ตอนที่ 6 จะต้องสู้
ตอนที่ 6 จะต้องสู้
เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง หลังจากโดนคุณปราณดุ และแก๊งสามสาวดูถูกหัวเราะเยาะฉันด้วยความพอใจ ฉันกับมะปรางจึงลงจากห้องเรียนบนตึกชั้นสูงสุดมาที่ชั้นสุดท้าย
เพื่อกินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารของคณะบริการ กระทั่งกินข้าว ดื่มน้ำเสร็จ จึงนั่งพักไถสมาร์ตโฟนฆ่าเวลารอเข้ากิจกรรมตามชมรมต่าง ๆ ที่เลือกเอาไว้
"เฮ้อ" ฉันทอดถอนหายใจเหนื่อยหน่ายรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วไม่อาจทราบได้ ไม่มีแม้กะจิตกะจิตใจสนใจเรื่องเรียนเลยด้วยซ้ำ แถมโดนดุด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นซะขนาดนั้น
ฉันไม่ใช่คนบอบบางที่ไม่มีภูมิต้านทานต่อคำพูดจากปากคนอื่นหรอกนะ ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงเฉย ๆ แต่เมื่อเขาซึ่งเป็นคนที่ฉันชอบออกปากดุต่อหน้าคนอื่น ก็ย่อมรู้สึกนอยด์กันบ้างแหละ
"แกจะนึกน้อยใจอะไรพี่ปราณล่ะ เขาก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้วนี่ ยังไม่ชินอีกหรือไง"
ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอแสดงสีหน้าการกระทำเด่นชัดออกมามากขนาดไหน มะปรางที่นั่งฝั่งตรงข้ามฉันถึงบอกออกมาแบบนั้น ก่อนนางจะกลับไปก้มหน้าเขี่ยหน้าจอเครื่องมือสื่อสารอีกครั้ง
ไม่ให้ฉันน้อยใจได้ยังไงล่ะ...นั่นมันคนที่ฉันชอบเลยนะ! แต่เพียงแค่เขาไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับฉัน
"พี่ชายแกทำให้พวกของยัยลีอาหัวเราะฉันยังไงล่ะ จะยอมได้ไง ขายขี้หน้าชะมัดเลย!"
ฉันเผลอกำมือแน่นจนแขนสั่นเมื่อครุ่นคิดถึงสีหน้าท่าทางของพวกยัยลีอาที่แสดงความเยาะเย้ยฉัน ภายหลังที่คุณปราณตักเตือนไป คอยดูเถอะถ้าฉันได้ครอบครัวหัวใจเขา จะควงแขนมาอวดพวกนางกลับอย่างแน่นอน
"แสดงว่าที่ออกตัวรับแทนฉัน เพราะแกชอบพี่ปราณจริง ๆ สินะ" เพื่อนสนิทฉันพูดเสียงเรียบ ๆ ทำให้ใจฉันหล่นวูบ หรือว่านางจะไม่เห็นด้วยกับการที่ฉันออกตัวว่าชอบพี่ชายของนางกันนะ?
"ถะ...ถ้าฉันบอกว่าใช่ แกจะว่ายังไงไหม"
ถ้ามันทำให้มะปรางรู้สึกไม่ดีฉันเองก็ควรจะหักห้ามใจตัวเอง
"ดีมากน่ะสิ ฉันทีมแกนะ จะเอาใจช่วยแก อย่างน้อยก็ยังดีกว่ายัยลีอาฝรั่งหัวทองนั่น!" ฉันยิ้มร่าต่อคำพูดของเพื่อนสนิททันที และหายห่วงไปอีกหนึ่งเรื่อง นางไม่ได้จะกีดกันฉันอย่างที่ฉันเคยคิดมากเอาไว้ แต่ทว่ายังมีอีกอย่าง...
