ตอนที่ 1 ปล้นจูบกลางป่า
สงครามมิเคยมีผู้ใดเป็นผู้ชนะที่แท้จริง…………..
รัชสมัยฮ่องเต้อวิ๋นเจี้ยน แห่งราชวงศ์ต้าซ่ง แคว้นหย่งตู เจ้าเมืองเยี่ยนเสี่ยวเฉิงเกิดความละโมบ คิดก่อกบฏเพื่อต้องการแบ่งแยกดินแดน เมืองหย่งตูซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญในการซื้อขายกับต่างแคว้น ฮ่องเต้จึงส่งกองทัพมาเพื่อปราบกบฏ
แต่ทว่า กองทัพกบฏนั้น มีกำลังแข็งแกร่งเกินกว่าที่กองทัพหลวงที่ส่งมาจะสู้ไหว พวกเขาพ่ายต่อกบฏหย่งตูถึงสองครา ครั้งสุดท้ายพวกเขากลับไปพร้อมกับข่าวร้าย แม่ทัพใหญ่มู่จิ่นเซียนถูกกบฏฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม สิ้นใจกลางสนามรบ……
“ไม่นะ ลูกแม่ อย่านะ แม่เสียพ่อเจ้าไปแล้ว อย่านะลูก ถือว่าแม่ขอร้อง”
มู่ฮูหยิน ภรรยาแม่ทัพใหญ่มู่จิ่นเซียน คุกเข่าพร้อมชุดไว้ทุกข์ให้สามี กำลังกอดขาบุตรชายของนางเอาไว้ น้ำตาหลั่งไหลเป็นสาย เมื่อบุตรในอุทธรณ์กล่าวว่าจะไปทำศึกปราบกบฏที่หย่งตู ล้างแค้นแทนบิดา……
“ท่านแม่ ลูกตัดสินใจแล้ว ท่านพ่อตายในครั้งนี้ เพราะแผนชั่วของพวกมัน ลูกจะไม่ปล่อยมันรอดไปแม้แต่คนเดียว”
“มู่หลงฟู่ แม่ขอร้องเจ้า แม่เหลือเจ้าเพียงคนเดียว ลูกแม่….หากเจ้าเป็นอะไรไป เจ้าคิดว่าแม่จะอยู่ได้เช่นไร..”
“ท่านแม่ หากลูกนั่งมองบิดาที่ตายไปโดยมิทำสิ่งใด นั่นก็ถือว่าอกตัญญูต่อท่านพ่อเช่นกัน”
“ไม่นะ ม่ายยยยย มู่หลงฟู่ ไม่…….”
มู่ฮูหยินล้มลงก่อนที่สาวใช้ในจวนจะรีบเข้ามาพยุงนางเข้าไปในจวน ก่อนที่มู่หลงฟู่ จะเดินออกจากจวน เพื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาท นำทัพไปปราบกบฏแทนบิดา
“ท่านโหวน้อยขอรับ”
“พ่อบ้านจุน แม่นมหยุน ข้าขอฝากท่านแม่ไว้กับพวกเจ้าด้วย แล้วข้าจะรีบกลับ”
“ท่านโหวน้อยขอรับ ฮูหยินเหลือท่านเป็นทายาทเพียงผู้เดียวนะขอรับ ขอท่านโหวน้อย...”
“ไป……”
มู่หลงฟู่ใช้เท้าสะกิดม้าให้ออกตัวไปตามเส้นทางเพื่อจะเข้าวัง หลังจากที่พ่อบ้านที่ดูแลสกุลมู่มานานจะเอ่ยปากขอร้องเขา สายตาที่มุ่งมั่นพร้อมฟาดฟันศัตรูของเขาอย่างไม่ลดละ
ดาบในมือกระหายเลือดของกบฏ เดิมทีเขาตั้งใจจะยกทัพไปช่วยบิดาอยู่แล้ว แต่กบฏใช้แผนซุ่มโจมตีแบบกองโจร ทำให้ทัพหลวงแตกพ่าย และบิดาของเขาต้องมาสิ้นใจ …….
