บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ว่าที่อาจารย์

ตอนที่ 2 ว่าที่อาจารย์หนุ่ม

"ฮะ อะไรนะ!!" ฉันกับมะปรางอุทานออกมาพร้อมเพียงกัน แบบไม่ได้นัดหมาย ดวงตาสองคู่เบิกโพลงกว้างอย่างตื่นตกใจ สีหน้าพวกฉันดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไร

จนทั้งคุณปราณที่เป็นถึงอาจารย์จบใหม่ และคุณพ่อคุณแม่อีกฝ่ายหันมามองอย่างตื่นตระหนกตาม สติฉันหลุดไปชั่วขณะก่อนจะรีบกลับมาเป็นปกติ เมื่อทุกคนเริ่มเห็นความผิดปกติกับพวกเราสองคน

"ตกใจอะไรกัน" คุณปราณถามอย่างสงสัย น้ำเสียงกดดัน หัวคิ้วเข้มดกดำทั้งสองข้างของเขาขมวดเข้าหากันเป็นปม ใบหน้าหล่อดูดีหันมามองทางฝั่งน้องสาวตนเอง ก่อนจะเอี้ยวมาเค้นเอาคำตอบจากฉันผู้นั่งตรงกันข้าม

บรรยากาศเย็นยะเยือกที่ถาโถมเข้าใส่ สามารถทำให้หัวสมองอันใสโปร่งของฉันตอนนี้กลับถูกลำลายจนพร่าเบลอ ประมาณหนึ่งนาทีผ่านไปยังคงไม่มีฝ่ายใดตอบคำถามผู้ใหญ่ได้

"เอ่อ..." อ้ำอึ้งปากสั่นฉับพลันเมื่อคุณปราณหรี่ตาลงอย่างจับผิด เกิดท่าทางลุกลี้ลุกลนก้นนั่งไม่ติดเก้าอี้มากกว่าเก่า ไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามคุณปราณออกไปยังไงดี ถึงมันจะเป็นคำถามง่าย ๆ แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์ตอนนี้ฉันกลับไม่กล้าโกหก เพราะมะปรางเคยบอกว่าพี่ชายนางฉลาดเป็นกรด จับผิดเก่งยืนหนึ่ง

กระทั่งฉันสัมผัสถึงเท้าของใครบางคนยื่นมาสะกิดท่อนขาของฉัน พร้อมเอานิ้วเท้าหัวแม่มือมาเขี่ยยิก ๆ คล้ายเป็นเชิงสัญญาณส่งซิกบางอย่าง พอฉันหลุบตาลงต่ำเพื่อมองลงไปพื้นที่ใต้โต๊ะอาหาร ซึ่งมีช่องว่างสำหรับวางพักเท้า จึงรู้ว่าเท้าปริศนาที่กล่าวถึงเป็นของมะปรางจอมแสบ เพื่อนสนิทฉันเอง

"พวกเราดีใจมากกว่าไปค่ะ คิดว่าตัวเองได้ยินผิดด้วยซ้ำ เพราะคุณปราณจะกลับมาไทยอยู่อย่างถาวรซะด้วย ยัยปรางคงไม่ต้องบ่นคิดถึงคุณปราณบ่อย ๆ จนลินเบื่อหน่ายอีกแล้ว"

ส่งผลให้คนที่ต้องตอบคำถามกดดันนี้ให้ได้ตกมาอยู่ที่ฉัน เพราะถ้ามะปรางพูดคุณปราณคงไม่เชื่อน้องสาวเขา แถมจะมองในแง่ร้ายอีกด้วยว่านางไปสร้างวีรกรรมฉาวอะไรไว้หรือเปล่า ถึงแสดงอาการมากขนาดนี้?