"ฉันไม่ได้กลัวคู่แข่งหรอกนะ กลัวใจคุณปราณมากกว่าน่ะสิ ฉันคาดเดาอะไรจากเขาไม่ได้เลย ไม่รู้คิดอะไรอยู่กันแน่"
"แค่นี้แกจะถอยเหรอ" มะปรางถึงกับเงยหน้าขึ้นมามองฉันอย่างจริงจังอีกระลอก คล้ายตั้งความหวังไว้ที่ฉัน เพราะกลัวมีพี่สะใภ้เป็นยัยลีอา และฉันเองไม่มีทางยอมเป็นฝ่ายต้องถอย หรือแพ้หรอก
"ถ้าถอยตอนนี้ก็ไม่ใช่ลิลินสิ"
"ฉันเชียร์แกเต็มที่!" เพื่อนสาวยื่นมือมาแตะไหล่ฉันพลางตบปุบ ๆ อย่างให้กำลังใจเชียร์ฉันเต็มที่ แต่หนทางการสมหวังก็ลดน้อยถดถอยลง
ฉันคาดเดาความคิดคุณปราณไม่ได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่ การจะเข้าหาเขาจึงกลายเป็นเรื่องยาก และการจีบอาจารย์หนุ่มจนติดก็เป็นเรื่องโคตรยากกว่าเดิมหลายเท่าเลย
"ขอบใจแกนะ เออจริงสิ ว่าแต่แกลงชมรมอะไรเหรอ" ฉันยิ้มรับอย่างน้อยก็มีมะปรางที่คอยอยู่ข้าง ๆ กัน ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้เมื่อมีกำลังใจจะใช้ชีวิตเริงร่า
"พี่ปราณให้ฉันลงชมรมศิลปะ เกี่ยวกับพวกออกแบบน่ะ แล้วแกคิดไว้ว่าจะลงอะไร" แต่จะว่าไปคุณปราณเนี่ย เผด็จการกับน้องกับนุ่งไม่เลิกจริง ๆ นะ คราวนี้ก็จัดสรรชมรมให้น้องสาวเอาเองเลย ไม่ถามมะปรางว่านางชอบหรือเปล่า
ฉันรู้ใจนางดีที่หนึ่งเลยล่ะถ้าพูดถึงเรื่องการเรียน มะปรางน่ะไม่ชอบการออกแบบอะไรแบบนั้นหรอก นางชอบสายบันเทิง เดินแบบ การแสดงมากกว่า
"แกแน่ใจนะว่าจะอยู่ชมรมออกแบบ แกไม่ชอบมันนี่นา"
"พี่ปราณอยากให้ฉันมีความรู้ด้านนี้ ฉันคงขัดไม่ได้ แถมคุณพ่อกับคุณแม่รู้เรื่องก็ไม่คัดค้าน แสดงว่าท่านเห็นด้วยกับสิ่งที่พี่ปราณทำ"
คุณปราณรักน้องสาวจนเคร่งครัดด้วยวิธีที่ผิดไปนะ...เฮ้อ ถึงว่าล่ะพักนี้เพื่อนสาวฉันเลยมีสีหน้าไม่ค่อยดี รอยยิ้มจนแก้มปริก็ค่อย ๆ หายไป พูดน้อยกว่าปกตินี่เอง
"แกไหวหรือเปล่า"
ฉันเห็นใจนางนะแต่ช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน เพราะมันเป็นเรื่องเฉพาะครอบครัวเขา วิธีเลี้ยงดูของแต่ละบ้านก็ไม่เหมือนกัน ดีไม่ดีถ้าฉันเข้าไปยุ่มย่าม คงโดนคุณปราณหาว่ายุ่งไม่เข้าเรื่องด้วยซ้ำ
"ไหวสิ ฉันซะอย่างนะ ว่าแต่แกยังไม่ตอบฉันเลย"
"ส่วนบ้านฉันทำธุรกิจเกี่ยวกับออกแบบชุดว่ายน้ำก็ต้องชมรมว่ายน้ำอยู่แล้วน่ะสิ"
ฉันว่ายน้ำเป็นตั้งแต่เด็ก ๆ จึงชื่นชอบการเรียนว่ายน้ำ เคยแข่งว่ายน้ำช่วงมัธยมปลายมาแล้วด้วย ถึงจะได้อันดับสองก็ตาม
ชมรมที่ฉันเลือกก็ขอปลดปล่อยความสุขกับสายน้ำแล้วกัน วันก่อนฉันปรึกษาคุณแม่แล้ว ท่านน่ารักมาก ตามใจฉันไม่เคยขัดเลย
