ตอนที่ 4 แอบเกเร
ตอนที่ 4 แอบเกเร
คุณปราณเดินผ่านหน้าฉัน แล้วสืบเท้าตรงไปหาน้องสาวตัวเองที่กำลังคลอเคลียกับหนุ่ม ๆ ด้วยความที่ฉันเอาแต่ยืนนิ่ง อ้ำอึ้ง เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วปุบปับ ไม่ทันตั้งตัวตั้งสติได้แต่เดินตามหลังเขาไป
พรึ่บ!
ไม่ทันไรเมื่อฉันหันหน้าไปเห็นพอดีเป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่เขากระชากแขนเพื่อนสนิทฉันด้วยแรงที่มากพอ จนมะปรางตัวลอยหวือ ปล่อยมือจากลำคอของผู้ชายแปลกหน้า เปลี่ยนตำแหน่งมายืนเคียงข้างพี่ชายแท้ ๆ
"กะ...แกคุณปราณรู้ได้ยังไง" ฉันเร่งฝีเท้าไปหานาง จับแขนเรียวเล็กเขย่าถามอย่างตื่นกลัว ชั่ววูบหนึ่งมีความคิดผุดเข้ามาในหัวว่าต้องหนีความผิดให้ได้ แต่หลักฐานก็เด่นชัดเกินกว่าที่ฉันจะกล้าโกหกหน้าด้าน ๆ แถมคนฉลาดแบบคุณปราณมีหรือจะเชื่อข้ออ้างง่อย ๆ ฉันได้แต่ภาวนาว่าเขาคงไม่โกรธฉันไปด้วยคนหรอกนะ
"ฉะ...ฉันจะไปรู้เหรอพี่ปราณกำลังโกรธจัดเลย" น้ำเสียงของเพื่อนสนิทดังตะกุกตะกัก ฉันจึงต้องละสายตาจากเหตุการณ์ตรงหน้า
เพื่อมองมายังคนข้าง ๆ เพราะต้องการคำตอบที่สงสัย จึงพบว่ามะปรางมีสีหน้าซีดที่ย่ำแย่ขนาดไหน แถมยังขยับเท้ามายืนหลบภัยข้างหลังฉันซะอย่างนั้น
...ให้ตายสิ ซวยจริง ๆ ไม่น่าลนหาเรื่องเข้าตัวเองเลย ยัยลินเอ๊ย!
"มึงเป็นใครวะ!" ชายหนุ่มคนแปลกหน้ากระชากคอเสื้อคุณปราณ รุนแรง ด้วยท่าทาง และอารมณ์หัวเสีย
ฉันกับมะปรางรีบเอี้ยวหน้ากลับมามองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง คุณปราณกลับไม่มีทีท่าว่าจะไหวติงหรือหวั่นเกรง เขาจ้องคนแปลกหน้านิ่ง ๆ พลางแกะมือชายหนุ่มเจ้าของกระทำกร่าง ๆ เมื่อครู่อย่างไม่ยี่หระ
กร่อบ!
เสียงกรอบแกร่บของการโดนหักกระดูกที่ข้อมือก็ดังแว่วเข้ามาข้างหูฉัน พร้อมกับเสียงโอดครวญจากใครบาง
พรึ่บ!