"ฉันก็คิดว่าไปทำอะไรผิดมา ถึงร้อนตัวกันโดยเฉพาะน้องสาวตัวดีของฉัน" คิ้วของเขาค่อย ๆ คลายออกเมื่อได้ฟังเช่นนั้น แต่คงไม่ปักใจเชื่อหรอก เพราะสายตาเขามองมาทางฉันอย่างดุดัน จนรู้สึกแปลก ๆ ฉันเองทั้งมองทั้งหลบหน้าหนีสายตาคุณปราณไปพลาง...ฉันยิ่งมีโรคประจำตัวอยู่ด้วย โรคชอบมองคนหล่อสไตล์ดุ ๆ น่ะ คิก ๆ

"พี่ปราณก็...มองปรางในแง่ร้ายตลอดเลยนะ" มะปรางมองค้อนพี่ชาย พร้อมวางช้อนส้อมในมือไว้บนจานข้าวเหมือนเดิม

นางกอดอก ปั่นหน้างอนแก้มพองลม แยกเขี้ยวขู่พี่ชายผู้เคร่งขรึมใส่เสียอย่างนั้น แต่ฉันก็พอจะเข้าใจหัวอกพี่ชายอย่างคุณปราณ ที่ผ่านมามะปรางค่อนข้างใช้ชีวิตเกินตัว ไม่มีใครห้าม หรือตักเตือนนางได้ แถมหัวรั้นเกินกว่าใคร

มีก็แต่พี่ชายที่เอานางได้อยู่หมัด ซึ่งฉันเองก็รู้ทันว่าตอนนี้มะปรางกำลังเรียกร้องความสนใจ เพื่อกลบเกลื่อนความลับของตัวเองที่ไม่อาจเปิดเผยได้ รวมถึงฉันด้วย

"คุณปราณสบายใจได้เลยค่ะ มะปรางคงกำลังค่อย ๆ ปรับปรุงตัว เพราะอีกไม่นานมหาลัยก็จะเปิดเรียนแล้ว สังคมผู้ใหญ่อาจจะทำให้มะปรางเปลี่ยนไปบ้าง"

"พูดได้ดีมากเพื่อนรัก" มะปรางหันมายิ้มเยาะให้ฉัน พึงพอใจที่มีคนช่วยเอาไว้

"แม่เห็นด้วยกับหนูลินนะจ๊ะ" คุณแม่ที่นั่งข้างคุณพ่อเองก็เช่นกัน พูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตรบนใบหน้าคนมีอายุ

"พ่อเองก็มีความเห็นอย่างที่หนูลินพูด" ผู้มีอายุและน่าเคารพมากที่สุดนั่งประจำหัวมุมโต๊ะ เป็นหัวหน้าครอบครัว เห็นด้วยอีกคนจึงกล่าวขึ้น ซึ่งฉันก็รีบเอี้ยวหน้ายิ้มตอบรับ

ทำให้บทสนทนาบนโต๊ะอาหารยุติลงเพียงเท่านั้น ทุกคนต่างฝ่ายต่างทานข้าวจนเสร็จสรรพ คุณพ่อคุณแม่แยกไปทำงานของท่านต่อ ส่วนคุณปราณ ฉันยังเห็นเขานั่งอ่านหนังสือบริเวณห้องรับแขก ฉันกับเพื่อนสนิทจึงเดินแยกจากโต๊ะอาหาร กำลังเดินตรงไปยังรถยนต์คันหรูของตัวเอง เพื่อไปดูห้องเช่า และทำธุระส่วนตัวสักหน่อย

"จะไปดูคอนโดมิเนียมที่พ่อซื้อไว้ให้หรือเปล่า" เสียงทุ้มเข้มของคุณปราณก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังเสียก่อน เรียกรั้งให้ฝีเท้าฉันกับมะปรางหยุดชะงัก

หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า จึงเห็นได้ว่าชายหนุ่มในชุดสูทเนี้ยบสีน้ำเงินเข้ม สุภาพได้วางมือจากหนังสือ เขาสืบเท้าภายใต้รองเท้าหนังอย่างดี เจ้าของท่าทางสุขุมตามแบบฉบับอาจารย์ก้าวตรงมาที่พวกฉัน

