ตอนที่ 2 วีรบุรุษช่วยหญิงงาม
ผ่านไปสองวันกว่าที่เขาจะหาทางกลับไปที่ค่ายของกองทัพได้ เมื่อเขารู้กลยุทธ์ของศัตรูแล้ว ก็ไม่ยากที่จะจัดการ แผลที่แม่นางจินผู้นั้นเป็นคนทำให้ หายเร็วกว่าที่คิดจนเขาเองยังนึกเหลือเชื่อ น่าจะเป็นยาที่นางเอาให้เขากิน ทำให้เขาที่บาดเจ็บหนักฟื้นฟูกำลังได้รวดเร็วขึ้น
เขารวบรวมข้อมูลของกบฏ ทั้งเรื่องที่ตั้ง จำนวนไพร่พล และจุดอ่อนเอาไว้ได้เกือบหมด ด้วยความช่วยเหลือของขุนนางเนื้อดีของราชสำนักที่อพยพและได้รับความช่วยเหลือจากเขา
“อีกสองวัน บุกค่ายกบฏ ทำตามแผน พบให้ฆ่าได้ทันที”
เมื่อถึงวันโจมตี เขาแบ่งกองทัพออกเป็นสามฝ่าย ฝ่ายแรกใช้ทหารปนกับชาวบ้าน ล่อพวกกบฏส่วนหนึ่งออกมาด้านช่องแคบของภูเขา ก่อนที่จะโยนหินไฟลงไปจัดการทัพใหญ่จนสิ้นซาก
ส่วนเขากับกองทหารที่เหลือ ล้อมจับกบฏที่ค่าย และสามารถทลายค่ายของพวกมันได้ภายในคืนเดียว เผาจวนเพื่อล่อให้เยี่ยนเสี่ยวเฉิง หัวหน้ากบฏออกมาและทำการจับกุมตัว เพียงไม่นาน พวกกบฏก็ถูกจับกุมมายังจวนที่ว่าการเจ้าเมืองหย่งตู
ทหารกองทัพหลวงล้อมจวนเจ้าเมืองหย่งตูเอาไว้ทุกด้าน พร้อมกับจับพวกขุนนางกบฏและครอบครัวของกบฏที่เหลือเอาไว้ที่ลานในจวน เยี่ยนเสี่ยวเฉิง อดีตเจ้าเมืองหย่งตู หัวหน้ากบฏที่นั่งมองมู่หลงฟู่ที่นั่งอยู่บนหลังอาชาที่สง่างาม แต่เขากลับไม่มีสีหน้าสำนึกผิดสักนิดไม่เมื่อถูกล้อมจับ ด้วยกลยุทธ์ล่อเสือออกจากถ้ำ ทำทีว่าลอบโจมตี แต่สุดท้ายล้อมเผาจวนเจ้าเมืองและจับตัวเขา
“ท่านแม่ทัพ ในห้องเรือนหลังมีเชลยที่เป็นสตรีส่วนหนึ่งที่พวกมันขับมาขอรับ”
“ไปพาพวกนางมาด้วย”
“ขอรับท่านแม่ทัพ”
“เยี่ยนเสี่ยวเฉิง เจ้าก่อกบฏแบ่งแยกดินแดน ทำราษฎรเดือดร้อน บ้านแตกสาแหรกขาด ปล้น ฆ่า ข่มขืนหญิงสาว ฉ้อราษฎร์บังหลวง เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่”
“สายตาเจ้า ต่างจากบิดาเจ้ายิ่งนัก เจ้ารู้หรือไม่ ก่อนตาย บิดาเจ้ายังส่งสายตาชิงชังมาที่ข้า แต่ข้าก็ไม่ละเว้นโทษตายให้เขา อาาาา ข้าจำสายตาก่อนตายนั้นได้ ฮ่าๆๆๆ”
มู่หลงฟู่กัดกรามแน่น ดาบเปื้อนเลือดในมือสั่นเมื่อเห็นใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของหัวหน้ากบฏที่ฆ่าบิดาของเขาก่อนที่เขาจะตวัดดาบไปที่เยี่ยนเสี่ยวเฉิง
“อ๊ากกกกก เจ้า เจ้า หูข้า อ๊ากกก ฆ่าข้าเสียสิ หากเจ้าไม่ฆ่า วันหน้า ข้าไม่ละเว้นเจ้าแน่”
“ท่านพ่อ เจ้า เดรัจฉานจะฆ่าก็ฆ่าเจ้าทำเช่นนี้หาใช่วิธีเยี่ยงทหารกล้าไม่”
ดาบที่เปื้อนเลือดถูกชี้ไปยังหน้าของผู้ที่กล้าตอบโต้ ก่อนที่เขาจะถูกตัดหูอีกข้างเหมือนบิดา