ผู้ชายร่างสูงโปร่งค่อย ๆ ทรุดเข่าล้มลงบนพื้นที่ของผับหรู ผู้คนรอบข้างกลับไม่เห็นถึงสถานการณ์ย่ำแย่ เนื่องจากมีแสงไฟส่องสว่างเพียงนิด
ฉันคิดว่าดีแล้วแหละ ถ้าคนอื่นเห็นคงเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้แน่ ๆ
"ออกมาเคลียร์ปัญหาซะปราง อย่าเอาแต่หลบหลังเพื่อน!" คุณปราณสั่งเสียงเข้มขรึมขณะตวัดหางตาดุดัน มีอำนาจพลังอึมครึมบางอย่างมองน้องสาวที่หลบด้านหลังฉันไม่กล้าสู้หน้าพี่ชาย
คนอายุมากกว่า จึงสะบัดมือข้างที่ได้ทำการหักกระดูกอีกฝ่ายกลับไปวางขนาบข้างลำตัว ชายคนแปลกหน้าพยายามกลับมายืนหยัดได้ด้วยตัวเองอีกครั้ง เอียงหัวมาตั้งคำถามกับพวกฉัน
"คือ คะ...คนนี้เขาเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเราเอง ขอโทษด้วยนะไว้วันหลังแล้วกัน...เอ๊ย คงไม่ได้เจอกันแล้วแหละ" นางก้าวขาออกมาจากข้างหลังฉัน มะปรางบอกผู้ชายที่เพิ่งเจอกันไปไม่ทันจบก็ได้รับสายตาตำหนิจากพี่ชาย จนแทบจะกลับคำไม่ทัน
"ก็ได้ ผมเห็นแก่คุณผู้หญิงหรอกนะ..." อีกคนเพิ่งจะกลับมาตั้งหลักได้ เขาเสียหน้าเล็กน้อยเมื่อรู้ความจริง แต่ยังโชคดีที่ชายหนุ่มคนแปลกหน้าไม่คิดจะเอาเรื่องต่อเหมือนตอนแรก
ฉันถอนหายใจโล่งอก เพราะคิดว่าทุกอย่างจะจบ...แต่เปล่าเลย ทันทีที่เดินออกมาข้างนอก พวกเราก้าวตามแผ่นหลังกว้างเพื่อมาเคลียร์ประเด็นหลักกัน บริเวณที่เรียกว่าโซนจอดรถชั้น G ของทางผับหรู
"คิดว่าหนีมาเที่ยวสนุกในที่ไม่ปลอดภัยกัน พี่จะไม่รู้หรือไง ถึงพี่จะอยู่อังกฤษซะส่วนใหญ่ แต่อิทธิพลพี่ที่ไทยก็มีไม่น้อย...!" ฉันจิกหลังมือตัวเองจนเจ็บแสบ รู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูกต่อสายตาคมดุคู่นั้น
"ใครคะ...ใครมันส่งข่าวให้พี่ ปรางจะเอาเรื่องมัน!"
มะปรางยังไงก็คือมะปราง เฮ้อ...คนผิดจะไปเอาเรื่องเขา
"ยังไม่สำนึกอีกใช่ไหม!" เขาถามกลับเสียงนิ่งกว่ารอบแรกซะอีก
"พี่ปราณ ปรางโตแล้ว ไม่ใช่เด็กเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะคะ อายุยี่สิบแล้วด้วย ร้านเหล้าร้านผับปรางก็เข้าได้แล้ว" นางรีบวิ่งเข้ามากอดแขนพี่ชายตัวเองเอาไว้เพื่อปราม
"แต่ก่อนปรางคนที่เป็นน้องสาวพี่ ไม่ใช่เด็กชอบแย่งแบบนี้" คุณปราณปรายหางตามาทางฉันอีกระลอก คล้ายกับกำลังจะบอกว่า 'เพราะฉันยุยงน้องสาวเขาแน่ ๆ'
"ปะ...ปราง..." เพื่อนสนิทอ้ำอึ้ง ปากสั่นทำตัวไม่ถูก
ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแต่ก่อนมะปรางจะเชื่อฟังพี่ชาย และน่ารักขนาดไหน แต่วันเวลาผ่านไป เด็กผู้หญิงคนหนึ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลงทั้งนิสัย และอะไรหลาย ๆ ได้นี่นา
"ลินเองก็มีความผิดค่ะ ถ้าลินไม่มาด้วยปรางก็คงไม่ต้องมา"
ฉันทนไม่ไหวต่อบรรยากาศเงียบงัน ที่มีเพียงเสียงกระแทกลมหายใจหงุดหงิดแรง ๆ จากพี่ชายเพื่อนสาว