"ใช่ค่ะ พี่ปราณมีอะไรหรือเปล่า" มะปรางขานรับ

"ไปรถพี่ดีกว่า ยังไงพี่ก็ต้องย้ายไปอยู่คอนโดห้องข้าง ๆ พวกเธออยู่แล้ว พี่จะไปดูห้องเสียเลยวันนี้"

"พี่ปราณเหนื่อยแย่เลยค่ะ เพิ่งกลับมาทำไมไม่พักผ่อนก่อนล่ะคะ" ความจริงหากคุณปราณจะไปพร้อมกันด้วยมันคงไม่มีปัญหา ข้ออ้างมากมายหรอก

แต่วันนี้ฉันกับเพื่อนนัดกันเอาไว้ว่าหลังจากดูคอนโดมิเนียมเสร็จ จะไปทำธุระอย่างอื่นต่อที่ห้างฯ.กัน เพราะต้องซื้ออุปกรณ์หลายอย่างทำคลิปลงแอคเคาท์ของตัวเองบนสื่อโซเชียล แถมห่างหายไม่ยอมลงคลิปใหม่ ๆ มานานแล้ว แฟนคลับที่คอยติดตาม สนับสนุนกันคงคิดถึง ตั้งตารอดูอะไรใหม่ ๆ อยู่แน่ ๆ

...มิหนำซ้ำมันเป็นงานอดิเรกที่ค่อนข้างไม่ถูกยอมรับในสายตาผู้ใหญ่ หรือไม่ถูกจริตรสนิยมของใครบางคน คุณปราณหวงน้องสาวมาก ถ้ารู้เรื่องพวกนี้เข้า ไม่อยากคิดเลยว่าเขาจะจัดการเพื่อนฉันด้วยวิธีใด

"เป็นพี่หรือไง พี่บอกเหรอว่าเหนื่อย อยากพัก...ไปรถฉัน จอดรถเธอไว้ที่นี่" คุณปราณตวัดสายตาคมดุที่เอ็ดน้องสาวเมื่อครู่มาทางฉัน แล้วเอ่ยพูดเสียงราบเรียบติดเย็นชา ซึ่งทำให้ฉันไม่อาจใจกล้าปฏิเสธคำสั่งเข้มงวดได้ จึงพยักหัวหงึกหงักรับอย่างจำใจ ฉันไม่ได้หน้าเพื่อนก่อนมองเลยว่ากำลังขัดใจนางขนาดไหน

"เธอได้ขนของเสื้อผ้าอะไรมาด้วยหรือเปล่า ฉันจะได้ขนเข้าห้องช่วย" จนเขาเอ่ยขึ้นอีกครั้งคล้ายจะดักการปฏิเสธจากฉันซึ่งกำลังอ้าปากพูด

"อะ...เอามาค่ะ อยู่หลังรถ" ฉันรีบพยักหน้าพัลวันอีกครั้ง พร้อมชี้นิ้วไปที่ท้ายรถ หัวใจดวงน้อยก็พองโตต่อความใส่ใจจากเขา

ฉันเตรียมการเอาไว้แล้วว่าถ้าทำเลที่ตั้งของห้องน่าอยู่ก็จะขนของข้าวของเข้าไปอยู่ทันที เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา และเทียวไปเทียวมา เพราะบ้านพวกเรา ห่างจากตัวมหา'ลัยกับคอนโดมิเนียมที่ตั้งหลายสิบกิโลเมตร

จากนั้นคุณปราณก็เดินนำมาที่รถยนต์ของฉันเพื่อขนของย้ายไปรถคันของเขาซึ่งจอดเทียบท่าข้าง ๆ กัน ฉันปลดล็อกเครื่องยนต์เรียบร้อยแล้วอีกฝ่ายจึงถือวิสาสะขนกระเป๋าเสื้อผ้าฉันไปไว้หลังรถยนต์ของเขาแทน

"ฉันเห็นนะว่าแกมีความสนใจพี่ชายของฉัน พี่ปราณหล่อล่ะซี้" จังหวะทีเผลอเพียงเสี้ยววินาที มะปรางที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ด้านข้าง ดึงแขนฉันให้เข้ามาให้ก่อนจะยื่นหน้ามากระซิบข้างหูฉัน เพราะกลัวพี่ชายจะได้ยินด้วย

"กะ...แกดูออกเหรอ" ถามเสียงไม่เป็นตัวเอง ฉันแสดงท่าทีสนใจเขาชัดเจนขนาดนั้น จนถูกเพื่อนจับได้เลยเหรอ?

