ตอนที่ 2 ดูแลเอาใจใส่
ดูแลเอาใจใส่
โรงพยาบาลเอกชน
“ลงมาได้แล้ว” ร่างสูงเอ่ยบอก เมื่อรถถึงที่ก็มานนานแล้ว แต่หญิงสาวยังคงนั่นนิ่งอยู่ไม่ยอมขยับตัวลงจากรถ จนร่างสูงต้องเดินมาเปิดประตูรถฝั่งที่เธอนั่ง
“พี่พาหนูมาเอกชน หนูจะเอาตังค์ที่ไหนจ่ายละคะ...” หญิงสาวบอกสาเหตุของเธอที่ไม่ยอมลงจากรถ
“พี่บอกหรือว่าจะให้น้องจ่าย พี่จะจ่ายค่ารักษาให้น้องเอง ลงมาครับ” ร่างสูงรีบบอกเธอออกไปทันที
“จริงนะ” หญิงสาวถามกลับไปเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“อื้ม...หรือว่าจะให้พี่อุ้ม” ร่างสูงพยักหน้ารับเชิงเป็นคำตอบ แล้วทำท่าทางจะไปอุ้มเธอ
“หนูเดินเองได้ค่ะ” หญิงสาวรีบพยุงตัวเองลงมาจากรถทันที เมื่อเห็นว่าร่างสูงเริ่มเข้ามาใกล้เธอ
ทั้งคู่เดินเข้าไปยังตึกที่ต้องพาหญิงสาวไปทำแผล และเช็คร่างกาย แต่ร่างสูงกลับพาเธอเข้าไปหาใครคนหนึ่ง ที่อยู่ประจำในโรงพยาบาลนี้ และเดินเข้าห้องไปแบบไม่เคาะอะไรเลย แต่สายตาของเธอกลับมองไปที่ชื่อตรงหน้าประตูห้อง (นายแพทย์ณัฐพงษ์ เรืองพาณิชยากุล)
“อาหมอ สวัสดีครับ” ร่างสูงเอ่ยทักทายพร้อมกับยกไหว้ทำความเคารพคนด้านในทันที เมื่อเข้ามาภายในห้อง
“อ้าว...เพชรมาได้ยังไง เป็นอะไรมาเหรอ แล้วนี้พาใครมา...” ณัฐพงษ์ถามหลานชายขึ้นด้วยความสงสัยทันที ที่เห็นร่างสูงพยุงหญิงสาวที่เดินขากะเผลกเข้ามาภายในห้องของเขา
“อุบัติเหตุนิดหน่อยครับ อาช่วยทำแผลให้ทีครับ แล้วช่วยตามร่างกายให้ละเอียดด้วยนะครับว่าได้รับผลกระทบกระเทือนไหม เผื่อสมองจะเสื่อมเอานะครับ ผมไม่อยากมารับผิดชอบคนความจำเสื่อม...” พงศกรเอ่ยบอกผู้เป็นอาไปตามตรง แล้วก็ยังจะขึ้นด้วยท่าทีที่ประชดประชันหญิงสาว
“พาสาวน้อยไปทีเตียงเลย แล้วรถมีทำไมไม่ให้เธอนั่ง ดูสิพาเดินมาตั้งไกล” ณัฐพงษ์เอ่ยบอกหลานชาย แล้วเจ้าตัวก็ไปเตรียมอุปกรณ์ทันที
“เธอชื่อเอิงเอยครับ...” ร่างสูงบอกผู้เป็นอาออกไป
ทำเอาณัฐพงษ์ส่ายหน้าเบาๆกับความเอ็นดูหลานชาย ดูแล้วคงจะได้หลานสะใภ้อีกคนแน่ๆ เพราะหลานชายไม่ใช่คนที่จะมาประคบประหงมใครแบบนี้ นอกเสียจากพีรดาที่นับถือกันเหมือนพี่น้อง จนตอนนี้กลายมาเป็นน้องสะใภ้อย่างเต็มตัวแล้ว และคนนี้ยังเป็นสาวสวยอีกต่างหากถ้าเขาดูไม่ผิด คงจะมีข่าวดีในเร็ววันนี้แน่ๆ ถ้าแค่อุบัติเหตุ แค่จ่ายก็จบแล้วสำหรับหลานชายคนนี้
“จะ จะทำอะไรค่ะ” หญิงสาวตาลุกวาวขึ้นมาทันที เมื่อเห็นหมอถือกรรไกรมาจ่อตรงเข่าที่มีเลือดไหลซึมออกมาเป็นวงกว้าง
“ตัดขากางเกงออกยังไงล่ะ แบบนี้หมอทำแผลไม่ได้นะหนูเอิงเอย” ณัฐพงษ์เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนละมุน เพราะดูแล้ว ท่าทางสาวน้อยคนนี้ ไม่กลัวเลือดก็น่าจะกลัวของมีคม
“แต่กางเกงหนู...” หญิงสาวมีสีหน้าที่ดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“เดี๋ยวพี่ซื้อให้ใหม่เอง เอาเป็นร้อยๆตัวแพงกว่านี้ก็ยังได้เลย” ร่างสูงยืนกอดอกอยู่ข้างๆพูดขึ้นมาทันที
“...” หญิงสาวจึงไม่กล้าพูดอะไรออก แต่หันหน้าไปทางอื่น พร้อมกับเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้า ทั้งไปที่ห้องนี้ก็แอร์เย็นอยู่
