3
“ดีนะครับ หากเราค้นหาตัวเองเจอ”
“ก่อนมาทำงานที่นี่นกก็เคยเป็นครูสอนเอกชนมาก่อนค่ะ แต่เขายุบโรงเรียนเพราะเจ้าของอายุมากแล้วลูกหลานไม่อยากสืบทอดต่อ พอเด็กๆ ทำเรื่องย้ายในเทอมต่อไปได้ ทุกคนก็ต้องหางานใหม่ค่ะ”
“ผมกำลังจะถามอยู่พอดีว่าคุณเคยสอนหนังสือหรือเปล่า เขาว่าสอนหนังสือเหนื่อยนะครับ”
“เหนื่อยแต่สนุกค่ะ”
“น้อยคนมากนะครับที่จะบอกว่าอาชีพครูสนุก มีแต่คนบอกว่าเหนื่อย”
“เหมือนพัฒนากรนั่นแหละค่ะ เหนื่อยเหมือนกัน นกคิดว่าอาชีพทุกอาชีพเหนื่อยค่ะ ไม่สิ ต้องบอกว่าการทำงานมันเหนื่อยค่ะ แต่ถ้าเรารัก เราก็จะไม่เหนื่อย กลับภูมิใจมากกว่าหากทำมันได้สำเร็จ” ธีระแหงนมองท้องฟ้า คืนนี้ดวงจันทร์เต็มดวงในวันเพ็ญขึ้นสิบห้าค่ำ เขาหายใจอย่างสม่ำเสมอ กำลังคิดถึงเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในชีวิต
“คุณนกสอนวิชาอะไรครับ” เขาหันมาถามคนที่นั่งมองพระจันทร์อยู่ไม่ไกลจากเขานัก
“สอนวิชาคณิตศาสตร์ค่ะ”
“ว้าว... แสดงว่าคุณนกเก่งคณิตศาสตร์ใช่ไหมครับ”
“ชอบเรียนด้วยค่ะ ตอนเด็กๆ ช่วยแม่ขายของก็เลยหัดเรียนเลขกับที่บ้านก่อนมาโรงเรียนเสียอีก”
“บ้านคุณนกขายของด้วยเหรอครับ”
“แม่ของนกเป็นแม่ค้าขายผักน่ะค่ะ ต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ตีห้าเพื่อไปตลาด”
“แล้วคุณพ่อล่ะครับ”
“คุณพ่อเสียไปตอนคุณแม่คลอดน้องคนสุดท้องน่ะค่ะ ท่านออกไปส่งผักที่ตลาดแล้วโดนรถชนน่ะค่ะ”
เธอพูดถึงบิดาแล้วดวงตาไหววูบ เมื่อเสาหลักของชีวิตจากไป อีกหลายชีวิตที่อยู่ข้างหลังก็ลำบากในทันที เพราะครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยนัก บิดามารดารักกันเลยตัดสินใจอยู่ด้วยกัน พื้นฐานครอบครัวแต่ละฝ่ายก็ปากกัดตีนถีบ แต่อาศัยว่าบิดามารดาขยัน เลยไม่อดตาย แต่ก็ชักหน้าไม่ถึงหลังเพราะมีลูกหลายคน กระนั้นก็เป็นความสุขของการอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา บางทีความสุขก็ไม่ได้เกิดจากเงินทองเสมอไป
“ผมเสียใจด้วยนะครับ”
“มันนานแล้วล่ะค่ะ” เธอหันมายิ้มให้เขา
“ผมเองก็อยู่กับแม่ครับ” เขาพูดถึงมารดาด้วยน้ำเสียงรักใคร่
“เอ่อ... แล้วคุณพ่อของคุณธีล่ะคะ”
“คุณพ่อของผมเหรอครับ”
เขาเงียบไปเมื่อพูดมาถึงตรงนั้น
“ขอโทษนะคะ ถ้าไม่สะดวกใจไม่ต้องเล่าก็ได้ค่ะ”
“คุณนกง่วงหรือยังครับ”
“ง่วงแล้วค่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า ไม่อยากนอนดึกน่ะค่ะ” เธอหาวเมื่อเขาถามเพราะเริ่มง่วงนอนแล้วจริงๆ
“ไม่ต้องตื่นเต้นมากหรอกครับเดี๋ยวนอนไม่หลับ”
“ตื่นเต้นสิคะ พยายามบอกตัวเองว่าจะไม่ตื่นเต้นแต่ก็ยังตื่นเต้นค่ะ”
“ลองคิดแบบนี้สิครับ คิดว่าไปเที่ยว”
“ขอบคุณค่ะ”
“เดี๋ยวผมเดินไปส่งหน้าห้องนะครับ”