"ดูออกสิ ปกติแกก็แสบ ซนไม่ต่างจากฉันเท่าไหร่หรอก แต่วันนี้ทำตัวเรียบร้อยแปลก ๆ คงกลัวพี่ปราณไม่ชอบละซี้" นางทำเสียงสูง หรี่ตาจับผิดฉันอีกคน จนต้องเอามือดันหน้าอีกฝ่ายหันไปอีกทางให้เลิกจับพิรุธกัน

"พี่แกตรงไทป์ที่ฉันชอบนี่..." ยอมรับออกไปตามตรงไม่มีปกปิดเพื่อนรัก ตัวบิดม้วนไปขวยเขินแทบบ้าคลั่ง แสดงความระริกระรี้จนทำให้มะปรางหมั่นไส้ได้ไม่ยาก ท้ายที่สุดฉันกับนางหัวเราะกันออกมา

"วันนี้นัดที่จะไปซื้อชุดคอรสเพลย์ก็คงพังไม่เป็นท่า ต้องเลื่อนออกไปเพราะพี่ชายแกจะรู้ด้วยไม่ได้สินะ" กระทั่งฉันนึกคิดอะไรขึ้นมาได้เลยซุบซิบถามอีกครั้ง เพราะค่อนข้างเป็นความลับสุดยอดสำหรับพวกเรา

"ใช่น่ะสิ แกนั่นแหละหัดปฏิเสธคนอื่นซะบ้าง" ไหงมะปรางโบ้ยความผิดมาตกที่ฉันคนเดียวด้วยล่ะ

แน่นอนว่าครอบครัวฉันเองก็ไม่เคยรับรู้เรื่องส่วนตัวของฉัน คุณแม่บอกเสมอว่าเมื่อฉันเติบโตเป็นผู้ใหญ่จะเข้าใจ และคิดได้เองโดยท่านไม่ต้องไปควบคุม กดดันลูก

ซึ่งตอนนี้ฉันยังจึงอยากใช้ชีวิตสุดโต่ง ท่องโลกกว้างให้มากที่สุดก่อนจะเรียนจบมหา'ลัย เพราะหลังจากนั้น ฉันมีตำแหน่งผู้บริหารซึ่งต้องรับหน้าที่ต่อจากผู้เป็นแม่ ฉันเป็นลูกคนเดียวการเลือกเรียนบริหาร แทนคณะสาขาที่อยากเรียนด้วยใจจริง ๆ ก็เพื่อธุรกิจของทางบ้านล้วน ๆ แต่ถึงอย่างนั้นการเรียนบริการกลับไม่ได้แย่เสมอไป

"ฉันปฏิเสธคนเป็นย่ะ แต่ปฏิเสธคนหล่อดุ ๆ ไม่เป็นต่างหาก" ไม่วายฉันยังพูดหยอกเย้านางกลับ

"ร้ายนะยัยลิน! แต่ถ้าได้แกเป็นพี่สะใภ้ฉันก็ไม่ติดนะ คิกคิก" มะปรางไม่มีความหวงพี่ชายกับฉันเลย แถมประโยคสุดท้ายยังยุยงให้ฉันเกิดประกายความหวังเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ขึ้นมาอีก แต่สำหรับฉันน่ะสิยังมองไม่เห็นหนทางการสมหวังกับคุณปราณสักนิด

"จะยืนคุยกันอีกนานไหม มาขึ้นรถ!" เสียงทุ้มเข้มขรึมของคุณปราณช่วยดึงความสนใจจากพวกฉันให้หันไปมองทางเขาได้เป็นอย่างดี แถมฉันยังสะดุ้งสุดตัว ตกอกตกใจไม่ต่างจากคนข้าง ๆ กับเสียงเข้มดุจากเขา อาการตัวสั่นใจเต้นแรงค่อย ๆ หายไป

