากนางเอ่ยปากออกไป เท่ากับใส่ร้ายผู้อื่นในสายตาของทุกคน
ร่างกายอ่อนล้า แต่พอถูกความไม่เป็นธรรมของชายหนุ่มตรงหน้าเล่นงาน หลี่ถิงเลยลืมสิ้นกับความเจ็บป่วยในตอนนี้
“ข้าพูดไปจะมีประโยชน์อันใด ในเมื่อคนที่ไร้ความเป็นธรรมอย่างท่านเป็นผู้ชี้ชะตาผู้คนในจวน และนั่นรวมถึงตัวข้าด้วย ที่ถูกท่านกล่าวหาในสิ่งที่ข้าไม่ได้กระทำ หากข้าพูดออกมาก็ไม่พ้นคำตัดสินจากท่านว่าข้าคือผู้ผิดอยู่วันยังค่ำ สู้ปล่อยให้พวกท่านเก็บไปคิดเล่น ๆ กันต่อเองมิดีกว่าหรือ”
“โม่ไป๋หลาน ตัวเจ้าไม่ได้มาฟังการสอบสวน มาถึงก็พูดจาให้ร้ายใส่ความผู้อื่น แล้วยังพูดเหมือนตัวข้าไม่มีความเป็นธรรมต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่”
“ข้าคือผู้ถูกกระทำ ย่อมรู้ดีกว่าผู้ใด แล้วมีสักคำแล้วหรือที่ข้าพาดพิงถึงใคร ส่วนที่กล่าวหาว่าข้าทำให้ท่านดูเหมือนคนไม่มีความเป็นธรรม คงไม่ต้องให้ข้าบอกหรอกนะ ว่าจริงหรือไม่ และไม่มีสิ่งใดที่คนอย่างข้าต้องการจากสามีเช่นท่าน แม่ทัพหยางซานหลาง”
หยางซานหลางกำลังปะทะกับภรรยา ซึ่งไม่รู้ว่านางไปกินยาตัวไหนผิดมา ถึงได้หาญกล้าต่อกรกับคนเช่นเขาต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนนางจะเป็นผู้ฟังมากกว่าผู้พูด
จีกวานฮวาเห็นท่าไม่ดีจึงได้เดินเข้าไปหาญาติผู้พี่ของตน หวังปลอบโยนให้นางอารมณ์เย็นลง จะได้ไม่ต้องมีปากเสียงกันกับผู้เป็นพี่เขย ซึ่งมันพ่วงความอับอายมาสู่ตัวนางอย่างมิอาจเลี่ยงได้
หากทั้งสองคนยังต่อคำกันมิหยุด สุดท้ายคนที่จะถูกมองเป็นต้นเหตุคือนางนั่นเอง หากเป็นเช่นนั้นนางจำต้องหยุดมันลงเสีย ก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลายไปมากกว่านี้
“ท่านพี่ไป๋หลาน หายดีแล้วหรือเจ้าคะ กวานเอ๋อร์ดีใจมากเลยรู้หรือไม่ ตอนที่ข้ากลับไปหาท่านแต่ไม่พบ ตอนนั้น ข้าเป็นห่วงท่านยิ่งนักเจ้าค่ะ”
“น้องพี่! ตาเจ้าก็ไม่ได้มืดบอดเสียหน่อย ข้ามายืนอยู่ตั้งนานมิคิด
จะถามไถ่ หรือเพิ่งคิดได้ว่าข้าคือผู้ใด จะว่าไปเจ้าก็ไม่เคยเห็นข้าอยู่ในสายตามานานแล้วนี่…ทุกวันนี้ข้าเองยังสงสัยอยู่ว่า เป็นตัวข้าหรือเจ้าที่แต่งแก่สกุลหยาง”
จีกวานฮวาถึงกับใบหน้าชาหนึบยิ่งกว่าถูกน้ำเย็นจัดในฤดูหนาวสาดเข้าใส่ใบหน้าก็มิปาน หลี่ถิงมองอีกฝ่ายด้วยหางตา ก่อนจะเสมองมือบางที่เกาะแขนตนเองอยู่ แล้วเชิดขึ้นแต่พองามดังเดิม
‘ไม่ถามฉันซะเลยล่ะ ว่าตายหรือยัง’
หลี่ถิงแอบคิดประชดอีกฝ่ายอยู่ในใจ ไม่ต้องให้ใครบอก เธอก็รู้ว่าสามีกับญาติสาวของโม่ไป๋หลานแอบเชื่อมสัมพันธ์ทางใจกัน แต่เรื่องอย่างว่ายังไม่อาจบอกได้ เพราะเธอเพิ่งตื่นมาแบบงง ๆ เช่นกัน ค่อยสืบหาเอาทีหลัง ตอนนี้จะล้มลงให้อีกฝ่ายเหยียบซ้ำไม่ได้เป็นอันขาด
“ท่านพี่ไป๋หลานกำลังเข้าใจข้าผิดไปนะเจ้าคะ ไยถึงได้คิดเช่นนั้นไปได้เจ้าคะ”
จีกวานฮวารีบแก้ความเข้าใจผิดของญาติตน ก่อนจะมีใครมองนางในทางมิดีไปกว่านี้
“คงจริงอย่างที่เจ้าว่า…ข้าเข้าใจผิดไปเอง แล้วน้องพี่คิดว่าอย่างไร
เล่า กับการที่เจ้าหายไปจากลำธาร อ๋อ…ข้านึกออกแล้ว เจ้าคงปลดทุกข์ไม่ค่อยออกสินะ ถึงได้กลับไปช้าเช่นนั้น จนทำให้ข้าไม่มีอะไรทำเพราะรอ
น้องสาวที่น่ารักนานเกินไป ข้าจึงได้กระโดดลงลำธาร เอาหน้าไปจุ่มน้ำเล่นจนเกือบตาย ใช่ไหมน้องพี่ หืม!”
