บทที่ 3 ตะลึง
“มีอะไรเหรอครับอา”
ชายหนุ่มหันมามองหน้าอาพร้อมขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย พรพจน์ยิ้มนิด ๆ แล้วส่ายหน้าไปมา
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก เพียงแต่อาสงสัยว่าพักนี้หลานชายอาทำงานหนักมากไปหรือเปล่า ยังไงก็พักผ่อนบ้างนะหลาน คุณรังสิมาเพิ่งมาชวนไปเที่ยวเมื่อวานทำไมวันนี้หน้าเครียดอีกแล้วล่ะ ไม่สบายใจอะไรก็บอกอาได้นะ ถ้าเรื่องงานอายินดีแต่เรื่องส่วนตัวต้องปรึกษายัยกัลกับนายตรีเพราะพวกนั้นอยู่วัยเดียวกันอาจรู้เรื่องมากกว่าอา”
พรพจน์พูดแล้วหัวเราะหลานชาย ไชยวัฒน์ยิ้มน้อยๆ แล้วถอนหายใจ
“ไม่มีอะไรหรอกครับอา”
“ไม่มีแน่นะ”
“ครับ ถ้ามีแล้วผมจะปรึกษาอาคนแรก”
ชายหนุ่มปฏิเสธอาเพราะไม่อยากให้ท่านต้องมาปวดหัวกับเขาด้วย นับวันเขากับรังสิมาจะไม่เข้าใจกันขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เหมือนตอนที่อยู่เมืองนอก ตอนนั้นเขากับรังสิมาอยู่ด้วยกันไปเรียนพร้อมกัน หล่อนเรียนจบกลับเมืองไทยก่อนเขา 3 เดือน
เขาต้องเข้าฝึกงานกับฟาร์มปศุสัตว์ที่นั่นอีก 3 เดือนจึงกลับเมืองไทย เมื่อกลับมาถึงยังไม่ทันได้บริหารงานในฟาร์ม รังสิมาก็เข้ามาวุ่นวายทำตัวเป็นเจ้าของบ้านเจ้าของฟาร์มจนทุกคนส่ายหน้า พรพจน์ไม่ใช่คนพูดมากท่านจึงไม่ว่าอะไรแต่กัลยาบ่นกับเขาบ่อย ๆ ว่ารังสิมาพูดจาไม่เพราะดูถูกญาติพี่น้องของเขา เขาพยายามทำเฉยแต่ยิ่งเฉยรังสิมายิ่งทำตัวน่าเบื่อ
“ไชยคะ สิว่าเราตบแต่งเรือนหอกันได้แล้วนะคะ เราต้องแต่งงานกันให้เร็วที่สุดนะคะ วันเกิดของสิปีนี้สิจะประกาศกับเพื่อน ๆ ว่าสิจะแต่งงาน เพราะฉะนั้นไชยต้องรีบเตรียมงานได้แล้วค่ะ”
“สิครับ ผมยังไม่พร้อม งานในฟาร์มผมยังไม่ลงตัว ผมขอเวลาสักระยะนะครับ”
“ขอเวลาอะไรคะ สิไม่รู้ทั้งนั้น ถ้าคุณไม่จัดการเรื่องงานแต่งงานภายใน 3 เดือนนี้สิจะอาละวาดให้ฟาร์มพังไปเลย คิดจะไม่รับผิดชอบกันรึไง”
“สิ ทำไมพูดอย่างนั้น คุณพูดเหมือนกับว่าเราไม่ได้รักกัน คุณให้ผมรับผิดชอบคุณแค่นั้นเหรอสิ”
รังสิมาเงียบเสียงทันที เพราะหล่อนต้องการแต่งงานกับเขาเพื่อหน้าตาทางสังคมเท่านั้นแต่ถ้าถามหล่อนว่ารักเขาหรือไม่ หล่อนตอบได้ทันทีว่าแค่ชอบและอยากได้เขาอยู่เคียงข้างเท่านั้น หล่อนทำได้ทุกอย่างถ้าทำให้ชีวิตของหล่อนสุขสบาย