เมืองหย่งตู
เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วหลังจากที่เขาจากที่บ้านมา เพื่อมาล้อมปราบกบฏ เขาสามารถตีค่ายกบฏจนแตกพ่ายไปสองทัพใหญ่ ด้วยความช่วยเหลือของชาวบ้านหย่งตูที่เดือดร้อนเพราะกบฏฉ้อราษฎร์บังหลวงกลุ่มนี้
ครั้งนี้เขาใช้วิธีเดียวกันสู้กับกบฏ โดยล่อโจมตี ก่อนที่จะเข้าบุกทำลายสองด้าน ยึดอาวุธ และเสบียงเพื่อแจกจ่ายชาวบ้าน ทำให้กองทัพของเขาเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ
มู่หลงฟู่อพยพชาวบ้านไปพักอีกที่หนึ่ง พวกเขาถูกลอบโจมตีอย่างคาดไม่ถึง โชคดีที่สตรีและเด็กไปถึงที่ปลอดภัยก่อนที่พวกเขาจะถูกโจมตี
“ท่านแม่ทัพ พวกกบฏโจมตีจากด้านหลังขอรับ”
“พวกเจ้าพาชาวบ้านอพยพไปให้หมดก่อน ให้แน่ใจว่าปลอดภัย พวกเจ้าที่เหลือตามข้ามา ล่อมันไปอีกทางหนึ่ง ไป!!”
“ท่านแม่ทัพ แต่ว่ามันต้องการมาจัดการท่าน โปรดให้พวกข้าน้อยไปแทนท่านเถิดขอรับ”
“ไม่ ข้าสั่ง เจ้ากล้าขัดหรือ มันต้องการฆ่าข้า ข้าจะต้องเป็นผู้ล่อมันไป ชาวบ้านจะได้ปลอดภัย รีบไป!!”
ทหารที่รับคำสั่ง จำยอมทำตามคำสั่งของแม่ทัพมู่ ก่อนจะพากองทัพไปดูแลชาวบ้านให้ถึงที่พัก ก่อนที่อีกส่วนหนึ่งจะตามเขาไป เพื่อสู้กับพวกกบฏ กำลังพวกมันมีมากกว่าเขามากนัก ตัวเขาเองก็ถูกล้อมและพวกมันต้องการกำจัดเขา
เป็นวิธีเดียวกันกับที่สังหารบิดาของเขา เมื่อทัพแตกพ่าย ด้วยกำลังพลที่น้อยกว่า เขาจึงทำได้แค่สั่งถอยทัพ และล่อศัตรูให้ตามเขามา ก่อนที่เขาจะบาดเจ็บเกินกว่าจะไปต่อได้ จึงต้องหาที่ซ่อนตัวในป่าลึก……
จินซู่เย่ ลูกสาวคหบดีแห่งเมืองหย่งตู ที่อพยพมาพร้อมบิดาและครอบครัวสกุลจิน ต้องรีบไปรวมกับชาวบ้านที่อพยพออกมา แต่พวกนางรอให้ชาวบ้านออกมาจนหมด ก่อนที่คหบดีจะปิดจวน
ทรัพย์สินทั้งหมดฝังและล็อกไว้ที่ห้องใต้ดินของจวน ก่อนที่จะพาครอบครัวออกมา ตอนนี้พวกเขายังค้างอยู่ในป่าและซ่อนตัวอยู่ เพราะพึ่งเห็นว่ากบฏและทัพของต้าซ่งปะทะกันด้านล่าง…….
“พาท่านพ่อหลบไปก่อน เร็วเข้า”
“น้องสาม นั่นเจ้าจะไปไหน”
“ข้าจะไปดูเหตุการณ์เสียหน่อย”
“มันอันตราย เจ้าอย่าไป หากพวกมันจับได้...”