“อ๊ากกก ท่านพ่อ ช่วยด้วยย”
“เยี่ยนตู ลูกพ่อ เจ้า วันนี้ข้าขอสู้ตายกับเจ้า”
เมื่อเขาลุกขึ้นยืนและวิ่ง มู่หลงฟู่ก็พุ่งตัวเข้ามา ตวัดดาบในมือเขาอีกสองครั้ง ตัดแขนทั้งสองข้างของเยี่ยนเสี่ยวเฉิง
"ท่านพ่อ ไม่นะ"
ร่างที่ดิ้นรนอยู่ที่พื้นแดงฉาน ก่อนที่กบฏชั่วจะดิ้นจนเฮือกสุดท้ายและสิ้นใจ เป็นภาพที่ดูโหดเหี้ยมและทารุณสำหรับผู้พบเห็นยิ่งนัก โดยเฉพาะต่อหน้าลูกชายชั่วของกบฏ ที่ฉุดคร่าหญิงสาวมาข่มขืนแล้วทรมานพวกนางอย่างไร้ความปรานีจนพวกนางตาย…
สายตาของเพชฌฆาตแห่งสงคราม ดุดัน โหดเหี้ยมมองมาที่กบฏที่นั่งตัวสั่นอยู่กับเยี่ยนเสี่ยวเฉิง พวกเขาล้วนหวาดกลัวแม่ทัพมู่ผู้นี้ เมื่อเขาลงทำศึกใด มิเคยปราชัยเลยสักครั้ง ครานี้ พวกเขาก็ได้เห็นกับตาแล้ว
“ถอดกางเกงมันออก”
เขาสั่งทหาร ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาเยี่ยนตูที่ยืนสั่นอยู่ด้วยความกลัว
“เจ้ากลัวเหรอ เจ้าคิดว่าบุตรสาวของชาวบ้านที่เจ้าฉุดคร่ามา พวกนางกลัวหรือไม่”
“อย่า อย่านะ ไว้ชีวิตข้าด้วย ข้าเพียงแค่นึกสนุกชั่วครู่เท่านั้น อย่า ไม่…..”
ดาบที่ตวัดไปที่กลางลำตัวของเยี่ยนตู บัดนี้เขาหมดสิ้นความเป็นชายไปแล้ว ทำเอาคนที่เหลือก้มหน้าสั่นไปทั้งตัว ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตา
จังหวะเดียวกับที่เหล่าทหารไปช่วยสตรีที่เยี่ยนตูจับมาขังไว้ พวกนางทันได้เห็นฉากนองเลือดที่โหดร้ายนี่ แต่พวกนางกลับไม่รู้สึกว่าโหดร้ายแต่อย่างใด มีแต่เสียงสาปแช่งเยี่ยนตู
หลังจากที่พวกนางถูกจับมาขัง บางคนก็ถูกข่มขืน บางคนก็ถูกจับมาทรมาน และมีบางคนที่ตายไปก่อนหน้านี้ไปแล้ว มู่หลงฟู่มองตามเหล่าบรรดาสตรีที่เดินมา และเขาก็ต้องสะดุดตากับคนผู้หนึ่ง
กระเป๋ายา ปากกระจับได้รูปใบหน้าที่บัดนี้ถึงจะดูมอมแมมไปบ้าง แต่เขามองไม่ผิดแน่ แม้แต่ในความมืด เขาก็จดจำนางได้ คนที่ช่วยชีวิตเขาในป่าเมื่อคราก่อน หรือว่าหลังจากที่ช่วยเขาแล้ว นางก็ถูกจับงั้นหรือ เมื่อคิดว่าปากนั่นถูกเจ้าคนชั่วนี่ย่ำยี เขาถึงกับทนไม่ได้ ดาบตวัดไปอีกสองครั้ง ตัดแขนและขาอีกข้างของเยี่ยนตู เขาดิ้นรนอยู่กับพื้น ก่อนจะสิ้นใจตามบิดาไป…….
“จับพวกกบฏไปที่สำนักว่าการให้หมด ส่วนสตรีเหล่านี้ หาอาหารและที่พักให้พวกนาง ข้าจะสอบสวนพวกนางด้วยตนเอง”
ทหารนำตัวกบฏที่เหลือทยอยเดินออกไป ก่อนที่เหล่าสตรีที่ถูกจับออกมา จะทยอยเดินผ่านเขา จินซู่เย่เมื่อเห็นสองร่างที่นอนจมกองเลือดอยู่ ก็เริ่มตัวสั่นเทา หากเขามาไม่ทัน นางคงต้อง...
