3.หมาป่าตัวโตแห่งต้าหลาง
หมาป่าตัวโตแห่งต้าหลาง
มู่ชิงซานผู้ดำรงตำแหน่งชินอ๋องแคว้นต้าหลาง นำทหารสามหมื่นชีวิตมาตั้งฐานทัพอยู่ไม่ห่างจากประตูเมืองแคว้นหมิง การยกทัพมาครั้งนี้ทำตามความประสงค์ของฮ่องเต้มู่เส้าซือผู้เป็นบิดา
เกือบสองปีที่ผ่านมามีรายงานถึงความกระด้างกระเดื่องของแคว้นหมิงมิขาด อีกทั้งผู้นำยังคิดร่วมมือกับสิบสองเผ่าคนเถื่อนเพื่อจะได้มีความเข้มแข็งทางการศึกดั่งเช่นแคว้นอื่นๆ ดังนั้นมู่ชิงซานจำเป็นต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ห้ามมิให้แผ่นดินนี้ได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มกำลังใดๆ ด้วยอาจส่งผลร้ายในภายภาคหน้า
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านอยู่กลางกระโจมบัญชาการแม่ทัพสายตาคมกริบจ้องแผนที่จำลองการออกศึก ก่อนหันไปมองภาพวาดสาวงามที่บุรุษทั่วหล้าต่างหมายปอง
“เหล่าสาวงามที่อ๋องชิงซานต้องการมาแล้วขอรับ” หยวนซางเอ่ยขึ้นอีกฝ่ายคือผู้ติดตามเขา เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ เป็นกุนซือประจำตัวมู่ชิงซาน หลายครั้งยังทำหน้าที่เงาให้แก่เขาด้วย
“ในนั้นมีองค์หญิงเยี่ยฉีหรือไม่” ชายหนุ่มเอ่ยถาม องค์หญิงใหญ่เยี่ยฉีนับว่าเป็นไซซีล่มเมือง นางคือผู้อยู่เบื้องหลังการแข็งข้อต่อแคว้นต้าหลางดังนั้นเขาจึงอยากปราบความโอหังของนางลง
“เกรงว่าจะทำให้ท่านอ๋องกริ้ว องค์หญิงเยี่ยฉีบอกว่าให้ประทานแพรขาวสามฉื่อหรือไม่ก็เหล้าพิษ ด้วยนางไม่ต้องการมารับใช้ท่าน”
มู่ชิงซานรู้ว่าที่นางกล่าวเช่นนั้นเพียงต้องการโก่งค่าตัวและหาทางถ่วงเวลา นางคงคิดว่าตนเก่งและเหนือกว่าผู้ใด ทว่าคนอย่างเขาไม่เคยยอมให้สตรีนางใดยื่นข้อเสนอมาต่อรอง
“ฮ่าๆ นางจะไม่ได้สิ่งใดจากข้า แต่จะถูกข้ามัดมือแล้วตีให้ขาหัก สั่งคนให้จับตัวนางมาเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะบุกเข้าไปหานางด้วยตัวเอง”
หยวนซางตกใจต่อคำพูดมู่ชิงซานจึงรีบเอ่ยค้าน
“ท่านอ๋อง เพียงแค่เรามาตั้งกองทัพเช่นนี้ก็บีบบังคับแคว้นหมิงเกินไปแล้ว ชาวเมืองต่างหดหัวอยู่ในบ้าน หากท่านต้องการได้ใจคนที่นี่ ควรให้พวกเขายอมแพ้แต่โดยดี ตามแนวทางของอ๋องหรูซื่อ” หยวนซางเป็นสหายมู่หรูซื่อ น้องชายมู่ชิงซาน ทั้งสองสนิทกัน หยวนซางเห็นว่ามู่หรูซื่อมีความประนีประนอมสูง ผิดกับคนเป็นพี่ชายที่มักมองว่ามู่หรูซื่ออ่อนแอ ทั้งนี้คงเป็นเพราะเขาได้นิสัยบิดา และฮ่องเต้มู่เส้าซือแห่งต้าหลางมีเมตตาสูง ซึ่งหลายครั้งนำมาซึ่งภัยใหญ่น้อยในหมู่เครือญาติ
“บ้านเมืองที่อดีตผู้ปกครองบ้าตัณหาจนเกือบถูกข่านแห่งสิบสองเผ่าคนเถื่อนยึด พอหมิงอ๋องคนใหม่นั่งบัลลังก์ก็ไร้ซึ่งความเข้มแข็งเพราะถูกพี่สาวกุมอำนาจไว้ในมือครึ่งหนึ่ง หากปล่อยไว้นานกว่านี้ แคว้นหมิงคงล่มสลาย นับว่าบิดาข้ามองการณ์ไกลที่ให้ข้ามาเตรียมรับมือสิ่งต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น ตอนนี้ข้าไม่เข้าไปจัดการหมิงอ๋องและพี่สาวของเขาให้ยอมก้มหัวสวามิภักดิ์ ก็นับว่าเห็นแก่สัญญาที่ทั้งเจ็ดแคว้นเคยลงนามไว้มากแล้ว”
หยวนซางถอนหายใจแรงๆ เขามิอาจเกลี้ยกล่อมชายหนุ่มได้ ตอนนี้คงต้องรอให้มู่หรูซื่อกลับมาเสียก่อน ฝ่ายนั้นคงมีวิธีทำให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด ทว่าผ่านไปหลายชั่วยาม เหตุใดองค์ชายสามแห่งแคว้นต้าหลางยังไม่ปรากฏตัว
