ต้องการตัว 2
ในช่วงสองสามวันนี้ ฟู่หยวนเพ่ยถือว่าอยู่อย่างสงบสุขที่สุด
เช้าไปคอยดูแลปรนนิบัติลี่เฟยที่กำลังตั้งครรภ์ แม้จะมีการนวดถวายบ้าง แต่ก็จะกระทำด้วยความระมัดระวัง โดยจะเน้นการนวดกดจุดที่แขน ขา และหลังเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการที่ร่างกายต้องรับหน้าที่แบกน้ำหนักทารกเท่านั้น และที่สำคัญคือจะไม่นวดที่หน้าท้องเด็ดขาด ซึ่งถือว่าเป็นกฎเหล็กสำคัญที่คนทำอาชีพนวดต้องพึงระลึกไว้เสมอ
หลังจากเสร็จสิ้นการดูแลพี่สาว หยวนเพ่ยมักไปอาสานวดแป้งหมี่ที่ห้องเครื่องของตำหนักชุนชิวเป็นประจำ ซึ่งตำหนักนี้เป็นตำหนักเดียว ไม่นับตำแหน่งหวงโฮ่วที่มีห้องเครื่องสามารถประกอบอาหารได้โดยไม่ต้องรออาหารจากห้องเครื่องหลวง อีกทั้งยังมีพ่อครัวจากหยางโจวที่เป็นบ้านเกิดของนางและลี่เฟยที่หวงตี้ว่าจ้างให้มาทำอาหารขึ้นชื่อให้กินจนหายคิดถึงบ้านอีก…
นี่สินะที่เรียกว่าสิทธิพิเศษของคนโปรด…
หยวนเพ่ยอาศัยการนวดแป้งนี้ฝึกกำลังนิ้ว มือ แขน และเอวเพื่อให้มีพละกำลังในการนวดมาตั้งแต่อยู่ที่บ้านเกิด ตอนแรกท่านปู่ท่านย่าก็ดูจะไม่ค่อยพอใจนักที่คุณหนูอย่างนางไปขลุกอยู่แต่ในครัว แต่เมื่อได้เห็นนางสำแดงผลจากการที่ฝึกฝนนวดคลายเส้นแบบราชสำนักตำรับสำนักอู๋ฝอซื่อจนกระทั่งอาการปวดเมื่อยหายขาด หยวนเพ่ยก็ขึ้นเป็นหลานสาวคนโปรดในจวนสกุลฟู่ไป จากนั้นเวลานางหายเข้าไปในครัวครั้งต่อไปจึงไม่มีใครคอยตำหนิติเตียนอีก
เด็กสาวเทแป้งหมี่ลงมาที่โต๊ะ เว้นให้เป็นหลุมตรงกลาง เติมเกลือ น้ำตาล และน้ำ จากนั้นจึงค่อยตะล่อมนวดจนเป็นเนื้อเดียวกัน มือเล็กเปี่ยมเรี่ยวแรงบีบนวดขยำ จินตนาการว่าเป็นผิวเนื้อของผู้ที่มานวด แล้วจึงฝึกเน้นระดับความหนักเบาเพื่อไม่ให้ลืมว่า คนในช่วงใดต้องใช้น้ำหนักมือในการนวดแบบไหน
พวงแก้มเด็กสาวแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดพรายที่หน้าผากจากการได้ออกแรง ใบหน้ามอมแมมไปด้วยแป้งหมี่ แต่ยังมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า คล้ายเด็กสาวชาวบ้านที่ช่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ต่างจากทุกทีที่ทำหน้าเคร่งขรึม ยิ่งคนรอบข้างได้เห็นยิ้มหวานๆ ก็ชวนให้ดวงตาพร่าลาย
หลังจากนวดแป้งเสร็จ นางจึงเอาผ้าชุบน้ำหมาดๆ คลุมแป้งไม่ให้แห้งแข็ง ในขณะที่กำลังชื่นชมผลงานของตนเองอยู่นั้น พลันได้ยินเสียงหวีดร้องจากด้านนอกพร้อมกับเสียงสั่นเครือ
“ถะ...ถวายพระพรฝ่าบาท”
ฟู่หยวนเพ่ยหุบยิ้ม ไม่ยอมหันไปมองด้านหลัง
ฝ่าบาท? หรือว่าที่นวดไว้เมื่อคราวก่อนจะ…
“ฟู่หยวนเพ่ย”
“.........!?” หยวนเพ่ยสะดุ้งโหยง ก่อนค่อยๆ หันมา ก็เห็นสีพระพักตร์จริงจังของหวงตี้ ร่างกายเขายังอยู่ครบสามสิบสอง ปากไม่เบี้ยว คอและไหล่ไม่ผิดรูป ซ้ำยังมีท่าทีกระฉับกระเฉงแข็งแรงจนแผ่รังสีน่าครั่นคร้ามออกมา
“ถะ...ถวายพระพรฝ่าบาท” หยวนเพ่ยย่อกายคารวะ แต่ไม่ทันจะยืดตัวขึ้น เขาก็ก้าวประชิดตัว สองมือจับที่แขนของนางแน่น พลางเอ่ยด้วยเสียงที่แสดงความปรารถนาออกมาเต็มเปี่ยม
“ฟู่หยวนเพ่ย เราต้องการเจ้า”
"ต้องการหม่อมฉัน?"
ฟู่หยวนเพ่ยกะพริบตาปริบๆ หรือว่าคืนนั้นนางนวดแรงเกินไปจนไปกระทบสมองของโอรสสวรรค์ผู้นี้ จึงได้เกิดพิศวาสนางขึ้นมา
เขาพยักหน้า "เราต้องการเจ้าเดี๋ยวนี้"
น้ำเสียงนั้นแฝงความดื้อดึงเอาแต่ใจ ยังมิทันเอ่ยปากปฏิเสธ นางก็ถูกเขาดึงมือให้เดินตามเขาไป ทั้งได้ยินเสียงเขาร้องถามนางกำนัลว่าห้องนอนของนางอยู่ที่ใด
เมื่อได้รับคำตอบ เขาก็กึ่งเดินกึ่งจูงฟู่หยวนเพ่ยมายังห้องด้านในที่เป็นห้องนอนของนาง จากนั้นจึงให้นางนั่งบนเตียง มองเขาค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นจนเห็นร่างกายกร้าวแกร่งขัดกับผิวกายขาวผ่องนั้น
"ฝ่าบาท..." ฟู่หยวนเพ่ยอ้าปากค้าง มองเขาที่หอบน้อยๆ จากการกระทำอันบ้าบิ่นของตนเอง จากนั้นจึงนั่งลงใกล้ๆ นาง หยวนเพ่ยเขยิบตัวหนี แต่เขากลับคว้ามือนางไว้ อย่างไรก็ไม่ให้นางหนี
"ฟู่หยวนเพ่ย นับตั้งแต่คืนนั้นเราก็ไม่อาจลืมเจ้า ไม่อาจลืมรสมือ (และเท้า) ที่ได้สัมผัสตัวเรา..."
นางขยับปากขึ้นลง ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ ไฉนคำพูดเขาคล้ายเท้าความความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างชายหญิง
นั่นนวด! นวดนะ!
"ฟู่หยวนเพ่ย เราขอร้อง ใช้เท้าของเจ้าเหยียบข้าอีกครั้งนะ"
[1] หมายถึงสีของต้นโกฐจุฬารัมพา
[2] ดอกไม้โลหะ ที่วาดหรือติดบนหว่างคิ้ว