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเข้าจมูกพร้อมกับความเหนื่อยล้าก่อนหน้านี้ ทำให้ร่างบางทนไม่ไหวอีกต่อไป ก่อนที่จะทรุดตัวลง มู่หลงฟู่เห็นนางจะล้มลง เขาพุ่งตัวจากหลังม้าไปที่นางทันที ก่อนที่จะรับนางไว้อย่างปลอดภัย ภายใต้ความตกใจของเหล่าสตรีและทหารที่เหลือ…
“นางเป็นลม ข้าจะพานางไปเอง”
เขาอุ้มนางที่หน้าซีดราวกระดาษไปขึ้นม้า และพาออกไปจากจวนเจ้าเมือง มุ่งหน้าไปที่จวนแม่ทัพอีกฝั่งหนึ่งทันที เขาให้ท่านหมอประจำจวนมาดูอาการนาง ก่อนจะเดินออกมาคุยกับกงจื่อ ที่เป็นผู้ที่พานางออกมา
“ข้าน้อยเข้าไปเจอเยี่ยนตูกำลังจะขืนใจนางขอรับ แต่นางไม่ยอม นางกำลังจะใช้มีดพกมาจี้คอตัวเองขู่เขา แต่เรื่องก่อนหน้านั้น ข้ามิทราบได้ขอรับ”
“ท่านแม่ทัพ ข้าทำแผลให้นางแล้ว บาดแผลมีแค่ภายนอกไม่มีปัญหาขอรับ ข้าจะให้คนต้มยาให้ นางฟื้นแล้วจะได้ดื่มเพื่อรักษาอาการฟกช้ำ”
“ฟกช้ำ นี่นางถูกทำอะไรบ้างท่านหมอ”
“เท่าที่ดูจากบาดแผล เจ้าชั่วนั่นน่าจะใช้กำลังเพื่อจะข่มเหงนางแต่นางไม่ยอม เขาเลยชกไปที่ท้อง หลัง และบีบคอนาง ก่อนที่นางจะจับมีดมาเพื่อจะฆ่าตัวตายขอรับ”
เยี่ยนตู ข้าฆ่าเจ้าไปนี่สบายเกินไปสินะ พวกนางเป็นเพียงสตรี แต่เจ้ากลับใช้กำลังข่มเหงรังแกเช่นนี้ ช่างชั่วช้าจริง ๆ
“ข้าเข้าไปเยี่ยมนางได้หรือไม่ แล้วสตรีคนอื่นๆ เล่าท่านหมอ”
“โชคดีที่ท่านช่วยออกมา แต่ก็มีบางส่วน ที่ถูกข่มเหง จนพวกนางรับไม่ไหว สิ้นใจภายในห้อง แม่หนูนี่คงเห็นภาพที่สะเทือนใจมา จนทำให้นาง….”
“ข้าเข้าใจแล้ว รบกวนท่านหมอช่วยดูอาการคนที่เหลือด้วย”
“ขอรับท่านแม่ทัพ”
เขาเดินเข้าไปยังห้องที่มีเพียงแสงจากตะเกียงข้างเตียงนาง ก่อนจะเดินไปดูใบหน้าที่บอบช้ำ ผ้าพันแผลที่คอนางที่ถูกพันเอาไว้อย่างดี ใบหน้าที่มอมแมมบัดนี้ได้ถูกเช็ดจนสะอาด คงจะเป็นแม่บ้านที่ทำการเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดให้นาง ปากที่อวบอิ่มรูปกระจับนั้น บัดนี้แห้งผากไร้สีเลือดเพราะความอ่อนเพลีย แต่ก็ยังคงความงดงามเฉกเช่นเดิม ใบหน้านั้น ทำเอาเขาหลงยืนมองอย่างใจลอย
________________________________________
เช้าวันต่อมา จินซู่เย่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา นางรู้สึกหนักคล้ายร่างจะแหลกสลาย นางค่อยๆ หันไปก็พบกับบุรุษหนุ่มในชุดลำลองสีขาวที่ยืนหันหลังให้นางอยู่ นางขยี้ตาเล็กน้อยก่อนที่จะถามเขาด้วยเสียงที่แหบพร่า
“ท่านคือผู้ใดกัน”