“เอ่อ.เปล่าค่ะ สิพูดไปอย่างนั้นเอง ก็สิกำลังโมโหนี่คะ เอางี้นะคะ สิกลับก่อนคุณจะได้คิดเรื่องแต่งงานของเราออกว่าควรจะจัดงานที่ไหนดี สิไปนะคะ”
หล่อนเข้ามาจูบแก้มเขาแล้วเดินผละไปเหมือนไม่มีเยื่อไยนอกจากหน้าที่เท่านั้น ไชยวัฒน์ซึมมาตั้งแต่วันนั้นและวันนี้เขาก็ไม่มีอารมณ์จะพูดเล่นกับใคร อยากทำงานเพียงอย่างเดียว
ตอนบ่ายกัลยาโทร.มาบอกอีกว่าให้บ้านหลังที่เขาปลูกไว้สำหรับนอนเล่นพักผ่อนยามเครียดกับงานหรือเรื่องส่วนตัวให้แขกพักยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด เขาไม่เคยให้ใครพักที่นี่ทั้งที่เคยบอกว่าให้เป็นบ้านพักรีสอร์ทได้ แต่พอมีแขกจะมาพักจริง ๆ เขากลับไม่ยอม เพราะรักบ้านหลังเล็กนั่นมาก
แต่เมื่อกัลยาให้แขกพักแล้วเขาก็ต้องทำใจ เย็นนี้เขาจะไปดูหน้าแขกที่อุตส่าห์เดินเกือบกิโลเมตรเพื่อเข้าพักบ้านหลังที่เขาหวงมากสักหน่อย อยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครแล้วทำไมไม่ยอมไปพักที่รีสอร์ทอื่น
ไชยวัฒน์เดินออกจากออฟฟิศฟาร์มม้าตรงไปที่ม้าตัวโปรด เขาโหนตัวโดดขึ้นนั่งบนอานม้าแล้วกระตุกเชือกเบา ๆ เจ้าม้าสีหมอกแสนรู้ก็ก้าวเดินและออกวิ่งตามที่เจ้านายสั่งว่าต้องไปตามทางที่เจ้านายต้องการ
ลมพัดเฉื่อยฉิวเย็นสบายทำให้หญิงสาวหลับอย่างมีความสุข เสียงฝีเท้าม้าควบเข้ามาหยุดหน้าบ้านพักหล่อนก็ไม่รู้สึกยังคงหลับฝันดีต่อไป
“คุณ คุณครับ คุณ คุณครับ”
เสียงชายหนุ่มร้องเรียกจากหน้าบ้านแต่ไม่มีเสียงตอบ เขาจึงโดดลงจากหลังม้า เดินขึ้นบันได 5 ขั้นก็ถึงพื้นบ้าน ประตูห้องเปิดอยู่คิดว่าเจ้าของห้องคงอยู่หลังบ้านหรือไม่ก็ในห้องน้ำ เขาจึงก้าวเท้ามาหยุดยืนหน้าประตู สายตาคมเข้มมองเข้าไปในห้องและเขาต้องตะลึงรู้สึกร้อนวาบไปทั้งร่างเมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างงดงามของหญิงสาวที่กำลังหลับใหลอยู่บนที่นอนกว้างที่เขาเคยนอน
ร่างนั้นนอนตะแคงข้างหันหน้ามาทางประตูที่เขายืนอยู่ ใบหน้าเกลี้ยงไร้เครื่องสำอางแตะแต้มแนบอยู่กับหมอนสีเทาน้ำเงิน ลำแขนเรียวสวยกอดผ้าห่มไว้ท่อนบนส่วนท่อนล่างเรียวขาเพรียวเนียนก่ายผ้าห่มไว้ หล่อนนอนหลับโดยไม่ยอมปิดประตู
หล่อนไว้ใจในสถานที่แห่งนี้มากเกินไปแล้วโดยเฉพาะบ้านที่อยู่ห่างจากบ้านหลังใหญ่เช่นนี้ เขาโมโหหล่อนขึ้นมาทันที เท้าก้าวยาว ๆ ถึงเตียงนอนและน้ำเสียงทุ้มกังวานก็ตะโกนใส่หูของคนที่กำลังหลับดังลั่นจนเจ้าตัวสะดุ้งตื่น