ฉันจึงตัดสินใจพูด เพราะหวังว่าทุกอย่างมันคงจะจบง่าย ๆ แค่ฉันยอมรับความผิดส่วนหนึ่งของตัวเอง เป็นอีกครั้งที่ฉันรู้ตัวว่าได้ตัดสินใจผิดพลาดไปอย่างมหันต์
"ฉันกำลังพูดกับน้องสาว เธอเองก็ผิด ไม่ต้องเอาตัวเข้ามารับแทน ฉันจะชำระความจากเธอแน่ ๆ ล่ะ"
"ลินแค่รู้สึกผิดเลยอยากสารภาพค่ะ"
"ดูไปแล้วเธอก็คงไม่ใช่คนดีอะไรหรอกสินะ ถึงทำให้น้องสาวของฉันนิสัยใจคอเปลี่ยนขนาดนี้"
คุณปราณมองฉันด้วยแววตาเหยียดหยันบางอย่าง มุมปากข้างหนึ่งขยับยกสูง อารมณ์เขาคาดเดายากเสียจนฉันสับสน ตามไม่ทัน บางครั้งน่าค้นหา บางครั้งให้ความรู้สึกน่าหวั่นเกรงอยู่ในตัวผู้ชายคนคนเดียว
"คุณปราณกำลังโบ้ยความผิดมาที่ลินคนเดียวนะคะ"
"อืม ฉันตัดสินตามที่เห็น...ดูการแต่งตัวของเธอสองคนสิ" พลางไล่สายตาสำรวจร่างกายฉันสลับไปหามะปรางตั้งแต่หัว จรดปลายเท้า
...ซึ่งเป็นการแต่งกายด้วยชุดเดรสแบบเกาะอก กระโปรงชั้นร่นขึ้นมาเกือบจะเห็นบั้นท้าย ฉันมองว่าแต่งแบบนี้มันไม่ได้มีความผิดอะไรเลยนะ แต่คนอื่น ๆ มักจะมีปัญหากับพวกเราซะมากกว่า
"คุณปราณกำลังจะบอกว่าคุณตัดสินลินว่าเป็นคนไม่ดี เพราะแต่งตัวโป๊เหรอคะ" ท่าทีเยาะหยันพลอยส่งผลให้ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดในเชิงด้านลบ
"มันจริงอย่างที่ฉันว่า"
ฉันส่ายหน้าให้ความคิดและตรรกะประหลาด ๆ ของเขา อุตส่าห์ไปเรียนไกลถึงเมืองนอกระยะเวลามากกว่าสิบปี แถมยังเป็นถึงอาจารย์ ประเทศเจริญรุ่งเรืองแบบนั้นกลับไม่ได้ช่วยให้เขามองโลกกว้างมากกว่านี้
"ถ้าจะให้ดีปรางเลิกคบกับเพื่อนแบบนี้เถอะ พานทำให้เราเสียคนซะเปล่า" ออกคำสั่งกับน้องสาวตัวเองต่อหน้าฉัน เพราะจงใจให้ได้ยินด้วยชัด ๆ ก่อนเขาจะถอดสูทตัวนอกคลุมไหล่มะปรางเอาไว้
"คุณปราณตัดสินลินเพราะเรื่องนี้เหรอคะ ช่วงวัยรุ่นคุณปราณก็คงสนุกสนานกับเพื่อนเหมือนกันหนิคะ"
ยิ่งพยายามหาข้อแก้ต่างแต่สุดท้ายเขาก็ไม่เข้าใจนั่นแหละ
"อย่ายอกย้อนถึงฉัน มันไม่เหมือนกัน!"
"ละ...ลินแค่พยายามอธิบาย"
ดวงตาคมดุดันจ้องเขม็งตรงมายังฉันไร้ซึ่งความเอ็นดู ไม่เหมือนครั้งแรกที่ฉันกับเขาเจอกัน
ตอนนี้แตกต่างสุดขั้ว จนฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่คิดว่าเขาจะหวงน้องสาวมากขนาดนี้จนสามารถมาตามถึงสถานบันเทิง และยังพาลโกรธโบ้ยความผิดมาลงที่ฉันอีก
สุดท้ายก็ได้แต่คิดเหนื่อยหน่ายในใจ เม้มปิดปาก ก้มหน้างุดไม่กล้ามองเขากลับ...เขาดุเกินไปนะบางที แต่ฉันชอบท้าทายอำนาจมืด ยังไงก็ไม่มีทางเลิกชอบเขาหรอก ตรงใจฉันซะขนาดนี้
"ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัว"
"พี่ปราณลินไม่ได้ผิดขนาดนั้นสักหน่อย" มะปรางรีบออกตัวมาช่วยปกป้องฉัน แต่ความจริงแล้วนางก็กลัวพี่ชายมากเหมือนกัน ทั้งพูดทั้งหลบหน้า
"ต่อไปนี้อย่าสนิทกันมาก ห่าง ๆ กันบ้าง หรือจะให้ดีพวกเธอควรจะเจอกันให้น้อยที่สุด คุยกันแค่ตอนเรียนก็พอ และหาเพื่อนกลุ่มใหม่!" คำพูดของคุณปราณไม่ต่างจากการบอกกลาย ๆ อีกอย่างว่า 'เลิกคบเพื่อนแบบนี้ซะ!'
