บทย่อ
จากสาวสายแพทย์แผนไทยที่เสียชีวิตอย่างกะทันหันมาเข้าร่างของ ฟู่หยวนเพ่ย ญาติผู้น้องของสนมคนโปรดของหวงตี้ นางมิอยากถูกตระกูลหลักบงการชีวิตดั่งหุ่นกระบอกตัวหนึ่ง จึงตัดสินใจเสนอนวดถวายแทนการถวายตัว “เดี๋ยว เรามีคำถามอีกข้อ” พระองค์ทรงยกนิ้วพระหัตถ์ขึ้นประกอบ “เพคะ?” “เราสงสัยเรื่องที่เจ้าสวด เจ้าบอกได้ไหมว่าสวดอะไร” “...พระองค์อยากทราบจริงๆ หรือเพคะ” พระองค์พยักพักตร์ “บอกเราหน่อย แล้วสัญญาว่าจะเข้านอนแต่โดยดี” “...เพคะ” ฟู่หยวนเพ่ยสูดลมหายใจลึกก่อนเอ่ย “กรรมใดๆ ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่ข้าพเจ้าได้ทำล่วงเกินแก่ผู้ใด ทั้งโดยตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี ขอโปรดยกโทษอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อกันเลย แม้แต่กรรมใดที่ใครๆ ทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน” หวงตี้ทรงกะพริบตาปริบๆ หนึ่ง เป็นนางพูดรัวเร็วจนฟังไม่ถนัด สอง เป็นภาษาที่พระองค์ไม่รู้จัก “เจ้าช่วย อธิบายให้ข้าเข้าใจได้ไหม” “ถ้าจะให้เปรียบก็คงเป็นคาถาวัชสัตว์หฤทัยธารณี กระมังเพคะ” หวงตี้ขนลุกชันทั่ววรกาย พลางลุกพรวดมองเด็กสาวที่ยังคงยิ้มโง่งมไร้เดียงสา “...ฟู่หยวนเพ่ย เจ้าบอกเรามาตามตรง เจ้าเคยนวดใครตายคามือหรือไม่!?” หยวนเพ่ยอมยิ้ม พลางเอ่ยตอบไปอย่างสบายๆ ว่า “เท่าที่จำได้...ไม่มีเพคะ”
ถวายตัวด้วยท่าดัดหลัง 1
ราตรีนี้เป็นวันแรกที่ฟู่หยวนเพ่ยถวายตัว...
นางเป็นน้องสาวของลี่เฟย ฟู่หยวนฉุน พระสนมที่พระองค์โปรดปราน บัดนี้สามปีผ่านพ้น อีกทั้งลี่เฟยที่กำลังตั้งครรภ์ประสงค์ให้คนในครอบครัวอยู่ดูแล ตระกูลฟู่จึงได้ส่งนางเข้าวัง
ฟู่หยวนเพ่ยภายนอกดูเหมือนคุณหนูในห้องหอทั่วไป คราแรกที่ได้พบ ใบหน้าเรียวขาวดังไข่ปอก ร่างกายอ้อนแอ้นอรชร เกล้ามวยปักปิ่นดอกอวี้หลัน ประดับที่ติดผมรูปดอกมะลิบานสะพรั่ง สวมชุดฮั่นฝูสีเขียวหิมะครามทอประกายนุ่มนวล ทำให้นางดูเรียบร้อยอ่อนหวาน ต่างกับลี่เฟยที่ดูสดใสเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา
ชั่วชีวิตของพระองค์พบพานสาวงามอ่อนหวานมานับไม่ถ้วน เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นก็ชวนให้เบื่อหน่าย อยากกลับไปตำหนักชุนชิวที่ลี่เฟยกำลังรออยู่
ความคิดของพระองค์ไม่ทันขาดห้วง เหล่าขันทีก็แบกม้วนผ้าห่มสีแดงปักลายเข้ามาในห้อง คล้ายเปาะเปี๊ยะใหญ่ยักษ์ชิ้นหนึ่ง มาวางบนแท่นบรรทม มีศีรษะของฟู่หยวนเพ่ยโผล่ออกมา ใบหน้าของนางเรียบเฉย ไร้แววเขินอายอย่างที่พึงมี
หวงตี้ถอนหายใจเฮือก พระองค์พลิกวรกายนอนตะแคงข้างมองนาง มือเรียวดึงผ้าห่มออกจากตัวนางอย่างระมัดระวังโดยที่นางเองให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นางลุกขึ้นนั่ง แสงเทียนนวลผ่องต้องผิวขาวละมุนที่อาภรณ์ปิดไม่มิด
นางสวมเอี๊ยมและกางเกงขาสั้นสีขาวพระจันทร์ปักลายปิดอกอวบเกินวัย ปล่อยผมยาวสยายไร้ปิ่นและเครื่องประดับตามกฎมณเฑียรบาล หลังจากปล่อยให้พระองค์มองจนพอใจ นางจึงทำความเคารพ
"ถวายพระพรฝ่าบาท"
หวงตี้พยักหน้าแล้วปิดเปลือกตา ทำท่าไม่สนพระทัยนาง
นางเองก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ย "...พี่หญิงลี่เฟยประสงค์ให้หม่อมฉันปรนนิบัติฝ่าบาท ซึ่งหม่อมฉันรับปากแล้ว เปลี่ยนใจไม่ได้เพคะ"
"แค่เจ้าอยู่เฉยๆ ก็ถือเป็นการปรนนิบัติเราแล้ว" พระองค์ตรัสเรียบๆ
"นิยามของคำว่าปรนนิบัติไม่จำเป็นต้องข้องเกี่ยวกับกามารมณ์นี่เพคะ" นางเอ่ย "ขอเพียงให้หม่อมฉันทำอันใดกับพระองค์เพื่อไปเล่าให้พี่สาวฟังได้ เช่นนั้นก็พอเพคะ"
โอรสสรรค์ลืมพระเนตรข้างหนึ่งด้วย ไม่นึกว่าเด็กสาวเรียบนิ่งคนนั้นจะเถียงพระองค์
"...เช่นนั้นเจ้าจะทำอะไร"
"ให้หม่อมฉันถวายการนวดดีไหมเพคะ" นางยิ้มอ่อนหวาน "อยู่ที่บ้าน หม่อมฉันนวดให้ท่านพ่อท่านแม่ล้วนชมมิขาดปาก ทำให้พอมั่นใจในฝีมืออยู่บ้างเพคะ"
"...ก็ได้" นวดหรือ? อย่างดีก็คงแค่กำปั้นทุบเปาะแปะพอให้เจ็บๆ คันๆ กระมัง
ฟู่หยวนเพ่ยยิ้มบาง นางพนมมือทีหนึ่ง ก่อนล้วงเข้าไปในเอี๊ยม หยิบกระดาษที่หนีบอยู่หว่างอกจนพระองค์นึกประหลาดใจว่า ความยิ่งใหญ่ของหน้าอกนางมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด
"อะไร"
"หนังสือสัญญาเพคะ"
"สัญญา?"
"สัญญาว่าถ้าฝ่าบาทมีเหตุอันใดเกิดขึ้นในคืนนี้ จะไม่เอาผิดหม่อมฉัน"
“หนังสือสัญญา?” โอรสสวรรค์ตรัสทวนซ้ำเพื่อยืนยันว่าพระองค์ไม่ได้หูฝาดไป
“เพคะ” ฟู่หยวนเพ่ยพยักหน้า
“แค่นวด ทำไมต้องทำอะไรให้ยุ่งยากขนาดนี้ด้วย” พระองค์ทรงกวาดสายตาอ่านหนังสือสัญญาในพระหัตถ์ ยิ่งเพ่งเข้าไปดูใกล้ๆ คล้ายคนสายตาสั้นก็ยิ่งไม่เข้าพระทัย
“เนื่องจากตำรับการนวดของบ้านหม่อมฉัน มีบางท่าอาจทำให้รู้สึกเจ็บปวด จนทำให้ฝ่าบาทเข้าพระทัยผิด เช่นนั้นหม่อมฉันถึงได้ร่างสัญญาฉบับนี้ขึ้นมาตั้งแต่รู้ว่าจะได้เข้าพิธีถวายตัวเพคะ”
หวงตี้แย้มสรวล “เจ้าไปเรียนรู้วิธีการนวดมาจากที่ใดกัน”
“สำนักอู่ฝอซื่อ[1] เพคะ”
“ชื่อไม่คุ้น” สำหรับโอรสสวรรค์ที่ต้องมีพระเนตรพระกรรณกว้างไกล รับรู้เรื่องราวต่างๆ ทั้งในราชสำนักและยุทธภพ พระองค์ยอมรับว่าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
“เป็นเพียงสำนักเล็กๆ ไร้ชื่อไร้เสียงในแคว้นนี้ ฝ่าบาทอย่าได้ใส่พระทัยเลยเพคะ” ฟู่หยวนเพ่ยทำท่าเอียงอาย “ตกลงว่าฝ่าบาทจะยอมรับสัญญานี้หรือไม่เพคะ”
หวงตี้ทอดพระเนตรนางตั้งแต่ศีรษะจดเท้า...สตรีนางนี้รูปร่างบอบบาง แขนขาเรียวดั่งลำเทียน เกรงว่าแรงฆ่าไก่แม้สักตัวคงไม่มี ถึงแม้จะใช้ท่านวดพิสดารอย่างไร บุรุษรูปร่างสูงใหญ่เช่นพระองค์คงไม่สะดุ้งสะเทือนอันใด ดำริเช่นนั้นก็แย้มสรวล รับสั่งให้นางกำนัลหยิบพู่กันขนหมาป่ามา แล้วทรงลงลายพระหัตถ์บนหนังสือสัญญานั้น
“เราตกลง”
ฟู่หยวนเพ่ยมองลายมือชื่อก็แย้มยิ้มอ่อนหวานคล้ายได้หลักประกันสำคัญ นางพับสัญญาเรียบร้อยแล้วเสียบเข้าไปในร่องอกอวบอัดอีกครั้ง หวงตี้ทรงลอบกลืนน้ำลาย รู้หรือไม่ว่าท่าทีเช่นนั้นยั่วยวนพระองค์ไม่น้อย นางยกมือพนมขึ้นหว่างอกอีกครั้ง จักรพรรดิหนุ่มเห็นตั้งแต่เมื่อครู่แล้วให้นึกสงสัยก็ถามอีก
“เจ้าไหว้พระหรือ”
“ขออโหสิ...ไม่สิ...ทำความเคารพผู้ที่เรานวดตามกฎสำนักเพคะ” นางทูลตอบ แล้วจัดแจงฉุดพระหัตถ์ของหวงตี้ “ลุกขึ้นประทับนะเพคะ”
พระองค์ทำตามอย่างว่าง่าย คล้ายรู้สึกสนุกไปกับนางอยู่บ้าง แต่แล้วก็ต้องย่นพระขนงเมื่อมือเล็กเอื้อมมาปลดเชือกที่ผูกชุดนอนของพระองค์ออก เมื่อเห็นพระองค์ทอดพระเนตรมา นางจึงทูลเรียบๆ
“ต้องถอดฉลองพระองค์เพคะ”
โอรสสวรรค์ถอดฉลองพระองค์ตามที่นางทูล ลาดไหล่และร่างกายผึ่งผายอย่างผู้ที่ฝึกยุทธ์ เช่นนี้พาให้นางสนมน้อยใหญ่ต่างหลงใหลพระองค์เป็นนักหนา แต่เมื่อทอดพระเนตรเด็กสาวตรงหน้าที่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ กับร่างกายอันเยี่ยมยอดของพระองค์ ก็ชวนให้หงุดหงิดพระทัยขึ้นมา