“หามิได้ท่านอ๋อง อย่างไรข้าคงขอให้ท่านทบทวนเรื่องนี้ใหม่”
“เฮ้อ ข้าเบื่อที่จะฟังเจ้า หากไม่มีสาวงามเป็นที่พอใจ ข้าจะยิ่งหงุดหงิดกว่านี้”
หยวนซางเข้าใจอารมณ์ผู้เป็นนายดี เขาชอบความงามของสตรีพอๆกับการกรำศึกหนัก มู่ชิงซานถือดาบกวัดแกว่งฟาดฟันศัตรูพร้อมเสพสมกับสตรีก็เคยกระทำมาแล้ว แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ คนที่เขาต้องการกลับขู่จะฆ่าตัวตาย
“หากเจ้าพาตัวเยี่ยฉีมาไม่ได้ จงไปคัดเลือกสาวงามในแคว้นหมิงมาอีกหากข้าพึงใจนางใดก็จะใช้เป็นนางบำเรออุ่นเตียง แต่ถ้าไม่ได้เรื่อง จงโยนพวกนางให้ไปรับใช้ในค่ายทหารเถอะ!” คนที่มีอำนาจสูงสุดในกองทัพประกาศเสียงดัง
มู่ชิงซานก้าวออกจากกระโจมขนาดใหญ่ เขาเบื่อหน่ายอย่างหนักแผ่นดินหมิงไม่มีสิ่งใดชวนให้อภิรมย์ คราแรกตั้งใจเข้าไปยึดที่นี่ แต่บิดาสั่งให้ซื้อใจพวกคนขี้ขลาดเอาไว้ อีกทั้งไม่อยากมีปัญหากับแคว้นที่เหลือ ดังนั้นมู่หรูซื่อจึงอาสาเข้าไปเจรจากับหมิงอ๋องด้วยตนเอง
และถ้าหากต้องทำศึกกันจริงๆ แคว้นหมิงที่เล็กอาจได้รับความเสียหาย เขาจำเป็นต้องรักษาแผ่นดินนี้ไว้ไม่ให้บอบช้ำ เพราะเป็นสถานที่ซึ่งปลูกสมุนไพร อีกทั้งพืชผักผลไม้งอกงาม อากาศไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไปมีแม่น้ำไหลผ่านเหมาะแก่การทำเกษตรและค้าขาย ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดคือต้องทำให้ชาวเมืองยอมก้มหัวให้โดยไม่ใช้กำลังเข้าข่มเหง
ซึ่งในอนาคตเขาหวังจะให้ชาวหมิงส่งบรรณาการให้แก่ต้าหลาง และเป็นสถานที่สำคัญเพื่อให้เขาใช้ตั้งกองทัพเพื่อยกไปปราบสิบสองเผ่าคนเถื่อน
ขณะที่ก้าวออกมาด้านหลังกระโจม เขาก็ขึ้นควบอาชาศึกโดยสั่งห้ามไม่ให้มีผู้ติดตามรวมถึงองครักษ์ บรรยากาศในยามบ่ายแก่ๆ เย็นสบาย แสงอาทิตย์งดงามชวนให้คิดถึงความสำราญใจเมื่อเขาเป็นหนุ่มน้อย และได้อยู่ใกล้ชิดเหล่าหญิงงาม
ทั้งที่ต้องการขี่ม้าอย่างสงบเพื่อชมดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ แต่เสียงหวีดร้องที่ดังจากในป่าทำให้เขาขุ่นใจ ภาพเบื้องหน้าคือสาวงามหลายนางวิ่งกระหืดกระหอบหนีตาย โดยฝีมือกลุ่มทหารจากต้าหลาง แน่นอนว่ามันไม่ใช่คำสั่งของเขา การข่มเหงผู้อ่อนแอกว่ามู่ชิงซานไม่นิยม เขาเพียงแค่ต้องการนางบำเรอ และสตรีที่สนใจคือฟ่านเยี่ยฉี เมื่อเห็นภาพดังกล่าวเบื้องหน้า ย่อมแสดงว่าคำสั่งของเขามีผู้บิดเบือน จนเป็นเหตุให้ทหารปลายแถวพรากลูกสาวชาวบ้านเพื่อไปย่ำยี
ดวงตาดุจพญานกอินทรีมองเหตุการณ์บนหลังม้าเงียบๆ ทหารหลายนายกำลังไล่ต้อนสาวชาวบ้านที่หาของป่า และสตรีนางใดถูกจับตัวได้ก็นำตัวขึ้นรถม้าคันใหญ่ และจุดหมายคือการเป็นโสเภณีในค่ายทหาร แต่แรกเขาหวังจะสั่งสอนพวกทหารปลายแถวเสียเอง ทว่าหากด่วนลงมือจะทำให้เขามิอาจทราบว่าใครเป็นผู้บงการ ดังนั้นเรื่องนี้เขาคงให้หยวนซางสืบในภายหลัง
ชายหนุ่มบังคับม้าให้หมุนตัวไปอีกด้าน เขาควบขี่ต่อไป กระทั่งพบกับร่างหนึ่งที่วิ่งกระหืดกระหอบหนีตายมา ร่างนั้นเป็นสตรีรูปร่างอรชร ทว่าเสื้อผ้านั้นขาดวิ่น จึงเผยเห็นหัวไหล่นวลเนียนและหน้าอกหน้าใจอันอวบอิ่มสองเต้านั้นเด้งไหวตามการเคลื่อนตัว ทว่าพอนางเงยหน้าขึ้นมองมาทางเขา ดวงตาคมกริบพลันประหลาดใจ ยามนั้นหัวคิ้วเข้มๆ ของเขาขมวดมุ่นใบหน้านั้นหาใช่สาวงาม!