"ฉันเห็นป้ายติดประกาศเมื่อเช้าของชมรมว่ายน้ำอยู่นะ เขาเปิดรับสมัครแล้วนี่ หมดเขตวันนี้ช่วงบ่ายซะด้วย ต้องไปคัดตัวเลือกคนเก่งไว้แข่งกันอีก เพราะต้องเลือกนักกีฬาของมหาลัยไว้ลงแข่งกับที่อื่นอีก"
ตาเบิกโพลงกว้างต่อคำบอกเล่าจากปากเพื่อนสนิท จากนั่งเล่นหงอย ๆ เหมือนคนว่างงาน ตอนนี้กลับนั่งก้นแทบไม่ติดเก้าอี้ ฉันรีบร้อนแบบไม่เก็บอาการ
ไม่รู้ควรทำยังไงก่อนดี จะไปตึกชมรมว่ายน้ำยังไง อยู่ส่วนไหนของมหา'ลัยฉันยังไม่รู้เลย ที่นี่กว้างใหญ่มาก ถึงฉันจะเคยมาดูที่เรียนบ้างบางครั้ง แต่ฉันกลับไม่ได้รู้ทุกซอกทุกมุม และบางตึกถ้าจะไปต้องใช้รถขับไป เพราะเนื้อที่ของมหา'ลัยใหญ่มาก
"จะ...จริงเหรอ ฉันจะไปสมัครทันไหมเนี่ย" ฉันถามเสียงไม่เป็นตัวเอง ชมรมว่ายน้ำเป็นที่เดียวที่ฉันเล็งเอาไว้ว่าจะต้องเข้าไปเป็นเด็กสายกีฬาให้ได้
"ไปเลยสิแกรีบไปเลย ฉันก็ต้องไปลงชื่อมอบตัวที่ชมรมตัวเองแล้วด้วย" อีกฝ่ายรีบลุกจากเก้าอี้เก็บข้าวของใส่กระเป๋าสะพายข้าง เพื่อไปตามทางตัวเองเหมือนกัน ฉันจึงร้อนรนตาม เก็บไอแพดอะไรต่อมิอะไรใส่กระเป๋าข้างของตัวเองตาม แล้วรีบเอ่ยล่ำลาเพื่อน
"โอเคงั้นแยกกันตรงนี้นะ"
"อืม ฉันไปล่ะ" มะปรางก็รีบไม่แพ้กันเมื่อโบกมือให้นางก็หมุนตัว จ้ำเท้าเดินไปยังตึกอาคารออกแบบใกล้ ๆ นี้เอง ส่วนฉันร้องท้วงถามนางไม่ทันไงว่าตึกอาคารว่ายน้ำไปทางไหน
ฉันได้แต่ยืนเอ๋อ เกาท้ายทอยตัวเองแก้เก้อ มองแผ่นหลังของมะปรางที่หายเข้าไปด้านในตึกเรียบร้อยแล้วด้วยแววตาปริบ ๆ เอ่อ...ชีวิตฉันโคตรเวิ้งว้างเลยค่ะทุกคน
หลังจากนั้นออกมาจากโรงหารคณะบริหาร ฉันก็ตัดสินใจเดินด้วยเท้าตัวเอง เพื่อหาทางไปตึกว่ายน้ำในช่วงบ่าย แดดจ้า ๆ บรรยากาศอบอ้าวชวนให้ฉันหน้ามืดได้ไม่ยาก
ปากบ่นคาดโทษแสงแดดประเทศไทยหลายต่อหลายครั้ง ตึกก็ไม่รู้ว่าตั้งอยู่ส่วนไหนของพื้นที่มหา'ลัย แถมยังกังวลผิวขาว ๆ ที่กลัวจะกร้านไหม้แดด จนไม่สามารถถ่ายคลิปลงช่องบนทวิตเตอร์ตัวเองได้ไปอีกนาน ถึงจะเอาตัวคลุกโลชั่นก่อนออกมาเยอะมากก็ตามเถอะ
สมองก็กำลังประมวลคิด ควรจะเดินไปทางไหนกันดี เผื่อจะโชคดีไปสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วหาทางไปถูกที่ ทว่าแต่ ฉันน่าจะลองค้นหาตามแผนที่ในอินเทอร์เน็ตดูดีกว่า เผื่อจะได้อะไรบ้าง
จึงหยุดยืนข้างทางฟุตบาทสำหรับเดินเท้า ฉันหยิบสมาร์ตโฟนออกมา กำลังจะค้นหาตึกว่ายน้ำที่ตามหา ทว่า...
ปรื้น ปรื้น!
เสียงบีบแตรรถดังลั่น เกิดจากฝีมือของใครบางคน ไล่ด้านหลังฉัน นิ้วเรียวกำลังรัวแป้นพิมพ์ค้นหาสถานที่บนจอเครื่องมือสื่อสารจึงหยุดชะงัก
ขวับ! ฉันเอี้ยวตัวมองไปยังต้นเหตุของเสียงซึ่งส่งผลทำให้ตัวเองตกอกตกใจ เปลี่ยนมายกมือทาบหน้าอก ขวัญแทบกระเจิงฉับพลัน จนต้องเรียกหาขวัญ
อีกฝ่ายหยุดรถยนต์เทียบข้างฟุตบาทพอดี พร้อมเลื่อนกระจกรถทางฝั่งคนขับลง คล้ายจะหาเรื่องกันอย่างท้าทาย
ตึก ตึก!
น้อยแน่ ฉันเกือบหัวใจจะวายตาย! จะด่าให้ลืมทางกลับบ้านเลยคอยดู ว่าแล้วก็เดินจำเท้า กัดฟันกรอด ๆ จะไปเอาเรื่องบุคคลปริศนาที่ยังไม่เห็นถึงใบหน้าเขา
เอ๊ะ? รถยนต์คันนี้คุ้นตาฉันอยู่นะ ป้ายทะเบียนก็คุ้นมาก
"คะ...คุณปราณ เอ๊ยไม่ใช่สิ ต้องเรียกอาจารย์"
คนด้านในรถ เป็นเจ้าของรถสปอร์ตคนตรงหน้าไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลยค่ะ คุณปราณสุดหล่อของฉันนั่นเอง
แต่เมื่ออยู่ในเขตมหา'ลัยฉันลืมตัวเรียกเขาสนิทสนมกันเกินไป จึงรีบเรียกว่าอาจารย์แทน เพราะกลัวคุณปราณดุเอาอีก
ดุเหมือนกระทิงเลยค่ะ จะมีแค่นิสัยไหมนะที่ดุ อย่างอื่นล่ะ ฉันก็ช่างเข้าใจเปรียบเปรยจัง แถมทะลึ่งด้วย ไปกันใหญ่แล้ว ฉันรีบส่ายหน้าเรียกสติพร่าเลือนของตัวเองกลับมาทันที
"อยู่กันแค่นี้ฉันอนุญาตให้เธอเรียกคุณปราณได้เหมือนเดิม" คุณปราณบอกฉันเสียงนิ่ง
ฉันยิ้มแก้มบาน เผลอดีใจสุดฤทธิ์ ไม่เซ้าซี้มากความ หรือถามหาเหตุผลละกัน เอาเถอะถือว่าฉันปลื้มคำพูดเขาในครั้งนี้ จากหัวใจดวงน้อยที่ห่อเหี่ยว เฉาลงเรื่อย ๆ ก็เริ่มกลับมาดี๊ด๊า ใจเต้นแรงอีกครั้ง
"คุณปราณบีบแตรเรียกลินเหรอคะ" ฉันหลงตัวเองยืนหนึ่ง
"อืม จะเดินไปไหน" ครางรับต่ำในลำคอ ชวนให้ฉันใจหวิวคิดบาปกับเขา
"ลินเดินหาตึกชมรมว่ายน้ำค่ะ ไม่รู้ว่าไปทางไหน แถมรถก็เอาจอดไว้ที่ตึกคณะบริหาร มือถือก็ดันแบตหมดไม่รู้จะไปยังไงดีเลยค่ะ" ฉันเข้าสู่การจีบแบบรุกหนักอย่างจริงจัง
รีบยัดสมาร์ตโฟนที่ได้อ้างว่าแบตเตอรี่หมดลงในกระเป๋าสะพายข้างดังเดิม เดี๋ยวคุณปราณเห็นเขาจะไม่ช่วยฉันหาทางออกน่ะสิ ฉันคาดหวังว่าเขาจะไม่ใจจืดใจแคบเกินไปที่จะปล่อยให้ฉันเดินลากขาตามถนนเพียงลำพัง อย่างน้อยควรเอาฉันติดรถไปด้วย
"จะเข้าชมรมว่ายน้ำหรือไง"
"ใช่ค่ะ ลินถนัดว่ายน้ำ" โอ้อวดความสามารถความเก่งของตัวเองต่อหน้าผู้ชายนี่มันน่าภูมิใจจริง ๆ คิกคิก คุณปราณต้องภูมิใจที่ได้ฉันเป็นแฟน (มโน)
"จะไปไหนตึกชมรมว่ายน้ำ ฉันจะไปตึกนั้นพอดี ถ้าไปก็มาขึ้นรถ แต่จะเดินตากแดดร้อนๆ ไปเองได้ ก็แล้วแต่เธอ"
เขาให้ตัวเลือก และใช่ค่ะ ฉันเลือก...
"ลินขอติดรถไปกับคุณปราณนะคะ"
ไม่รอคำอนุญาตจากอาจารย์หนุ่มสุดเข้มอีก ฉันวิ่งด้อง ๆ อ้อมไปอีกฝั่งเพื่อประจำที่นั่งข้างคนขับ เพื่อกระชับความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น (หรือเปล่า)
"ไปนั่งเบาะหลัง" ฉันที่กำลังยิ้มไม่หุบถึงกับขมวดคิ้วใส่เจ้าของรถ เพราะไม่เข้าใจคำสั่งเขา
"มันไม่เหมาะสม" คุณปราณอธิบายสั้น ๆ ได้ใจความ ซึ่งฉันเข้ามานั่งในรถแล้วแท้ ๆ คิดเหรอว่าจะย้ายตัวเองไปนั่งด้านหลัง คุณปราณฝันไปเถอะ!
"ลินว่าไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวลินจะสมัครเข้าชมรมไม่ทัน"
"เธอก็เป็นซะแบบนี้จะไม่ให้ฉันดุด่าได้ยังไง!" คุณปราณส่ายหัวเอือมระอาฉันเต็มทน อย่างน้อยฉันกลับดีใจที่เขาไม่ได้แสดงท่าทางห่างเหินเหมือนเมื่อเช้า
"แต่อย่าขับเร็วได้ไหมคะ"
"ทำไม"
"ลินกลัวความเร็วค่ะ" จริง ๆ ฉันเป็นพวกเหยียบคันเร่งสุดตีนก็ว่าได้ แต่อยากยื้อเวลาอยู่กับคุณปราณสองต่อสองให้ได้นาน ๆ จึงหาข้ออ้างขึ้นมาวิงวอน พร้อมส่งสายตากลมใสปริบ ๆ ไปอ้อน
อ่อยเข้าไปอีกหลายยก อีกหน่อยคงยัดเยียดความเป็นเมียให้คุณเขาแล้วล่ะ
"หยุดทำตาน่าสมเพชแบบนั้นสักที มันไม่ได้น่ารักหรอก ตาเคลิ้ม ๆ แบบนั้นถ้าง่วงก็ไปนอนเถอะ!"
เพล้ง! หน้าฉันแตกอีกแล้ว คุณปราณใจร้ายม๊ากกก!