ฉันรู้สึกชาไปทั้งใบหน้า ถ้าจะตำหนิ ดุด่ากันขนาดนี้ลากฉันไปตบที่กลางสี่แยกไฟแดงซะยังดีกว่าด้วยซ้ำ
เรื่องหนีเที่ยวเขากลับทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ซะอย่างนั้น
"พี่ปราณ พี่ก็รู้นี่ถ้าปรางไม่มีลิน ปรางก็ไม่มีเพื่อนแล้ว" นางร้อนรน เพราะนอกจากฉันมะปรางก็มีเพื่อนน้อยมาก แถมภายนอกนางดูเหมือนจะเข้าถึงง่าย แต่ไว้ใจคนได้ยากจะตาย
"พี่ไม่ต้องการคำแก้ตัว ไปขึ้นรถกลับคอนโดกับพี่!" คุณปราณไม่ฟังอยู่ดี เขาลากแขนน้องสาวไปที่รถ มะปรางรีบหันหน้ามาทางฉัน
"ละ...แล้วลินละคะ" มะปรางถามพี่ชายแท้ ๆ
"ถ้ามีความคิดคงไม่ยืนนิ่งอยู่กับที่...ถ้าเธอจะติดรถกลับก็ตามมา" อย่างน้อยเขายังเห็นใจกันบ้าง แต่ไม่วายยังเอ็ดฉันอยู่ดีนั่นแหละ
กระนั้นฉันก็ไม่มีทางเลือกมาก มิหนำซ้ำดึกป่านนี้คงหาทางกลับเองไม่ได้หรอก กว่าจะไปเรียกแท็กซี่ข้างหน้าผับคงยืนจนขาแข็งแน่ ๆ จึงสงบปากสงบคำ เดินตามหลังเขามาที่รถยนต์สปอร์ต
คอนโดมิเนียม S
พวกเรามาถึงคอนโดมิเนียมในช่วงสี่ทุ่มครึ่ง เนื่องจากการจราจรช่วงค่ำคืนที่แออัด ตลอดระยะเวลาเดินทางออกมาจากผับ คุณปราณไม่ได้ออกปากดุด่า หรือสั่งสอนพวกฉันอีก
เขาค่อนข้างอารมณ์ร้อนเลยทีเดียว ถอนหายใจเฮือกใหญ่บ่อย ๆ ครั้ง และใช้หางตาดุดันมองมะปรางสลับมาที่ฉันบ้างบางจังหวะ ระหว่างมือยังควบคุมพวงมาลัย
คราวนี้ฉันตั้งสติได้แล้ว ถึงแม้แววตาที่ส่งมาจากอีกฝ่ายจะทำให้หัวใจเย็นเฉียบไม่ต่างจากร่างกายภายนอก ฉันพยายามจ้องหน้ามองคุณปราณกลับ ทำสายตากะพริบปริบ ๆ เหมือนเด็กใสซื่อที่กำลังอ้อนวอนขอความเห็นใจเมื่อมีโทษติดตัว
ไม่รู้ว่ามันได้ผลดีไหม? ในสายตาคุณปราณฉันตลกหรือเปล่าตอนทำตาบ๊องแบ้วแบบนั้น
แต่ที่แน่ ๆ ฉันขอหลงตัวเองก่อนเลยนะ...หรือระยะทางกลับคอนโดมิเนียม เขาไม่เอ็ดฉันอีก เพราะอาจจะหลงใหลการอ้อนทางสายตาของฉันกันนะ
ว่าแล้วแก้มทั้งสองข้างก็รู้สึกผ่าวร้อน เขินอายจนเผลออมยิ้มออกมา ฉันมโนเป็นเรื่องเป็นราวเก่งจริง ๆ คิกคิก
"จะนั่งยิ้มเหมือนคนเมายาอีกนานไหม"
โธ่เอ๊ย คุณปราณไม่น่ารีบปลุกฉันออกจากโลกจินตนาการเลย!