ไม่รู้ทำไมคุณปราณถึงชอบดุ เข้มงวดได้เสียขนาดนี้ บุคลิกเขามีความเป็นผู้ใหญ่ ไม่มีแววซุกซนดื้อตาใสอย่างมะปรางเลยด้วยซ้ำ แต่รวม ๆ ฉันดันชอบคนแบบคุณปราณ ต้องเป็นคุณปราณเท่านั้น!

...และตอนนี้ว่าที่อาจารย์หนุ่มคนใหม่ได้ขนข้าวขนของจากหลังรถฉัน ไปเก็บไว้ในรถยนต์ของตนเองเรียบร้อยแล้ว โดยที่ฉันไม่ได้ลงมือช่วยขน

"ค่ะ ๆ!!" ไหนจะสายตาไม่เป็นมิตรที่จ้องเขม็งตรงมาอีก ทำเอาฉันตัวแข็งเกร็ง รีบขานรับ วิ่งหน้าตั้งพร้อมกับมะปราง เพื่อขึ้นรถสปอร์ตของเขา อีกฝ่ายจึงเดินอ้อมเพื่อรับทำหน้าที่สารถี แล้วเดินทางไปต่อยังที่ตั้งคอนโดมิเนียมหรู

คอนโดมิเนียม S

ใช้เวลาขับรถมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงคอนโดมิเนียม เนื่องจากการจราจรช่วงบ่ายรถตามท้องถนนสายทางหลักไม่ค่อยแออัดเท่าตอนเย็นมาก ซึ่งคอนโดมิเนียมที่มีที่บ้านของคุณปราณเป็นเจ้าของ

ฉันได้ตกลงทำสัญญาเช่าเรียบร้อยแล้ว ฝ่ายนิติที่ดูแลคอนโดมิเนียมแห่งนี้ เลยใช้พนักงานขนของของฉันขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสูงสุดให้ ซึ่งฉันได้เลือกห้องพักที่อยู่ติดกันกับคุณปราณโดยบังเอิญ (มั้ง) เพราะความถูกชะตากับห้องนี้ และทำเล แสงแดดสาดส่องเข้ามาพอดี สะดวกกับงานอดิเรกอัดวิดีโอที่ทำมากที่สุด

"ตกลงแกเอาห้องนี้ใช่ไหมยัยลิน" มะปรางถามย้ำกับฉันอีกครั้ง ขณะเดินเข้ามาภายในห้องนอนที่ฉันเลือก คุณปราณเองก็ตามหลังเข้ามาติด ๆ

"อืม ห้องนี้แหละ" ฉันตอบกลับด้วยความมั่นใจ สายตาเหลือบไปมองร่างสูงจนนึกอะไรขึ้นมาได้ พลางถามเสียงตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็นแบบไม่มีปิดบัง

"ว่าแต่ห้องยัยปรางอยู่ห้องตรงข้ามกับห้องของลิน แล้วห้องคุณปราณละคะอยู่ข้าง ๆ กันใช่ไหม"

"ฉันอยู่ข้างกับห้องของเธอถูกแล้ว" คุณปราณตอบเสียงนิ่งเรียบเฉย ต่างจากฉันที่รู้สึกถึงแก้มสองข้างผ่าวร้อน หัวสมองลอยเคว้ง อย่างกับฝันไป ห้องของพวกเราห่างกันแค่ผนังกำแพงปูนกั้นกลาง

"คงไม่คิดจะบุกเข้าห้องพี่ชายฉันหรอกนะ" มะปรางกระซิบอีกครั้ง ราวกับอ่านความคิดฉันได้ แว็บหนึ่งฉันก็คิดแบบนั้น...แต่ก็ทำได้แค่คิดไหมล่ะ ถ้าจะให้ทำจริง ๆ ใครจะกล้ากัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel