บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 (2)

เรียวปากเล็กแดงระเรื่อที่ขยับขึ้นลงตั้งคำถามไม่ได้หยุด กอปรกับดวงตาสีอ่อนใสสวยงามที่เงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาตื่นเต้นสุกสกาว ทำเอาผู้ที่เป็นแม่ต้องหัวเราะออกมาเบาๆ

‘อืม...เจ้าอีสดรีสส์หล่อมากดูภูมิฐานสมกับเป็นบุรุษชาติอาหรับ’

เป็นความสัตย์จริงตามที่ผู้เป็นแม่ได้เอ่ยบอกลูกสาวตัวน้อย เจ้าชายอีสดรีสส์มีพระวรกายที่งดงามดูภูมิฐานหล่อเหลา แม้จะมีพระชันษาแค่เพียงยี่สิบปี แต่ก็หล่อเหลาคมเข้มติดอันดับหนึ่งในสิบของเจ้าชายในดินแดนตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นที่หมายปองแก่สาวๆ ทั่วทั้งโลก

‘รีน่าไม่ได้พบเจ้าชายนานแล้ว เจ้าชายลืมรีน่าไหมคะ แล้วเจ้าชายจะรักรีน่าหรือเปล่า’

ผู้ที่เป็นแม่ส่ายหน้ายิ้มๆ กับใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความกังวล ขณะที่เจ้าตัวได้หลุดถามออกมา มืออบอุ่นของแม่โอบประคองใบหน้าน่ารักที่ส่อแววโตขึ้นต้องสวยสง่างามไม่แพ้เทพีอาหรับไว้ในอุ้มมือ ก่อนจะเอ่ยตอบพร้อมด้วยรอยยิ้ม

‘เจ้าชายต้องไปศึกษาต่อที่อีกฟากหนึ่งของโลกคือประเทศอเมริกา อีกไม่นานก็สำเร็จการศึกษานำความรู้มาพัฒนาประเทศของเรา’

‘คุณแม่ยังไม่ตอบรีน่าเลยว่าเจ้าชายจะรักรีน่าไหม แล้วถ้าเจ้าชายเจอผู้หญิงที่สวยกว่ารีน่าเจ้าชายจะลืมรีน่าหรือเปล่า’

เด็กน้อยยังไม่เข้าใจในเรื่องความรัก ไม่รู้ความหมายของคำว่า ‘รัก’ ได้ตั้งคำถามซักไซ้มารดาไม่ได้หยุด อัลรีน่าในวัยสิบขวบที่ใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าหญิง คิดเพียงแค่ว่าการได้สวมชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่องประดับอัญมณีงดงามเดินเคียงคู่กับเจ้าชายอีสดรีสส์ เพื่อเข้าพิธีอภิเษกสมรสนั่นคือสิ่งที่เรียกว่าความรัก

‘ไม่ว่าเจ้าชายจะพบเจอสาวๆ ในโลกตะวันตกกี่ร้อยกี่พันคน เจ้าชายอีสดรีสส์ไม่มีทางลืมองค์หญิงตัวน้อยๆ แห่งบ้านฟาติยาซ์ได้หรอกจ้ะ’

ผู้ที่เป็นแม่เอ่ยตอบพร้อมกับแกล้งลูกสาวด้วยการหยิกพวงแก้มยุ้ยๆ แดงปลั่งทั้งสองของลูก ก่อนจะเอ่ยต่อ

‘ลูกของแม่สวยน่ารัก มีนัยน์ตาสีอ่อนใสราวกับผืนน้ำ เป็นมนต์เสน่ห์มัดใจชายหนุ่มทั่วทั้งประเทศและแม่เชื่อว่าแม้แต่เจ้าชายอีสดรีสส์เองก็จะต้องมนต์เสน่ห์ของรีน่า’

อัลรีน่าในวัยสิบขวบคลี่ยิ้มแป้นจนตาหยีด้วยความดีใจ

แต่...อัลรีน่าคนที่นั่งอยู่ในสวนพฤกษชาติในขณะนี้ไม่ได้แย้มยิ้มด้วย ความใฝ่ฝันในยามเยาว์วัยกับความต้องการของหัวใจในห้วงปัจจุบันช่างแตกต่างกันยิ่งนัก

“อัลรีน่าไม่อยากแต่งงานกับเจ้าชายอีสดรีสส์ เพราะรีน่าไม่ได้รักเจ้าชาย”

อัลรีน่ายกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองพึมพำกับสายลมคลื่นละอองเม็ดทรายที่มีอยู่เต็มแผ่นดินดาลิยาจากนั้นก็ผุดลุกขึ้นก้าวเท้าช้าๆ ราวกับหนักอึ้งเสียเต็มประดาไปที่ห้องนอนของตัวเอง

