ตอนที่ 5 เรียนรู้ชีวิตใหม่
“ใครบอกว่าไม่ใช่ เอ็งชื่อกลิ่นจันทร์ เป็นเมียข้ามานานหลายปีแล้ว ทุกซอกทุกมุมในตัวเอ็งข้าสัมผัสมาหมดแล้ว อย่างนี้จะไม่ใช่ได้อย่างไร”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นกลิ่นแก้วก็กอดตัวเองไว้ มองค้อนชายหนุ่มหน้าหล่อที่อยู่ตรงหน้า เขาหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นสีหน้าตื่นกลัวของเธอ
“หัวเราะอะไร”
“ข้าเปล่า แค่คิดว่าเอ็งคนใหม่ก็น่าแกล้งดี ทำให้ข้ารู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมากกว่าเดิมเสียอีก”
“อย่าหวังว่าจะทำอะไรฉันได้ ออกไปเดี๋ยวนี้เลย ออกไปสิ!” ด้วยความโมโหกลิ่นแก้วจึงคว้าเอาหมอนโยนไปที่ตัวเขา ขับไล่ให้ออกไปจากห้อง
“ข้าไปก็ได้ แล้วอย่าลืมกินข้าวล่ะ เดี๋ยวก็ไม่มีแรงมาร่วมรักกับข้าคืนนี้หรอก"
“ออกไปเลย! ไอ้คนลามก ไอ้ทุเรศ”
แม้ฝ่ายชายจะออกไปแล้วแต่กลิ่นแก้วยังคงจ้องมองที่บานประตูไม้ไผ่ ใบหน้าสวยบึ้งตึง ยกมือขึ้นมาสัมผัสที่ริมฝีปากตัวเอง พลางนึกถึงใบหน้าคมนั่น ทำไมเธอถึงได้ร้อนวูบวาบไปทั้งใบหน้าอย่างนี้
“อีตาบ้า นายมาขโมยจูบแรกของฉันได้ยังไงกัน”
บ่นให้เขาแต่ก็เผลอยิ้มออกมา เมื่อรู้ตัวก็รีบจับที่มุมปากตัวเองดึงลงมา ความหิวทำให้ท้องร้องโครกคราก เตือนว่าถึงเวลาที่จะต้องหาอะไรลงไปสังเวยแล้ว แม้จะไม่เคยกินปลาไหลย่างมาก่อน แต่เธอก็ยอมกินมันลงไปเพื่อประทังความหิว จะได้มีแรงสู้กับอะไรรอบตัวที่ไม่คุ้นชินเลยแม้แต่น้อย
ทานข้าวแล้วก็รู้สึกเหนียวตัว กลิ่นแก้วเดินออกมาจากห้องเป็นครั้งแรก ก่อนจะเจอกับเด็กชายตัวน้อยที่นั่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ตรงหน้าบ้าน กำลังใช้หนังสติ๊กยิงนกบนต้นไม้ เธอกวาดสายตามองหาเสือกล้าแต่ก็ไม่เจอ จึงเดินเข้าไปหาเด็กชายคนนั้น
“นี่หนู”
“อ้าวพี่จันทร์ ออกมาได้สักที อยู่แต่ในห้องไม่เบื่อรึไงจ๊ะ” เด็กชายผิวคล้ำอายุอานามน่าจะเจ็ดขวบได้ ไว้ผมแกละดูน่ารักตามประสาเด็กบ้านป่า
“หนูรู้จักพี่ด้วยหรือ”
“ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ ก็หนูเป็นน้องชายพี่กล้า ส่วนพี่ก็เป็นพี่สะใภ้หนูไง”
“อ้าวหรือ! แล้วหนูชื่ออะไรล่ะ”
“หนูชื่อแกละจ้ะ พี่จันทร์จำอะไรไม่ได้เลยหรือจ๊ะ”
“จำได้สิ ฉันจำได้หมดทุกอย่างเลยนะ แต่ไม่รู้ว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงน่ะสิ”
“พี่จันทร์ดูเปลี่ยนไปเยอะเลย ก็อย่างว่าคนตายแล้วฟื้นมันก็คงจะเป็นอย่างนี้ล่ะ”
“ตายแล้วฟื้น พี่เนี่ยนะ” ว่าพลางชี้มาที่ตัวเอง
“ใช่ พี่ตายไปตั้งสามวันแล้วเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาตอนจะเผา คนในหมู่บ้านแทบไม่อยากจะเข้าใกล้เรือนเราเลยล่ะ เพราะกลัวพี่”
“จะบ้าหรือ พี่ไม่ใช่ผีจะกลัวทำไม แกละจ๊ะ แถวนี้มีห้องน้ำไหม พี่อยากอาบน้ำน่ะ”
“ไม่มีหรอกจ้ะ ถ้าอยากอาบน้ำก็ไปอาบที่ลำธารโน่น”
“อ้าว! แล้วอย่างนี้เวลาจะขี้จะเยี่ยวไปที่ไหนล่ะ”
“ก็เข้าไปในป่าไง”
“เฮ้อ ล้าหลังสุด ๆ ส่วนไหนของเมืองสุพรรณเนี่ย ว่าแต่ลำธารไปทางไหน” เธอบ่นพลางถอนหายใจเบา ๆ
“พี่จันทร์ก็รู้จักนี่นา แล้วทำไมต้องถามด้วยล่ะ”
“บ้า! พี่เพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกนะ”
“ช่างเถอะ เดี๋ยวหนูพาไปละกัน”
“โอเค ๆ รอพี่แปบนะ”
กลิ่นแก้วรีบกลับเข้าไปหยิบผ้าขาวม้าที่บุหงาเตรียมไว้ให้ ออกมาแล้วก็เดินเข้าไปหาเด็กชาย เพื่อให้นำทางไปยังลำธารที่ว่า
เธอรู้สึกสบายใจที่จะคุยกับเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ ทำให้ทั้งสองคุยกันได้ถูกคอได้อย่างรวดเร็ว เดินมาแค่ไม่นานก็ถึงลำธาร ที่นี่อยู่ท่ามกลางป่าธรรมชาติ ทำให้มองไปทางไหนก็เจอกับสีเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้า เสียงน้ำไหลบวกกับเสียงนกร้อง แถมอากาศก็เย็นสบาย ทำให้รู้สึกสดชื่นมาก ๆ
“ถึงแล้วจ้ะ”
“ว้าว! สวยจังเลย น้ำไหลมาจากทางโน้นแสดงว่ามีน้ำตกใช่ไหม”
“ใช่จ้ะพี่จันทร์”
“แกละไปเล่นแถวนี้รอก่อนนะ พี่ขออาบน้ำก่อน”
“จ๊ะพี่ ถ้าอาบเสร็จแล้วตะโกนเรียกหนูนะ”
“จ้า”