"อ๋อ...ละ ลงไปจากรถเหรอคะ" เหม่อไปนานจนทำตัวไม่ถูก
"หรือจะนอนในรถล่ะ"
ฉันยู่ปากคล้ายโดนขัดใจ เขาดุเก่ง ประชดเป็นซะเหลือเกิน แต่เอาเถอะ ๆ ลิลินคนนี้จะปราบคุณปราณให้อยู่หมัดเลย
เอ่อ...แต่ตอนนี้ฉันควรก้าวขาลงจากรถเขาก่อนดีกว่าไหม สายตาที่มองฉันแต่ละครั้งไม่มีเยื่อใย ท่าทีแต่ละอย่างไม่มีแววว่าจะชอบฉันเลย
เฮ้อ หวังว่าตัวเองจะไม่อกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่มนะ!
"หวังว่าเธอจะไม่พาน้องฉันสร้างความวุ่นวายหรอกนะ!"
เมื่อฉันรูดคีย์การ์ดของห้องพักตัวเอง มือที่กำลังจับลูกบิดเพื่อเปิดประตูเข้าไปก็ค้างชะงักกับน้ำเสียงเข้มขรึมที่ดังขึ้นอีกครั้ง ฉันหันไปมองขอความเห็นจากมะปราง ฝ่ายนั้นกำลังจะเข้าห้อง ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับห้องฉันแล้วเหมือนกัน นางส่ายหน้าเชิงบอกไม่ต้องการให้ฉันพูดหรือโต้ตอบอะไรอีก
ฉันเข้าใจดีเพราะไม่อย่างนั้น เรื่องคงยาวกว่านี้ แถมไม่จบง่าย ๆ แน่ ๆ แท้จริงแล้วฉันไม่ใช่คนยอมใครหรอก ถ้าอีกฝ่ายพูดไม่ถูกฉันก็ควรจะแก้ต่าง แต่ครั้งนี้ฉันจะยอมโดยไม่ตอบกลับเขาก็ได้...เพราะเห็นว่าเขาเป็นผู้ชายที่ฉันชอบหรอกนะ
ฉันจึงพยักหน้ารับปาก เสหน้ามามองคุณปราณซึ่งยืนนิ่งทำหน้าไม่รับแขกอยู่หน้าห้องข้าง ๆ กับห้องฉัน โดยฉันไม่ได้ตอบกลับคำพูดเมื่อกี๊ของเขาไป จากนั้น จึงผลักประตูเข้ามาห้องพักส่วนตัวทันที
พวกเราแยกย้ายกันไปพักผ่อน หลังจากเรื่องน่าปวดหัวจบลง (ได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก) ก่อนฉันจะข่มตานอนก็หยิบสมาร์ตโฟนเครื่องแพงขึ้นมา เปิดเข้าทวิตเตอร์หน้าแอคเคาท์ของตัวเอง เพื่อดูการแจ้งเตือนเรื่อยเปื่อย และโพสต์ที่เพิ่งคลิปไปได้ไม่นานว่าผลตอบรับเป็นอย่างไร
จากเครียด ๆ ฉันก็อมยิ้มออกมา ยอดผู้เข้าชมปาไปมากกว่าหนึ่งแสนคน ฉันตื่นเต้นกับการเติบโตบนเส้นทางนี้พอสมควร ถึงแม้มันจะไม่ได้น่าภาคภูมิใจขนาดนั้น ฉันไม่ได้คาดหวังสักหน่อยนี่ อีกอย่างไม่มีใครเคยเห็นใบหน้า จึงไม่ได้ส่งผลต่อการใช้ชีวิตในสังคมจริง ๆ ฉันทำเพราะความชอบเท่านั้น
สักวันหนึ่งแอคเคาท์ Pailin ก็ต้องปิดตัวลง เมื่อถึงเวลาที่ฉันเข้ารับหน้าที่บริหารบริษัทกิจการชุดว่ายน้ำต่อจากผู้เป็นแม่
พอขบคิดถึงมาถึงจุดนี้ ของวันข้างหน้าแน่นอนว่า แค่คิดฉันก็รู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อคุณแม่มีฉันเป็นลูกคนเดียวนี่นา ทายาทเพียงคนเดียวรับช่วงต่อก็ถูกต้อง และสมควรแล้ว แถมฉันมีคุณแม่คนเก่งเป็นไอดอล ต้องเอาแบบอย่างท่านให้ได้!
"เฮ้อ" ฉันจะไปซีเรียสอีกแล้ว ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตวันข้างหน้าดีกว่า วันนี้ฉันเหนื่อยมามาก ฉันควรหลับพักผ่อน ค่อยคิดอีกทีว่าพรุ่งนี้จะดำเนินชีวิตต่ออย่างไร?