“เอ่อ... ไม่เป็นไรค่ะ” เธอกล่าวปฏิเสธอย่างเกรงใจ
“ห้องเราอยู่ใกล้กันครับ เดินไปด้วยกัน”
“ค่ะ” เธอรับคำ แม้เขาจะโอเค ไม่ได้ดูน่ากลัวแต่ความหวาดระแวงของเธอก็ยังอยู่ ไม่เป็นชายแท้ เป็นเกย์แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไว้ใจกันง่ายๆ ถ้าเขาเกิดทำอะไรไม่ดีขึ้นมาเธอจะทำยังไงล่ะ
เขาเดินมาส่งเธอที่หน้าห้องนอนจริง ๆ พอเธอบอกราตรีสวัสดิ์ ก็รีบปิดประตูทันที
“อ้าว... เข้ามาได้ยังไง ออกไปเลย” ธีระกะพริบตาปริบ ๆ เมื่อทำท่าจะเดินกลับห้องตัวเอง เขาก็ได้ยินเธอคุยกับใครสักคน
เธอคุยอยู่กับใครนะ เขาตั้งคำถาม ชะงักฝีเท้า เขามองประตูนิ่งก่อนจะตัดสินใจเคาะประตู
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
“คุณนกครับ คุณนก”
“คะ คุณธีมีอะไรคะ” กมลชนกเปิดประตูออกมา มองเขาอย่างสงสัย
“เอ่อ... เมื่อกี้ผมได้ยินคุณนกเหมือนคุยกับใคร คุยกับใครเหรอครับ” เขาอดที่จะมองเข้าไปในห้องนอนของเธอไม่ได้
“อ๋อ... คุยกับวิญญาณที่อยู่บ้านหลังนี้น่ะค่ะ”
“ครับ? ห้ะ!” เขาหลุดอุทานออกมาด้วยใบหน้าเหลอหลา
“ขอโทษนะคะไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณธีกลัว แต่นกมีสัมผัสที่หกน่ะค่ะ เห็นวิญญาณมาตั้งแต่เด็ก”
“เหรอครับ” ใบหน้าของเขาเหมือนโดนผีหลอกเมื่อได้ยินเธอพูดแบบนั้น
กมลชนกแอบเอานิ้วเกี่ยวไปด้านหลัง เธอขอโทษเขาที่พูดโกหก แต่เธอยังไม่ไว้ใจเขา พูดแบบนี้เป็นการป้องกันตัวเอง เขาจะได้ไม่กล้ามายุ่งอะไรกับเธอ จะตุ๊ดจะเกย์หรือจะชายแท้ หรือเป็นผู้หญิงเธอก็ไม่ไว้ใจ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ
“คุณนกเห็นผีเหรอครับ” เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าแตกตื่นไม่น้อย
“ค่ะ คุณไม่ต้องห่วงนะคะ ผีกับคนอยู่ด้วยกันได้ค่ะ เพราะทุกที่ที่เราอยู่ก็เคยมีคนตาย” เธอพูดก่อนจะมองไปด้านหลังเขา ธีระเสียวสันหลังวาบ
“คุณนกอย่ามองแบบนั้นสิครับ”
“ขอโทษค่ะ พอดีนกเห็นเด็กคนหนึ่งนั่งอยู่ที่เชิงบันไดน่ะค่ะ เขามองเราสองคนคุยกันอยู่ กำลังยิ้มด้วยนะคะ”
บรื่อ!!!
ธีระขนลุกซู่ในทันที เธอมองเขาเหมือนไม่รู้อีโหน่อีเหน่
“คุณนกครับ ไม่เอาไม่พูดครับ”
“คุณกลัวผีเหรอคะ”
“ผีนะครับ ไม่ใช่คน”
“แต่นกว่าคนน่ากลัวกว่าผีนะคะ ไปนอนเถอะค่ะ ฝันดีนะคะ” เธอบอกเขาอีกครั้ง ธีระรีบเผ่นกลับห้องแทบไม่ทัน
กมลชนกล็อกประตูแล้วมองซ้ายมองขวา ยกมือขึ้นท่วมหัว ไม่หน้ากุเรื่องเห็นผีมาหลอกธีระเลย เธอขึ้นเตียงก่อนจะสวดมนต์ แผ่เมตตา นั่งสมาธิ และขอฝากเนื้อฝากตัวกับเจ้าที่เจ้าทาง ผีบ้านผีเรือน
กมลชนกไม่รู้เลยว่าตอนที่เธอนอนหลับนั้น วิญญาณที่สิงสถิตอยู่ที่นี่ได้ออกมายืนมองเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์