หลี่ถิงเลิกคิ้ว ยิ้มยั่วน้อย ๆ พร้อมคำถามที่ทำให้อีกฝ่ายนิ่งงันไปสักพัก
“เอ่อ….คือว่าข้า”
จีกวานฮวาได้แต่อ้ำอึ้งเมื่อถูกว่าตรง ๆ ไม่มีอ้อมค้อมเลยสักนิดจากญาติผู้พี่ของนาง
“ไม่ต้องพูดแล้วกวานเอ๋อร์ คนเช่นนางมีดีแค่เพียงหน้าตา นอกเหนือจากนั้นหาดีมิได้สักอย่าง ซ้ำยังปากร้ายเช่นสตรีไร้การอบรม”
หยางซานหลางก้าวมาคว้าข้อมือของจีกวานฮวากลับไปยืนข้างตน พร้อมกล่าวตำหนิภรรยาแบบไม่ไว้หน้าเช่นกัน แม้เขาจะรู้แก่ใจว่าสิ่งที่เขากล่าวหาภรรยา มันไม่ใช่เรื่องจริงไปเสียทั้งหมดก็ตามที แต่เขาจะไม่พ่ายให้แก่นางเป็นอันขาด
ศึกนี้ ทุกคนที่ยืนอยู่ร่วมในเหตุการณ์ต่างพากันถึงกับเหงื่อตก เพราะมันเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ที่ฮูหยินในท่านแม่ทัพหยางซานหลางลุกขึ้นมาแข็งข้อกับผู้เป็นสามีเช่นนี้
หลี่ถิงไม่รู้ความเป็นมาของทั้งคู่มากนัก แต่จากความทรงจำของ
โม่ไป๋หลานที่ไหลเวียนอยู่ในหัว หญิงสาวผู้เพียบพร้อมอย่างนางมิเคยคิดร้ายกับผู้ใดเลยจริง ๆ มีแต่คนอื่นที่คอยหมายเอาชีวิตนางอยู่ร่ำไป
“ท่านเคยลองแล้วหรือสามีข้า ถึงได้รู้ว่าภรรยาผู้นี้มีดีเพียงแค่หน้าตา…หืม!”