ห้องรับแขกขนาดใหญ่ภายในคฤหาสน์ฟาติยาซ์ ซึ่งตกแต่งวิจิตรตระการด้วยเครื่องประดับล้ำค่าหายาก ในวันนี้เต็มไปด้วยแขกผู้ใหญ่ ซึ่งล้วนเป็นเหล่าองครักษ์เอกของเจ้าชายอะดะบีและเจ้าชายอีสดรีสส์ กล่องกำมะหยี่ขนาดใหญ่จำนวนสองกล่องที่วางอยู่ตรงหน้าเหล่าองครักษ์ เป็นสิ่งที่เรียกรอยยิ้มแห่งความดีใจได้จากเจ้าของคฤหาสน์ ไม่ว่าจะเป็นพลเอกรอซีและคุณธัญจิรา แม้แต่แม่นมอัยนูนที่นั่งพับเพียบอยู่กับพื้นพรมยังฉีกยิ้มแป้นไม่ได้หุบ

ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส แม้ยังไม่รู้ว่าของกำนัลภายในกล่องกำมะหยี่นั้นคือสิ่งใด แต่ขึ้นชื่อว่าเจ้าชายอะดะบีพร้อมด้วยโอรสแล้ว ย่อมส่งของกำนัลล้ำค่างดงามมาให้อัลรีน่าอย่างแน่นอน

เสียงสนทนาอย่างออกอรรถรสระหว่างพลเอกรอซีกับเหล่าองครักษ์ถูกขัด

จังหวะเล็กน้อย เมื่อหญิงสาวที่สง่างามพร้อมสำหรับการเป็นพระชายาของเจ้าชาย

อีสดรีสส์ได้ก้าวเข้ามาในห้องรับแขก

“มาแล้วหรือลูก” พลเอกรอซีรีบเข้าไปสวมกอดลูกสาวแล้วเอ่ยถามยิ้มๆ “รีน่าจำเพื่อนพ่อได้หรือเปล่าลูก...พลเอกซัลวา ฮิลา”

“จำได้ค่ะคุณพ่อ”

อัลรีน่าตอบเสียงราบเรียบไม่ได้แย้มยิ้มดีใจเหมือนเช่นทุกคน หญิงสาวปรายตามองกล่องกำมะหยี่บนโต๊ะกระจกเล็กน้อย พลางก้าวเท้าแผ่วขยับเข้าไปใกล้แขกกิตติมศักดิ์นิดหนึ่ง ก่อนจะย่อตัวทำความเคารพเหล่าองครักษ์แล้วทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ กับมารดา

พลเอกซัลวามองบุตรสาวของเพื่อนรักด้วยสายตาชื่มชมระคนเอ็นดูอย่างปิดไว้ไม่มิด

“ลุงไม่ได้พบรีน่าแค่ไม่กี่ปี จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่พบกันหนูรีน่ายังตัวเล็กๆ เป็นนักเรียนอยู่เลย มาตอนนี้สวยงามดุจดอกไม้แรกแย้มงดงามจนลุงจำเกือบไม่ได้”

“ขอบคุณคุณลุงมากค่ะ แต่รีน่าไม่ได้สวยขนาดนั้นหรอกค่ะ”

อัลรีน่าคลี่ยิ้มบางๆ รับคำชม อยากให้พลเอกซัลวาเอ่ยถึงวัตถุประสงค์ ซึ่งเธอรู้ดีว่าเรื่องอะไรให้จบเร็วๆ ภายในไม่กี่นาที เพื่อที่เธอจะได้หนีไปทำใจอยู่คนเดียว

“หลานสาวของลุงนี่ยังถ่อมตนไม่มีเปลี่ยน”

พลเอกซัลวาหัวเราะร่วนถูกใจ นอกจากรูปทรัพย์จะงดงามแล้ว กิริยามารยาทของว่าที่พระชายาก็ดูนุ่มนวลอ่อนหวานสมกับคำว่ากุลสตรี

“อีกไม่ถึงสัปดาห์เจ้าชายอีสดรีสส์จะเสด็จกลับจากอเมริกาแล้ว เจ้าชายอีสดรีสส์จึงรับสั่งให้นำสิ่งของเหล่านี้มามอบให้กับหนูรีน่า ลองเปิดดูสิว่าถูกใจหรือเปล่า”

พลเอกซัลวาเอ่ยบอก พร้อมกับผายมือใหญ่แข็งแกร่งไปยังกล่องกำมะหยี่ทั้งหลาย

อัลรีน่ากัดเม้มริมฝีปากแน่นนั่งนิ่งเฉย อิดออดที่จะทำตามคำชวนของพลเอกซัลวา จนผู้ที่เป็นมารดาต้องขยับกายเข้าไปใกล้อีกนิดพร้อมกับกระซิบเตือน