“ตัดทิ้งได้เลยครับอาหมอ” ร่างสูงหันไปบอกทางผู้อาต่อ
ณัฐพงษ์ทำการตัดขาดางเกงออกให้อย่างเบามือ และก็ตัดทั้งสองข้างออกให้เท่าๆกัน แล้วจึงจะทำการเช็ดทำความสะอาดแผลต่อ
“ดะ เดี๋ยวค่ะ ไม่ฉีดยาชาหรือค่ะ” หญิงสาวถามขึ้นมาอีกครั้ง
“หนูเอยแค่แผลถลอกเองน่ะ ไม่ได้เย็บอะไรเลย ถ้าแสบก็...” ณัฐพงษ์อดที่จะขำออกมาไม่ได้แต่ไม่มีใครเห็นเพราะใบหน้าปกปิดด้วยหน้ากากอนามัยอยู่
“เพชรขยับเข้ามาใกล้ๆน้องเขาหน่อย ไม่เห็นหรือไงว่าน้องเขากลัว ดูสิเหงื่อเปียกเต็มไปหมดแล้ว หรือไม่ก็ยื่นมือไปจับให้กำลังน้องเขาหน่อย” ณัฐพงษ์เอ่ยหลานชายทันที ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
“หลับตา แค่นี้ทำเป็นปอดแหก ที่เมื่อกี้นี้เถียงฉอดๆ ไม่กลัวเจ็บสักนิด” เสียงเข้มเอ่ยสั่งเมื่อขยับมาใกล้กับหญิงสาว และใช้กระดาษทิชชูซับเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาตามใบหน้าให้กับเธออย่างไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน
“อื้อ...ฮึก...” หญิงสาวหลับตามกัดฟันแน่น พร้อมกับกำจิกที่แขนแกร่งของร่างสูงอย่างแรง
“เสร็จแล้ว...” เสียงทุ้มของณัฐพงษ์เอ่ยบอกเมื่อพันแผลให้แก่หญิงสาวอย่างเรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณอาหมอมากครับ...ลืมตาได้แล้ว” ร่างสูงรีบเอ่ยขอบคุณผู้เป็นอา แล้วหันมาบอกคนร่างเล็กที่ยังคงหลับตาสนิท
“ขอบคุณค่ะคุณหมอ...” หญิงสาวรีบยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณคนที่ทำแผลให้แก่เธอทันทีที่เธอลืมตา
“เรียกอาเหมือนที่ตาเพชรเรียกเถอะ...” ณัฐพงษ์เอ่ยบอกก่อนจะถอดถุงมือและหน้ากากอนามัยออก
“ค่ะ...คุณอาหมอยังหนุ่มอยู่เลยน่ะ” หญิงสาวเอ่ยชมทันที ที่ได้เห็นคนที่ทำแผลให้เธออย่างชัดๆ ดูรวมๆแล้วเบ้าหน้าก็คล้ายกันกับร่างสูงอย่างพงศกรไม่มีผิดเพี้ยน
“อาเป็นน้องชายแท้ๆของพ่อตาเพชรน่ะ...ห่างกันตั้ง7ปี” ณัฐพงษ์เอ่ยพูดกับหญิงสาวเหมือนกับว่าเคยรู้จักกันมาก่อน
ณัฐพงษ์แจกแจงรายละเอียดการจ่ายยาให้แก่หญิงสาว และกำชับหลานชายออกไป อย่าให้แผลโดนน้ำ
“ถ้าเหนื่อยหรือง่วงห้ามขับรถมันอันตรายต่อชีวิตเลยน่ะ หากเมื่อกี้พี่เบรกไม่ทันจะทำไง น้องไม่กลายเป็นศพเฝ้าถนนไปแล้วเหรอ...” ร่างสูงพร่ำสอนออกมาทันที เมื่อขับรถออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว
“ขอโทษพี่อีกครั้งนะคะ...พี่อย่าเอาเรื่องหนูเลย” หญิงสาวรีบขอโทษขอโพยร่างสูงออกมาอีกครั้ง
“ช่างเถอะ...อีกอย่างรถน้องก็พังคงจะซ่อมไม่ได้แล้ว” ร่างสูงเอ่ยตอบแบบปัดๆไป
“...” หญิงสาวมีใบหน้าสลดลงมาทันที
“เดี๋ยวพี่ซื้อคันใหม่ให้...” ร่างสูงเอ่ยบอกเพื่อไม่ให้หญิงสาวเป็นกังวล
“ไม่เป็นค่ะ หนูเกรงใจพี่ แล้วอีกอย่างหนูไม่มีปัญญาจะชดใช้คืนพี่หรอกค่ะ แถมช่วงนี้หนูเจ็บอยู่คงไปรับงานแบบนั้นไม่ได้อีก...” หญิงสาวรีบปฏิเสธทันควัน และหาเหตุผลมาอ้างทันที
“แล้วพักที่ไหนละ...พี่จะไปแวะส่ง” ร่างสูงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที เพื่อไม่ให้บรรยากาศในรถตอนนี้ดูหม่องเศร้า และให้หญิงสาวคลายความกังวลไปบ้าง