บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 รักแรกภพ ep.1

ชายหนุ่มวัย 23 ผิวขาวหมดจด ใบหน้าสี่เหลี่ยมได้รูปประดับด้วยเคราบาง ๆ ดูเข้มคมด้วยขนคิ้วที่ดกหนา ดวงตารีใหญ่ที่คมกริบสีน้ำตาลอ่อน ปลายจมูกโด่งอย่างสวยงามสมเป็นลูกครึ่งแขกเปอร์เซีย ริมฝีปากหยักได้รูปสวย

เขาสวมสนับเพลาด้านใน (กางเกงชั้นในขายาวครึ่งแข้ง)และนุ่งโจงทับ สวมเสื้อครุยผ้ามัสลินไม่มีคอเสื้อ แขนเสื้อยาวถึงข้อมือ มีผ้าคาดเอว หัวหมื่นมหาดเล็ก หากเทียบกับสมัยนี้ก็เทียบได้เท่ากับนายพันเอก เขาเป็นมหาดเล็กคนสนิทที่ทรงโปรดปรานอย่างมาก

จมื่นศรีสุรนาทผู้นี้ได้รับราชการเป็นมหาดเล็กไต่ระดับขึ้นมาจนถึงมหาดเล็กหุ้มแพรตั้งแต่อายุ 18 และเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชมาก จนได้เลื่อนเป็นจมื่นศรีสุรนาทเมื่ออายุได้ 23 ปี รับตำแหน่งหัวหน้ามหาดเล็ก

“คุณพระนายจะกลับเรือนเลยหรือไม่ขอรับ”

มากิด ชายหนุ่มลูกครึ่งแขกอีหร่านกับไทย อายุไล่เลี่ยกันกับจมื่นศรีสุรนาท เขาเป็นข้ารับใช้ใกล้ชิดมาตั้งแต่จมื่นศรีสุรนาทยังเยาว์ และเติบโตมาด้วยกัน เอ่ยถามขึ้นเบา ๆ เมื่อถึงเวลาเลิกงาน

“หากไม่กลับเรือน แล้วเอ็งจะให้ข้าไปที่ใดเล่า”

จมื่นศรีสุรนาทพูดจบก็เดินมุ่งหน้าหมายจะกลับเรือน โดยมีมากิดเดินตามไปติด ๆ เสมือนเป็นข้ารับใช้และคอยคุ้มกันดูแลอยู่ในที

เมื่อทั้งสองเดินมุ่งหน้าหมายจะกลับเรือนก็ต้องผ่านย่านตลาดที่มีการค้าขายอึกทึก ทั้งย่านค้าผ้า ค้าสัตว์ทะเล ย่านค้าเครื่องประดับ ย่านค้าทอง ย่านขนม ย่านสมุนไพร ที่มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติที่เข้ามาค้าขายและชาวบ้านชาวเมืองต่างก็เลือกหาซื้อข้าวของ ในขณะเดียวกันนั้น

“แม่หญิง เรือพร้อมแล้วเจ้าค่ะ”

ทาสหญิงนามว่าทองใบร้องถามหญิงสาวโฉมสะคราญวัย 16 นามว่า จอมนาง เมื่อเห็นว่าเธอยังไม่ได้ตรงไปที่ท่าน้ำแต่กลับเหลียวมองไปรอบตัวเมื่อคนพายเรือเทียบเรือที่ท่า

“แม่หญิงมองหาสิ่งใดหรือเจ้าคะ”

จอมนาง เจ้าของร่างบางอรชรในชุดแบบไทยโบราณ เธอห่มสไบสีชมพู นุ่งซิ่นสีม่วงอมน้ำเงิน เป็นผ้าไหมยกพื้นด้วยลวดลายวิจิตรงดงาม เจ้าของใบหน้าเรียวสะอาดรูปไข่ที่หวานซึ้ง ภายใต้เรือนผมนุ่มสลวยเป็นเงางามและดกดำสวยสมวัยยาวเคลียกลางหลัง ด้านหน้าตัดสั้นแสกกลางมีปีกข้างเรียกว่าทรงมหาดไทย