“รีน่าอย่าทำให้คุณพ่อต้องอายนะลูก” คุณธัญจิรากระซิบเบาๆ ใกล้ใบหู เมื่อเห็นลูกสาวนั่งเงียบไม่ยอมทำตามคำเชิญของญาติผู้ใหญ่สักที

“เปิดดูของกำนัลหน่อยสิลูกว่าถูกใจหรือเปล่า”

พลเอกรอซีส่งสายตาดุน้ำเสียงที่เอ่ยสั่งนั้นอาจฟังดูราบเรียบสำหรับผู้อื่น แต่สำหรับอัลรีน่านั้นรู้ดีว่าบิดากำลังโกรธกับท่าทีเฉยเมยไม่สนใจของเธอ

“อัลรีน่า อย่าเสียมารยาท”

คุณธัญจิราจำเป็นต้องสะกิด พร้อมกับกระซิบเตือนลูกสาวด้วยน้ำเสียงทุ้มหนัก ถึงแม้อัลรีน่าจะเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายไม่เคยทำตัวให้เสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล แต่ในบางครั้งบางคราวอัลรีน่าก็เป็นเด็กที่ดื้อรั้นและเป็นประเภทดื้อเงียบเสียด้วย

เมื่อไม่อาจขัดคำบัญชาของมารดา ที่สะกิดตรงสีข้างกระซิบบอกไม่ให้เสียมารยาท กอปรกับเจอสายตาดุๆ ของบิดาที่จ้องมองเขม็ง อัลรีน่าจึงจำเป็นต้องเดินเข่าไปเปิดกล่องกำมะหยี่ดูสิ่งของที่อยู่ข้างในอย่างเสียไม่ได้

หญิงสาวเปิดไล่เรียงจากกล่องด้านบนสุด เมื่อฝากำมะหยี่เปิดออกเผยให้เห็นอัญมณีงดงามล้ำค่าที่นอนสงบนิ่งอยู่ในกล่อง ทุกคนในคฤหาสน์ฟาติยาซ์ต่างก็อ้าปากค้าง เมื่อได้ยลโฉมชุดเครื่องประดับเป็นไพลินล้อมเพชรชุดใหญ่ที่ประเมินราคาไม่ได้

อัลรีน่าเปิดฝากล่องทิ้งไว้เพื่อให้มารดาและแม่นมอัยนูนได้ชื่นชมความงดงามของอัญมณีที่ล้ำค่าชุดนี้ จากนั้นมือบางนิ้วเรียวยาวได้เลื่อนไปเปิดกล่องที่สองซึ่งใหญ่กว่ากล่องแรกหลายเท่า ฝากล่องที่เปิดออกอย่างช้าๆ สะกดสายตาทุกคู่ในห้องรับแขกให้จับจ้องมองกลั้นใจรอว่าสิ่งของที่อยู่ข้างในนั้นคืออะไร

เมื่อสิ่งที่อยู่ข้างในกล่องเผยออกให้เห็น แม้แต่พลเอกซัลวาและเหล่าองครักษ์คนอื่นๆ ก็ต้องอุทานออกมาเบาๆ กับความงดงามของชุดแต่งงานขาวสะอาดที่เจ้าชายอีสดรีสส์ส่งมาเป็นของกำนัลให้กับว่าที่พระชายา

“เอาชุดแต่งงานไปลองสิลูก เผื่อว่าสวมไม่ได้จะได้รีบแก้ไขให้ทันงานอภิเษก”

อัลรีน่าชะงักมือที่กำลังจะปิดฝากล่องกำมะหยี่ไว้ตามเดิม เมื่อถูกบิดาทักน้ำเสียงห้าวทุ้มเป็นการออกคำสั่งไปในตัว หญิงสาวหันไปมองบิดาครู่หนึ่งก่อนจะทำใจกล้าขัดคำสั่งท่าน

“ไม่ต้องลองก็ได้ค่ะ ยังไงรีน่าก็ใส่ได้”

‘หรืออาจจะไม่ได้ใส่เลย’

หญิงสาวหลุบมองพื้นพรมเปอร์เซียลวดลายงดงาม ขณะเอ่ยตอบประโยคต่อท้ายอยู่ในใจ เธอจะไม่ยอมสวมชุดแต่งงานชุดนี้เป็นอันขาด ไม่ใช่เพราะชุดไม่สวยไม่งดงามไม่ถูกใจ แต่เป็นเพราะเธอจะไม่ยอมเข้าพิธีแต่งงานต่างหาก

“ลองหน่อยไม่ดีหรือลูก หากตรงไหนคับตรงไหนหลวมจะได้ให้นมอัยนูนเอาไปแก้”

คุณธัญจิราขอร้องลูกสาวอีกคน แม้จะจับกระแสแห่งความไม่ยินดียินร้ายที่แผ่ออกมาจากตัวลูกสาวได้ แต่นางก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น เพราะไม่อยากให้สามีต้องขายหน้าพลเอกซัลวา