รอยยิ้มยั่วปรากฏขึ้น สายตาดุจนางแมวเจ้าเล่ห์และดูเย้ายวนถูกส่งให้แม่ทัพหนุ่มที่ยืนกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ
หากตอนนี้ เขาเดินจากไปพร้อมจีกวานฮวา เท่ากับว่าเขายอมรับกับสิ่งที่ภรรยากล่าวหา และเป็นเรื่องที่มีผู้คนคอยจับตาอยู่มากเช่นกันในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับญาติผู้น้องของภรรยา และนั่นนับเป็นการประกาศความพ่ายแพ้ของเขาที่มีต่อโม่ไป๋หลานอีกเช่นกัน
“เจ้ามันต่ำช้าเกินไปแล้ว โม่ไป๋หลาน รู้หรือไม่ว่าน้องสาวของเจ้า นางเสียสละเวลามากแค่ไหนที่ต้องมาคอยดูแลพี่สาวที่ทำอะไรไม่เป็นเช่นเจ้า ซึ่งวัน ๆ เอาแต่แต่งตัวกับสร้างเรื่องเรียกร้องความสนใจจากข้า”
หยางซานหลางพยายามสรรหาคำพูดมาต่อว่าภรรยาเพื่อรักษาหน้าตนเองเอาไว้
หลี่ถิงยิ้มเยาะกับคำพูดของผู้ชายตรงหน้า นี่เหรอสามีที่โม่ไป๋หลานรัก ไร้ค่าเสียกว่าอะไร ซ้ำยังเห็นแก่ตัวเป็นที่สุด ถือว่าสิ่งที่เธอทำเพื่อจะตอบแทนร่างกายของไป๋หลานก็แล้วกัน เธอจะต้องเรียกร้องศักดิ์ศรีของผู้หญิงคนนี้คืนมา และปลดพันธนาการจากผู้ชายคนนี้ให้จงได้
“ข้ามันต่ำช้า แล้วท่านจะทำไม อีกอย่าง ท่านหลงตัวเองมากไปหรือไม่ สามี ที่คิดว่าท่านสำคัญจนคนเช่นข้าจะต้องเรียกร้องความสนใจ อย่างท่านก็มีดีแค่รูปงาม อย่างอื่น…คงไม่ต้องให้ข้าบอก”
หลี่ถิงแกล้งเบนสายตาลงต่ำเพื่อสื่อความหมายเป็นนัยยะ หญิงสาวเบะปากส่งให้สามีพร้อมทั้งยักคิ้วท้าทายซ้ำเข้าไปอีก ทำให้แม่ทัพหนุ่มถึงกับตกตะลึงตาค้างในการกระทำของภรรยาที่เขามิเคยเห็นมาก่อน และไม่คิดว่าคนเช่นนางจะทำมันด้วย
หลี่ถิงหันไปส่งยิ้มให้แม่สามีที่ตอนนี้ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ภูมิใจในตัว
ลูกสะใภ้ที่วันนี้นางมิจำเป็นต้องกางปีกปกป้องเช่นเมื่อก่อนแล้ว
‘ต้องแบบนี้! เจ้าถึงจะอยู่รอดหลานเอ๋อร์’
“เจ้ายังป่วยอยู่นะหลานเอ๋อร์ มา...เดี๋ยวแม่พาไปส่ง พวกเจ้า ใครก็ได้ไปบอกแม่ครัวให้ทำอาหารบำรุงสะใภ้ข้าเร็ว ๆ เข้า” หลิวเจินเจินเอ่ยปากขึ้นก่อนที่ลูกชายตัวดีจะพูดอะไรไม่เข้าหูนางขึ้นมาอีก สตรีต่างวัยจับจูงกันเพื่อจะกลับไปยังเรือนของไป๋หลาน โดยทิ้งหยางซานหลางไว้ด้านหลัง ชายหนุ่มได้แต่หายใจแรง ๆ เพื่อระงับอารมณ์โกรธกรุ่น
จีกวานฮวาแอบกำหมัดแน่นภายใต้แขนเสื้อ นางคือผู้แพ้อย่างนั้นหรือในวันนี้ ทุก ๆ ครั้งนางคือคนที่ชนะมาโดยตลอด ส่วนทหารและบ่าวไพร่ที่มาอยู่ดูการตัดสินได้หายไปจากลานฝึกอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ท่านแม่” หลี่ถิงก็เล่นบทนางเอกแสนดี สะใภ้ผู้เพียบพร้อมได้เช่นกัน ก่อนจะแสร้งทิ้งน้ำหนักลงไปทางแม่สามีเล็กน้อย
หลิวเจินเจินโอบประคองหญิงสาวด้วยความรักใคร่ ก่อนจะก้าวพ้นประตูลานฝึก ฮูหยินใหญ่แห่งจวนสกุลหยางได้หยุดลงก่อนจะเอี้ยวตัวเล็กน้อยหันกลับไปยังบุตรชายและญาติของลูกสะใภ้
“อ้อ! ลืมไป คุณหนูจีกวานฮวาเองก็รีบกลับบ้านได้แล้วนะ ก่อนที่มันจะค่ำมืดเอา หลานเอ๋อร์มีซานหลางคอยดูแลอยู่แล้ว คงไม่จำเป็นต้องรบกวนเจ้า เจ้าน่าจะรู้นะ ว่าระหว่างสามีกับญาติ ข้าคิดว่าคนเป็นสามีย่อมดีต่อความรู้สึกมากกว่า จริงหรือไม่ หน้าที่ในการปรนนิบัติซานหลางก็เป็นของภรรยาเขา ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”
หยางฮูหยินกล่าวทิ้งท้ายด้วยคำพูดเหน็บแหนม ซึ่งทำให้คนฟังแทบ
กรีดร้องออกมาด้วยความอับอายและเจ็บแค้นเลยทีเดียว