“พี่รอง ข้าคุ้นเคยกับป่านี้ดี พี่เว่ยหยางเคยพาข้ามาเก็บสมุนไพร ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ท่านดูแลท่านพ่อกับคนอื่น ๆให้ดี รออยู่นี่ เดี๋ยวข้ามาเจ้าค่ะ”
“น้องสาม ซู่เย่ อย่าไป กลับมา”
จินซู่เย่เดินออกมาตามทางที่นางเคยสำรวจ นางเห็นว่ากบฏล่าถอยแล้ว และกำลังกระจายกำลัง เหมือนหาอะไรอยู่ หรือหาใครสักคนอยู่
“พวกมันกำลังทำอะไรกัน”
“คุณหนู กลับเถอะเจ้าค่ะ มันอันตราย หากพวกมันเจอเข้า”
“ชู่วว…ชิงชิง เงียบก่อน ข้าได้ยินเสียงบางอย่าง”
“คุณหนู คงไม่ใช่ สะ เสือ...หรอกนะเจ้าคะ”
“ที่นี่ไม่มีเสือหรอก เสืออยู่ลึกกว่านี้ และไม่ออกมาตอนนี้แน่”
“ท่านรู้ได้เช่นไรเจ้าคะ”
“ข้าคุ้นเคยกับป่านี้ดี นั่น ตรงนั้น…”
นางค่อยๆ เดินเข้าไปในพงหญ้าที่ขยับนั้นทีละน้อย ลักษณะไม่ใช่สัตว์อย่างเสือหรือหมาป่า มันไม่ซุ่มตัวเงียบแบบนี้แน่ หากเข้ามาใกล้ขนาดนี้ พวกมันต้องกระโจนใส่นางแล้ว ก่อนที่นางจะแหวกหญ้าออกไป พบร่างของคนที่นั่งกึ่งนอนพิงต้นไม้อยู่ นี่เองสินะต้นเหตุของเสียง…
“เร็วเข้า ตรงนี้มีคนบาดเจ็บอยู่”
“คุณหนู เขาน่าจะเป็นทหารนะเจ้าคะ แต่ว่า ฝ่ายใดกัน”
“ไม่ว่าใคร เขาก็คือคนที่บาดเจ็บ เขามีหน้าที่ทำตามคำสั่ง เอายามา ผ้าพันแผลด้วย”
ตาของเขาลืมไม่ขึ้นเพราะบาดแผลที่ถูกฟันที่ไหล่ซ้าย ก่อนเขาจะรวบรวมกำลังและถามออกไป…
“…. เจ้า….เป็นผู้ใด..กัน”
เขาถาม พร้อมกับยกดาบด้วยมือที่สั่นเทามาที่นาง ก่อนที่นางจะเริ่มแกะกระเป๋าที่ถือติดมือมาด้วย และเริ่มทำแผลให้เขา
“วางดาบในมือของท่านเสียเถอะ ข้าทำแผลไม่ถนัด ข้าเพียงผ่านมา”
เมื่อนางล้างแผล ใส่ยา และพันแผลเสร็จแล้ว จึงลุกขึ้นมา
“ท่านกินยานี่ก่อน ไม่ใช่ยาพิษ อีกเดี๋ยวข้าจะต้องไปแล้ว ข้าจะเอากองหญ้ามาบังท่านเอาไว้ ท่านนอนพักสักครู่ ดีขึ้นแล้วค่อยจากไป”
สายตาที่พร่ามัวของเขา จำได้เพียงน้ำเสียงที่อ่อนหวานและริมฝีปากบางนั้นของนาง
“เจ้ามีชื่อแซ่ว่าอะไร….”
“ท่านไม่จำเป็นต้องรู้ เราคงมิได้พบเจอกันอีก”
“คุณหนูจินขอรับ คุณหนูอยู่ไหนขอรับ”
เสียงเรียกของบ่าวไพร่ที่ตามหานาง ทำให้เขาที่เกือบหมดสติจดจำเอาไว้
“ชิงชิง เจ้าออกไปก่อน ให้พวกเขาไปทางอื่นเดี๋ยวข้าจะตามไป”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
“ข้าต้องไปแล้ว ลาก่อน”
“เดี๋ยวแม่นาง นี่ข้า อยู่ที่ใดกัน”
“ท่านอยู่ในป่า ชานเมืองหย่งตู ที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับท่าน”
สายตาเขาพลันมองเห็นลูกธนูที่มาด้านหลังนาง ก่อนที่เขาจะดึงนางเข้ามา
“ระวัง!!”
ตัวนางที่ถูกดึงลงมาทับกับร่างเขา ลมหายใจเขากับนางอยู่ใกล้กัน ปากอิ่มได้รูปนั้นอยู่ห่างจากเขาเพียงแค่ข้อนิ้วเดียว เขาลอบกลืนน้ำลาย อยากจะชิมเหลือเกิน และไม่ทันที่เขาจะหักห้ามใจ เขาก็พุ่งไปสัมผัสตามแรงปรารถนานั้นทันที
อืมม ช่างหวานนัก เหมือนล่องลอยในอากาศ ข้าไม่เคยรู้สึกดีเช่นนี้มาก่อน รู้สึกดีจนไม่อาจปล่อย จินซู่เย่ตกใจสุดขีดกับจูบแรกในวัยสาวที่เขากำลังปล้นไป ก่อนที่นางจะผลักเขาและรีบลุกขึ้น และวิ่งออกไปจากที่นั่นทันที
ก่อนที่สติของแม่ทัพหนุ่มจะหมดลง เสียงเรียกหานางยังคงแว่วมาให้ได้ยิน
“คุณหนูซู่เย่ คุณหนูจินขอรับ…”
“สกุลจิน เมืองหย่งตู……. ซู่เย่….”
เขาจดจำได้เพียงแค่นั้น ก่อนที่ตาของเขาจะค่อยๆหลับลงไป...