“รีน่าก็สูงตามมาตรฐานของสาวดาลิยาทั่วๆ ไป รีน่าคิดว่าทางร้านตัดชุดแต่งงานคงออกแบบมาดีแล้ว รีน่าไม่จำเป็นต้องลองก็ได้ยังไงก็ใส่ได้แน่นอน”

อัลรีน่าเอ่ยบอกเสียงราบเรียบ แม้จะนึกค้านคำพูดตัวเองอยู่ในใจ แต่ก็ไม่อยากหยิบชุดแต่งงานไปลอง

‘หากรีน่าแต่งงานกับชายที่รัก รีน่าคงไม่ลังเลที่จะหยิบชุดแต่งงานไปสวมใส่’

ชุดแต่งงานขาวสะอาดตัดเย็บจากผ้าไหมที่ทักทอด้วยฝีมือช่างอันแสนประณีต และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นผ้าไหมที่ทักทอมาจากแผ่นดินเกิดของมารดา ซึ่งเป็นผ้าไหมที่งดงามไม่แพ้ผ้าไหมจากประเทศอื่น เมื่อผ้าไหมผืนงามตกมาอยู่ในมือนักออกแบบชุดแต่งงานจากห้องเสื้อชื่อดังในอเมริกา ผลงานที่ออกมาจึงงดงามทรงคุณค่าสำหรับเจ้าสาวผู้โชคดีที่กำลังจะได้สวมใส่

“ถ้าหนูรีน่าไม่ชอบชุดแต่งงานชุดนี้ จะเลือกแบบใหม่สั่งตัดใหม่ก็ได้เจ้าชายทรงอนุญาตมาแล้ว” พลเอกซัลวาเอ่ยบอกด้วยความเอ็นดู

“ชุดนี้งดงามแล้วค่ะคุณลุง ไม่ต้องตัดใหม่ให้สิ้นเปลืองหรอกค่ะ เอาไว้หลังจากนี้แล้วรีน่าจะลองสวมดูอีกทีค่ะ”

หากไม่เอ่ยบอกเช่นนี้ อัลรีน่ารู้ว่าญาติผู้ใหญ่ของเธอไม่มีทางจบสิ้นยอมความเรื่องชุดแต่งงานเจ้าปัญหาชุดนี้แน่ ถ้าไงเธอก็ขอบอกปัดก่อน ส่วนเรื่องที่ว่าจะให้ลองหรือสวมชุดแต่งงานชุดนี้เธอไม่ยอมทำแน่นอน

“ถ้าหนูรีน่าชอบและพอใจก็ดีแล้ว นอกจากของกำนัลแล้วเจ้าชายอีสดรีสส์ได้ส่งราชสาส์นฉบับนี้มาจากอเมริกาให้ลุงนำมามอบให้หนูรีน่าด้วย”

อัลรีน่าเดินเข่าไปรับราชสาส์นมาจากพลเอกซัลวา แม้จะพยายามทำใจยอมรับกับคำมั่นสัญญาที่บิดาได้เอ่ยไว้กับเจ้าชายอะดะบี แต่เมื่อมาเห็นได้อ่านถ้อยวาจาที่จรดจากปลายปากการ้อยเรียงเป็นตัวอักษรอย่างเป็นระเบียบ ใบหน้างามลออก็มีอันต้องถอดสี ดวงตาคู่สวยสีอ่อนใสกระตุกวูบเผยความหมองเศร้าให้มารดาได้เห็นชั่วขณะ แต่เมื่อหันไปมองสบตากับบิดา นัยน์ตาสีอ่อนใสกลับเรียบเฉยสงบนิ่งยิ่งกว่าละอองเม็ดทรายร้างราคลื่นลม

“เจ้าชายทรงรับสั่งว่าอย่างไรบ้างลูก”

คุณธัญจิราเปล่งเสียงถามแผ่วเบา เมื่อลอบสังเกตเห็นกิริยาที่ลูกสาวได้เผยให้เห็นเพียงเศษเสี้ยววินาที ซึ่งนางชักจะไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนเองและสามีได้เอ่ยคำมั่นสัญญากับเจ้าชายอะดะบีไว้ จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องนำความสุขมาให้นางฟ้าองค์น้อยๆ ของครอบครัวหรือเปล่า

อัลรีน่าก้มหน้านิ่งกัดเม้มริมฝีปากจนห้อเลือด บังคับหยาดน้ำตาไม่ให้เอ่อคลอเบ้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเอ่ยตอบทุกคนที่กำลังเฝ้ารอคอยคำตอบอยู่

“เจ้าชายอีสดรีสส์รับสั่งให้รีน่าเข้าไปอยู่ที่พระราชวังในวันพรุ่งนี้ค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel