บทที่ 5 ลองดี
เขาตอบแล้วยิ้มอยากแกล้งดึงผ้าห่มหล่อนออกดูซิว่าหล่อนจะโดดเข้าซุกตรงไหนแต่มองๆ แล้วก็สงสารจึงปล่อยให้หล่อนนอนคลุมโปงอยู่อย่างนั้น เขาลุกขึ้นเดินมานั่งที่เก้าอี้รับแขกรู้สึกสนุกและสบายใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้โต้ตอบกับหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้
เขาลืมถามกัลยาไปว่าหล่อนเป็นใครมาจากไหน ให้ฝนหยุดตกก่อนเขาจะโทร.ถามกัลยาและจากนั้นเขาจะดึงหล่อนไว้ไม่ให้หล่อนเดินออกจากรีสอร์ทไชยอาชาไปง่าย ๆ อยากดูฤทธิ์ของหล่อนเหมือนกันว่าจะสู้เขาได้หรือไม่
“คุณ หายใจออกรึไง ฟ้าไม่แรงแล้วล่ะ”
ไชยวัฒน์ส่งเสียงดังหลังจากนั่งเงียบไปครู่หนึ่ง ฝนซาเม็ดลงแล้วอากาศเย็นน่านอน อรอินทุ์โผล่หน้าพ้นผ้าห่มมองออกไปทางหน้าต่าง เสียงฟ้าครางธรรมดาเท่านั้นหล่อนจึงลุกขึ้นนั่ง หันมามองหน้าชายหนุ่มเจ้าของบ้านด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“ไม่ต้องมาพูดดี ออกไปจากห้องนี้ได้แล้ว”
“ไล่ผมเหรอ ผมต่างหากที่ต้องไล่คุณ”
“ฉันไปก็ได้ แต่ให้ฝนหยุดก่อน”
“คุณจะไปยังไง มืดค่ำป่านนี้แล้ว หรือว่าอยากอ่อยเหยื่อไปตลอดทาง ถ้าอย่างนั้นก็ได้นะ เดินไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็มีคนอาสาไปส่งเองแหละแต่รับรองว่าเขาไม่ไปส่งฟรีแน่”
เขาพูดพร้อมกับยิ้มหยันที่มุมปากทำเอาหญิงสาวร้อนวาบไปทั้งหน้าด้วยความโกรธ
“หุบปากของคุณเดี๋ยวนี้นะ ฉันจะไปจากบ้านของคุณพรุ่งนี้เช้า รับรองฉันจะไม่อยู่ให้คุณมานั่งด่าฉันอยู่อย่างนี้หรอก”
หล่อนก้าวลงจากเตียงเดินไปที่ประตูเปิดออกสู่ระเบียงหลังบ้าน หล่อนก้าวออกไปรับละอองฝนเย็นฉ่ำ อารมณ์โกรธผู้ชายที่นั่งยิ้มอยู่ในห้องค่อยคลายลง แต่กระนั้นเขาก็ยังตามมาก่อกวน
“ฝนคงไม่หยุดตกง่ายๆ เดี๋ยวผมจะให้คนมารับคุณไปทานข้าว”
เขาก้าวเข้ามายืนด้านหลังหล่อนห่างจากหล่อนเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น
“ฉันไม่ไป ไม่หิว แล้วก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
“แต่คุณต้องไป เพราะกฎของที่นี่คือ เราเลี้ยงอาหารมื้อแรกกับแขกที่เข้ามาพักรีสอร์ทของเราทุกคน เพราะฉะนั้นห้ามปฏิเสธ”
หล่อนหันกลับมามองเขาแล้วเมินหน้าหนี ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ครู่ต่อมาหล่อนเดินกลับเข้าไปข้างในห้องดึงกระเป๋าเป้ออกมาดึงเสื้อผ้าที่แขวนไว้ในตู้เรียบร้อยแล้วโยนลงบนเตียงกว้าง
“ทำอะไร” ไชยวัฒน์เดินตามเข้ามายืนมองหล่อน
“จะทำอะไรก็เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับคุณ”
“ผมว่าคุณอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีมั้ย เดี๋ยวผมจะให้คนมารับไปทานข้าวที่บ้าน”
“เอ๊ะ บอกว่าไม่หิว ไม่ไปไงล่ะ ไม่ได้ยินหรือไง หรือว่าฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องคะคุณไชยวัฒน์ขา”
หล่อนยืนหน้าเข้ามาพูดแล้วสะบัดหน้าด้วยความโกรธ เขาหัวเราะหึ ๆ เดินไปที่ประตูหน้าบ้านที่ปิดตอนฝนตก เขาเปิดประตูออก เปิดไฟหน้าบ้านแล้วหันมาที่อรอินทุ์
“ถึงไม่หิวก็ต้องไป”
เขายิ้มใส่ตากลมของหล่อนแล้วหัวเราะอีกก่อนจะเดินดุ่มลงจากบ้าน ม้าสีหมอกซึ่งหลบฝนอยู่ใต้ต้นไม้หน้าบ้านเดินเข้ามาหาอย่างรู้หน้าที่ เขาโดดขึ้นบนหลังม้าควบออกไปอย่างสง่างาม อรอินทุ์ยืนมองเขาอย่างลืมตัว หล่อนชอบภาพนั้น มันเท่และแปลกตา หล่อนชอบเขาโดยไม่รู้ตัว
“ยังไงฉันก็ไม่ไปกินข้าวที่บ้านคุณ ไอ้คุณไชยวัฒน์”
หล่อนพึมพำขณะพับเสื้อผ้าลงเป้ นึกโกรธและเกลียดหน้าไชยวัฒน์แต่ทำไมไม่โกรธจริงก็ไม่รู้ กลับรู้สึกอบอุ่นอยู่ในใจ หล่อนอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่หันไปหาขนมปังที่เหลือเพียงชิ้นเดียว
“ขนมปังชิ้นเดียวจะอิ่มยังไงเนี่ย สงสัยคืนนี้ฉันต้องนอนหิวตลอดคืนแหง ๆ รู้งี้ซื้อขนมตุนไว้เยอะ ๆ ก็ดีหรอก จะให้เดินไปซื้อข้าวที่ร้านอาหารของรีสอร์ทคงไม่ไหวมืดตื๊ดตื๋อออกอย่างนี้”
หล่อนทำหน้าเมื่อยขณะทานขนมปังแล้วดื่มน้ำตามอีกหนึ่งแก้ว ความหิวก็ไม่หายไป ท้องร้องจ๊อก ๆให้หงุดหงิดเล่นอย่างนั้นแหละ ฝนขาดเม็ดไปแล้ว เสียงจักจั่นร้องระงม หล่อนเปิดประตูออกมายืนสูดอากาศยามค่ำคืนพยายามลืมความหิวแต่ก็ไม่ได้ผล ท้องยิ่งร้องประท้วงหนักขึ้น
“โอ๊ย.หิวโว้ย ทำไงดีวะ”
หล่อนร้องโวยอย่างโมโหพอดีกับเสียงรถแล่นเข้ามาใกล้ ครู่เดียวรถเก๋งคันงามก็คลานเข้ามาจอดหน้าบ้าน หล่อนยืนมองอยู่หน้าบันได คนขับรถเปิดประตูก้าวลงมาแล้วเดินยิ้มเข้ามาหาหล่อน
“สวัสดีครับ ผมฉลองครับ เป็นคนดูแลรีสอร์ท คุณไชยให้ผมมารับคุณอรอินทุ์ครับ”
“รู้จักชื่อฉันได้ยังไง” หล่อนถามกลับอย่างรวดเร็ว ฉลองยิ้มแล้วว่า
“คุณกัลเล่าให้ฟังแล้วครับว่าคุณอรอินทุ์เข้ามาพักที่บ้านหลังนี้”
“อ้อ.ขอบคุณนะที่มารับ แต่คุณฉลองกลับไปเถอะค่ะ ฉันไม่ไปหรอกจะนอนแล้วค่ะ”
“แต่ว่าคุณไชย…”
“เขาบังคับให้พาฉันไปให้ได้ใช่มั้ยคะ ไปบอกเขาว่าฉันไม่ไปค่ะ”
ฉลองยิ้มแหย ๆ แล้วกลับไปที่รถขับออกไป อรอินทุ์มองตามท้ายรถพร้อมกับยิ้มสะใจ