ตอนที่ 6 หน้าที่ดูแล
หน้าที่ดูแล
“ยัยแพท นี่จะหอบกระเป๋าออกไปไหนมันค่ำแล้วน่ะ” นิษฐาถามลูกสาวขึ้น เมื่อเห็นว่าลูกสาวหอบกระเป๋าใบใหญ่ลงมาบันไดมา ในขณะที่ตัวเองกำลังจะพาหลานชายขึ้นไปนอน
“แพทขอไปพักสมองที่ต่างจังหวัดสักพักนะคะ” เธอเอ่ยตอบแม่ออกไปตามตรง แล้วลากกระเป่าเดินตรงไปยังพัฒน์พงษ์ที่นั่งอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขก
“ถูกพ่อควบคุมความประพฤติแค่นี้ ถึงขั้นต้องเก็บกระเป๋าออกจากบ้านเชียวเหรอ” พัฒน์พงษ์เอ่ยแซวขึ้นมาทันที ที่ลูกสาวเดินมานั่งลงข้าง ๆ กับตัว
“แพทขอไปพักสักสองสามวันนะคะพ่อ กลับมาแพทจะเป็นแพทคนใหม่ให้พ่อเห็น” เธอเอ่ยบอกพ่อของเธอออกไป เมื่อนั่งลง
“แล้วทำไมไม่รอเดินทางพรุ่งนี้เช้า” พัฒน์พงษ์วางทุกอย่างลง แล้วหันมาสนใจถามลูกสาวขึ้นมา เพราะตอนนี้ก็มืดค่ำแล้วด้วย
“แพทอยากมีเวลาเที่ยวเยอะค่ะ เลยอยากเดินทางตอนนี้” พจีกานต์ตอบพ่อออกไป
“ผมขับรถไหวครับคุณพงษ์ แค่นี้สบายมาก คุณพงษ์ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะดูแลคุณแพทเป็นอย่างดีเลย” สิบทิศที่พึ่งจะเดินเข้ามา เอ่ยขึ้นพร้อมกับรับปากกับพัฒน์พงษ์เป็นอย่างดี เพื่อให้ท่านหายเป็นกังวล
“แล้วจะพากันไปที่ไหนล่ะ” ผู้เป็นพ่อถามขึ้นมาทันที เพราะเห็นกระเป๋าใบโตของลูกสาว ที่น่าจะหอบเอาสัมภาระไปเยอะมากพอสมควร
“ลงใต้ค่ะ แพทอยากนั่งเรือไปเที่ยวเกาะ” พจีกานต์ตอบผู้เป็นพ่อออกไปตามตรง
“อื้ม ถ้าอย่างนั้นก็เดินทางกันปลอดภัยน่ะ” พัฒน์พงษ์พยักหน้าเชิงรับรู้
“คะพ่อ”
“ง่วงก็หยุดพักกันน่ะ แต่ฉันว่านายคงไม่ง่วงหรอกขับรถให้ยัยแพทนั่ง” พัฒน์พงษ์จึงหันมาพูดกับทางสิบทิศ แล้วเอ่ยล้อลูกสาวออกไป
“คุณพ่อ!” เธอหันมาทำหน้ายู่เหมือนเด็กใส่พ่อของเธอทันที
“พ่อล้อเล่นครับ” เสียงทุ้มของพัฒน์พงษ์เอ่ยขึ้น พร้อมกับโยกศีรษะของเธอเบา ๆ อย่างเอ็นดู เพราะถึงเธอจะอายุมากขึ้นแค่ไหน แต่ในสายตาของผู้เป็นพ่อ เธอก็ยังคงเป็นเด็กอยู่ดี
“แพทไปนะคะ” เธอสวมกอดพ่อของเธอ ก่อนที่จะพากันออกเดินทางทันที
บ้านเรืองพาณิชยากุล
เช้าวันนี้ปฐพีพาพ่อและแม่มาที่บ้านของพัฒน์พงษ์ เพื่อเป็นการผูกมิตรปองดองไว้ และอยากจะมาหาพจีกานต์ด้วย แต่กลับต้องพบกับความผิดหวัง เพราะว่าหญิงสาวไม่อยู่บ้านเลย แถมไม่อยู่ตั้งหลายวันด้วย
“อาก็บอกไม่ได้หรอก ว่าน้องจะกลับมาวันไหน” นิษฐาพูดบอก พร้อมกับมีหลานชายนั่งอยู่ข้าง ๆ เพราะว่าวันนี้เป็นวันหยุด ฟอร์ยูเลยไม่ได้ไปโรงเรียน
“เด็กคนนี้เป็นลูกใครหรือครับน่ารักดีจัง...” ปฐพีถ่มขึ้นมา เมื่อเห็นเด็กน้อยนั่งอยู่กับนิษฐา
“ฟอร์ยูครับ มีคนมาที่บ้านเราควรทำแบบไหนครับ” นิษฐาจึงหันมาพูดกับทางหลานชาย
“สวัสดีครับ” เด็กชายวัย 2 ขวบเศษยกมือขึ้นทักทายผู้ใหญ่ที่อยู่ตรงนี้ทุกคนทันทีตามคำบอกของผู้เป็นย่าอย่างนิษฐา
“สวัสดีครับ ชื่ออะไรครับ” ปราโมทย์หันมาถามทันที เพราะรู้สึกเอ็นดูในความน่ารักของเด็กน้อยคนนี้อยู่ไม่น้อย
“ยูยูลูกพ่อพีทแม่หริ่งหริ่งครับ”
ทุกคนที่ได้ยินเด็กชายตัวน้อยพูดแนะนำตัวขึ้น ต่างก็พากันหัวเราะปนขำในความน่ารักที่พูดไม่ชัดของเด็กคนนี้ แต่ก็กลับน่ารักน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน
“พ่อพีท แม่หริ่ง” ปราณีเมื่อได้ยินชื่อนี้ จึงหันไปทางนิษฐา
“ฟอร์ยู เป็นลูกชายของตาพีทเอง” นิษฐาจึงบอกความจริงออกไป เมื่อทุกคนต่างพากันทกหน้างงอยู่
“น้องพีทมีครอบครัวตั้งแต่ตอนไหน ทำไมไม่บอกข่าวดีกันบ้างเลยนิษ” ปราณีถามเพื่อนเก่าอย่างนิษฐาไปทันที
“มีนานแล้ว จนลูกโตขนาดนี้แล้วล่ะ แต่ยังไม่ได้จัดงานแต่งให้หรอก เพราะทั้งคู่ยังเรียนไม่จบกันเลย และอีกอย่างทั้งคู่บอกว่ารอให้พี่ชายคนโตได้จัดงานก่อน แต่ดูสิป่านนี้แล้วตาเพชรยังไม่มีแฟนเลย” นิษฐาพูดออกมาตามตรง เท่าที่เธอรู้
“น้องพีทน่ารักเนอะ รู้จักให้เกียรติพี่ ๆ ด้วย” ปฐพีเอ่ยชมขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินนิษฐาอวยลูกชายคนเล็กของบ้านให้ฟัง
“ใช่แล้วจ๊ะ ตั้งแต่ตาพีทมีครอบครัว อาภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้มากเลย ดูโตเป็นผู้ใหญ่กว่าพวกพี่ ๆ มากเสียอีก ไม่เจ้าชู้นอกลู่นอกทาง แถมรักครอบครัวมาก รู้จักรับผิดชอบด้วย” นิษฐาพูดขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ พร้อมใบหน้าที่มีรอยยิ้มทุกครั้งที่พูดถึงลูกชายคนเล็กของบ้าน
“อิจฉาน้องพีทจัง ที่เจอรักดี ๆ ว่าแต่แฟนน้องเป็นคนที่ไหนหรือครับอานิษ” ปฐพีถามขึ้นมาอย่างอยากรู้ ว่าผู้หญิงแบบไหนที่สามารถมัดใจลูกชายบ้านนี้ได้
“ก็หรีดหริ่งหลานสาวป้าพิมพ์ เด็กผู้หญิงผมเปียที่อาพงษ์เขาส่งเสียเหมือนลูกของเขานั้นแหล่ะ ลองถามเขาดูสิ ว่าภูมิใจมากแค่ไหน ที่ได้หรีดหริ่งมาเป็นลูกสะใภ้” นิษฐาจึงบอกออกไป
“ผมเห็นน้องมาตั้งแต่เด็กก็ไม่ค่อยจะถูกกันเลย ทำไมถึงได้มารักกันได้” ปฐพีถามขึ้นอย่างสงสัย เพราะเท่าที่เห็นมา ทั้งคู่ไม่ค่อยถูกกันจลอด แต่ทำไมถึงรักกันได้
“ลองถามอานิษเขาดูสิ” พัฒน์พงษ์จึงโยนคำถามมาทางภรรยาของเขาทันที
“พอแล้วค่ะ เลิกเผากันได้แล้ว เห็นทั้งคู่รักกันดีแบบนี้คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็หายห่วงแล้วละคะ จริงไหมณี” นิษฐาไม่กล้าบอก จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
เมื่อเห็นว่าคนที่ตั้งใจมาหาถึงที่บ้านในตอนแรกไม่อยู่ ปฐพีจึงพาและแม่กลับในทันที ไม่ได้อยู่รบกวนครอบครัวของพัฒน์พงษ์นาน
ส่วนทางด้านพจีกานต์และสิบทิศ กำลังเดินทางถึงที่พัก โดยหญิงสาวเป็นคนจัดการเลือกที่พักเอง โดยที่เธอขอเลือกเป็นที่พักแบบบ้านบังกะโลหลังเดี่ยว เพราะต้องการเป็นส่วนตัว
ส่วนสิบทิศเอง ตอนแรกจะขอพักบ้านอีกหลัง แต่หญิงสาวห้ามเอาไว้ เลยต้องยอมพักชายคาหลังเดียวกันกับเธอ เพราะไหน ๆ ก็มาด้วยกัน พักอยู่ด้วยกันมันจะเป็นไรไป บ้านออกจะหลังใหญ่
“พี่ทิศ...” เธอเอ่ยเรียกเขา และไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรต่อ เมื่อหันกลับไป แล้วพบกับเขาทิ้งตัวนินที่โซฟาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อเห็นว่าเขาหลับ เธอจึงต้องลากกระเป๋าใบโตของเธอ เข้าไปในห้องนอนทันที ปล่อยให้เขาได้นอนพักไป เพราะการอดหลับอดนอน ขับรถพาเธอมาที่นี่ทั้งคืนแล้ว มันจะเอาแต่ใจมากเกินไป หากจะบังคับให้เขาพาเธอเที่ยว