สายตาที่หวานปนเศร้าอย่างมีเสน่ห์มองสำรวจหาสิ่งที่ปรารถนา ก่อนจะคลี่ยิ้มที่หวานจับใจออกมาเมื่อหันไปเห็นสิ่งที่ต้องการ เป็นเวลาเดียวกับที่ จมื่นศรีสุรนาทเดินไปใกล้บริเวณนั้นหมายจะนั่งเรือที่มารอรับ เขามองตรงมาทันได้เห็นรอยยิ้มที่หวานจับใจนั้น

ทำให้ปลายเท้าที่เตรียมจะก้าวไปยังเรือที่บ่าวรออยู่ต้องชะงัก มันเหมือนมีมนต์สะกดให้เขาเดินตามร่างบางอรชรที่งดงามกลมกลึงของสาวน้อยที่แสนโสภานั้นไปยังสถานที่ที่เรียกว่า ชุมชนชาวจีน มีย่านการผลิตและการค้าขนาดใหญ่ มีตึกอาคารสร้างด้วยอิฐถือปูนเป็นคลังสินค้ามากมาย

“นี่อย่างไรเล่า”

จอมนางยิ้มเมื่อเดินมาหยุดตรงหน้าของสิ่งที่ต้องการ

“กระไรหรือแม่หญิง”

ทองใบเอ่ยถามพลางชะเง้อมองตามสายตาของผู้เป็นนาย

“ลูกไม้อย่างไรเล่า เป็นลูกไม้ที่มาจากจีน ท่านเจ้าคุณพ่อชอบนัก แล้วยังมีน้ำตาลทราย สาคูเม็ด คุณแม่ทานชอบนักหนา เจ้าไปบอกบ่าวมาช่วยกันขนของไปที่เรืออย่าช้าที”

จอมนางหันมาพูดกับทองใบแล้วก็เลือกสินค้าที่นางต้องการ โดยไม่รู้ว่ามีสายตาหลายคู่ที่มองตรงมาหา และหนึ่งในสายตาของคนทั้งหลายเหล่านั้นก็มีใครคนหนึ่ง

“งามจริงแม่หญิงจอมนาง ยิ่งโตยิ่งก็ยิ่งงาม เห็นแล้ว เจริญตาเจริญใจยิ่งนัก”

ขุนทองดี ชายหนุ่มวัย 23 ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของออกพระศรีบดินทร์ฤาชัย แต่ก่อนหน้านี้ ขุนทองดีเป็นเพียงนักเลงหัวไม้ที่ชอบเที่ยวเตร่ แต่พอได้เห็นจอมนาง ทำให้เขาเริ่มเปลี่ยนไปทางที่ดีขึ้น ความตั้งใจของเขาคือการได้ครอบครองนาง แต่หากเขาไม่มียศไม่มีตำแหน่งก็คงไม่มีหนทางที่จะได้นาง

“หลายเพลาแล้วนะขอรับที่ท่านขุนได้ลอบมองแม่หญิงผู้มีโฉมวิลาศเลิศกว่านารีใดผู้นี้ หากเป็นแต่เพียงเศษธุลีดินหมายจะฟุ้งขจรไปเกาะแค่เพียงฝ่าเท้าของนาง ก็คงไม่สามารถสัมผัสแม้ชายซิ่นของนางได้”

ทนายแสน หนุ่มวัยไล่เลี่ยกัน ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนรักที่สนิทสนมคบหากันมานานและทาสรับใช้เอ่ยออกมา

“อุ๊บ๊ะ นี่มึงเปรียบกูเป็นได้แค่ดินติดตีนแม่หญิงเท่านั้นรึอ้ายทนาย”

ขุนทองดีรู้สึกเดือดดาลขึ้นมาอย่างมาก

“หากท่านขุนปรารถนาจะเป็นสายลมที่สามารถพัดฉาบชโลมไปทั่วร่างของนาง กระผมว่า ท่านขุนควรจะรีบหาทางให้ได้ยศมาในเร็ววัน มิใช่กินตำแหน่งเพียงแค่ขุนทองดี”

ทนายแสนเน้นคำพลางชำเลืองสายตาไปมองดูขุนทองดีอย่างมีเลศนัย เนื่องจากทนายแสนก็หวังจะอาศัยใบบุญของขุนทองดีไต่ระดับเหมือนกัน เพราะหากว่าขุนทองดีมียศสูงขึ้น ตนเองก็จะพลอยได้ดีไปด้วย และในวันข้างหน้า เขายังแอบหวังว่า จะได้ดิบได้ดีเหนือขุนทองดี จะได้ไม่ต้องเป็นเหมือนไก่รองบ่อนอยู่อย่างนี้

“เออ เรื่องยศเรื่องตำแหน่งสำหรับกูมันเรื่องเล็ก มึงอย่าลืมนะว่า กูได้กินตำแหน่งขุน เป็นทหารรักษาพระองค์วังหลังได้เพราะใคร ใช้เวลาเพียงแค่น้ำไม่ถึงกึ่งทะนานด้วยซ้ำ กูยังได้ตำแหน่งนี้ หากว่ากูปรารถนาตำแหน่งที่สูงขึ้น จะยากกระไรนักเล่า”

ขุนทองดีถือโอกาสคุยฟุ้งพลางยืดอกอย่างโอ้อวดว่าพ่อของตนนั้นเก่งมีบารมีมาก สามารถฝากตนให้รับราชการได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่เขากำลังคุยโวอยู่นั้น จมื่นศรีสุรนาทก็เดินเข้าไปใกล้จอมนางที่จ่ายเงินสำหรับข้าวของที่ต้องการ และเตรียมจะหันไปเลือกสินค้าอย่างอื่น

แต่ทว่าเมื่อนางหันมาก็ชนเข้ากับร่างของจมื่นศรีสุรนาทที่จงใจเดินเฉียดไปใกล้เป็นเหตุให้ร่างบางอรชรถึงกับเซ ทำให้เขาได้จังหวะรีบยื่นมือรวบร่างบางเอาไว้อย่างรวดเร็ว

“อุ๊ย!”

จอมนางรู้สึกตกใจอย่างมาก นางเผลออุทานออกมาพร้อมกับช้อนสายตามองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสีหน้าและแววตาที่ตื่นตระหนกตกใจระคนไม่พอใจผสมปนเป ครั้นเมื่อได้เห็นใบหน้าของหนุ่มลูกครึ่งไทย เปอร์เซีย หัวใจของนางก็พลันสั่นไหวขึ้นมา

“พี่ต้องขอขมาเจ้าด้วย ที่เป็นเหตุให้เจ้าตกใจ เป็นเพราะพี่นี้เร่งรีบจนไม่ทันระวัง ขอน้องเจ้าจงเมตตา อย่าได้เคืองขุ่นพี่เลยนะเจ้า”

จมื่นศรีสุรนาทเอื้อนเอ่ยวาจาออกมาด้วยศัพท์สำเนียงที่ระรื่นหู อีกทั้งมีรูปหน้า ผิวพรรณ ที่งามอย่างสมสัดส่วน จึงทำให้จอมนางรู้สึกตะคั่นตะคลอกึ่งเขินอายที่ถูกแตะเนื้อต้องตัวด้วยมือชายเป็นครั้งแรก นางรีบก้าวถอยห่างพลางหันข้างให้เขาแล้วก้มหน้านิ่ง

“หาใช่ความผิดของท่านไม่ เป็นเพราะข้านี้มิทันระวัง ข้าเองต่างหากที่ควรขอขมาท่าน”

จอมนางเอ่ยออกมาแล้วมองมาหาทองใบกับบ่าวไพร่ที่เดินแกมวิ่งตรงมาหา

“แม่หญิง เจ็บที่ใดหรือไม่เจ้าคะ”

ทองใบเอ่ยถามพลางมองสำรวจก่อนจะหันมาหาจมื่นศรีสุรนาท แต่เพียงแค่ได้มองเห็นเขา ทองใบก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความตะลึงพึงเพริดในความงามสมชายของเขา

“พวกเจ้าเร่งขนข้าวของไปขึ้นเรืออย่าช้าที”

จอมนางร้องสั่งก่อนจะรีบเดินผ่านจมื่นศรีสุรนาทไปอย่างระมัดระวัง ในขณะที่จมื่นศรีสุรนาทนั้นก็มองตามร่างบางของนางไป

“มากิด เอ็งไปสืบดูที ว่านางผู้วิลาศลักษณ์ผู้นี้ คือธิดาของตระกูลใด”

“ขอรับ”

มากิดตอบรับด้วยใบหน้าที่อมยิ้ม เพราะเป็นครั้งแรกที่เจ้านายมีอาการเหมือนตกหลุมเสน่ห์ ฝ่ายขุนทองดีกับทนายแสน เมื่อได้มองเห็นเหตุการณ์นั้นก็เกิดความแหนงหน่ายกึ่งไม่พอใจขึ้นมาในทันที

“นั่นมันอ้ายฮาริส ลูกชายแขกเซ็นที่ยอมหักหลังแม้ศาสนาของตนมาเข้าร่วมเป็นพุทธแล้วรับใช้พ่ออยู่หัวมิใช่หรือ”

ขุนทองดียกมือชี้มายังร่างของจมื่นศรีสุรนาท

“ใช่ขอรับ ดูจากสายตาของอ้ายแขกเซ็นผู้นี้ที่มองแม่หญิงจอมนางของท่านขุน เห็นจะไม่ธรรมดานะขอรับ”

ขุนทองดีกำมือแน่น

“ข้าหายอมได้ไม่ นางผู้นั้นสมควรเป็นของข้า เพราะข้ามองมาแต่หนที่นางยังเล็กจวบจนเติบใหญ่ ข้าหายอมให้ผู้ใดมาพรากนางไปจากข้าได้ไม่”

ขุนทองดีขยับดาบในมือ

“ได้ข่าวมาว่า มันมีฝีมือฉกาจนักนะขอรับท่านขุน”

“จะสักเท่าไหร่กันเชียว ไอ้ลูกผสมหรือจะมาสู้เลือดสยามแท้ ๆ อย่างกู ให้มันรู้กันไปในวันนี้”

ทนายแสนมองหน้าขุนทองดี

“ท่านขุนหมายความว่า!”

“ต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม ลองได้มันกล้าถึงขนาดแตะเนื้อต้องกายแม่หญิงของข้า มันคงหาได้หยุดอยู่เพียงเท่านี้ไม่ และอีกด้วยประการหนึ่ง พระยาภักดีพิชัย (เจ้ากรมการคลังและการต่างประเทศ )พ่อของมันกับพระยาพานทองเพชรรัตน์ (แม่ทัพ)พ่อของแม่หญิงจอมนางก็สนิทมักคุ้นกันนัก”

“แต่ข้าเกรงว่า..”

ทนายแสนนึกหวาดหวั่นขึ้นมาในทันใด เพราะเคยเห็นฝีไม้ลายมือเชิงดาบของจมื่นศรีสุรนาทมาบ้างแล้ว

“มึงอย่าขลาดนักเลยอ้ายทนายแสน ตามกูมาอย่างน้อยมันควรได้ลิ้มรสคมดาบของกู เพื่อเตือนใจแก่มันว่าอย่าริมาเหยียบจมูกกู เราจะต้องไปดักรอมันก่อนที่มันจะนั่งเรือคืนเรือน”

ขุนทองดีเร่งฝีเท้าเดินตามจมื่นศรีสุรนาท โดยมีทนายแสนที่กึ่งหวาดกลัวเพราะมีมาแค่สองคนเท่านั้นเกรงว่าจะไม่สามารถทำอันตรายจมื่นศรีสุรนาทได้ ดีไม่ดีอาจจะพลาดพลั้งเสียท่าได้โดยง่ายอีกด้วย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel