ตอนที่ 1 แรกเจอ
ตอนที่ 1 แรกเจอเพราะบังเอิญ
(ลิลิน)
"พี่ปราณ! ปรางคิดถึงพี่จังเลยค่ะ"
"พอเจอกันก็พูดเอาใจพี่เชียวนะเรา"
"มันก็จริงนี่นา พี่ปราณไปเรียนตั้งไกล แถมหลายปี กว่าจะกลับมาบ้านมีเวลาให้ปรางได้แต่ละครั้งก็ยากเย็นแสนเข็ญ"
"เพ้อเจ้ออะไรมะปราง...แล้วนั่นใคร" บทสนทนาของสองพี่น้องหยุดชะงัก จากที่สวมกอดกันอยู่ด้วยความคิดถึง ทั้งคู่จึงขยับตัวห่างจากกัน สายตาของทุกคนรอบบริเวณมองตรงมาหาตัวฉัน
จนรู้สึกประหม่า เกิดยึกยักทำตัวไม่ถูก แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังปั้นหน้าเผยรอยยิ้มหวานสู้เป็นการทักทาย ฉันไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามคุณปราณ พี่ชายของเพื่อนสนิทฉันยังไงก่อนดี...เขาหล่อจนสติฉันหลุดหายไปหมดแล้วเนี่ย
จนกระทั่งมะปรางน้องสาวของคุณเขาเอ่ยแนะนำตัวฉัน
"พี่ปราณจะไปรู้อะไรล่ะคะ ไม่เคยกลับมาเยี่ยมบ้านซะแบบนี้...นี่ลิลินค่ะ เป็นเพื่อนสนิทที่เรียนมัธยมปลายมาด้วยกัน แถมสอบเข้ามหา'ลัยเดียวกันได้ด้วยนะคะ"
คุณปราณพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจด้วยสีหน้าราบเรียบไม่แสดงถึงความรู้สึกใด เขาปรายหางสายตาคมกริบมองฉันเพียงนิด แต่นั่นกลับทำให้ฉันใจสั่นระริก ไหล่ห่อได้ไม่ยาก ก่อนเขาจะดึงสายตากลับไปทางมะปราง
"พี่เชื่อนะว่าเพื่อนเราสอบติดมหา'ลัย แต่เราน่ะพ่อบอกพี่แล้วล่ะว่าเข้ามาเรียนได้เพราะเป็นเด็กเส้น หึ"
"พี่ปราณ!" มะปรางตีหน้าบูดบึ้ง แผดเสียงใสดุต่ำทันที เมื่อพี่ชายของนางรู้ทันทุกอย่าง
ฉันได้แต่ยืนส่ายหน้าหัวเราะเอ็นดูมะปรางอย่างเงียบ ๆ เพียงเท่านั้น เพราะตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ของสองพี่น้องเดินเข้ามาต้อนรับลูกชายคนโตที่เพิ่งเดินทางมาถึงประเทศไทยในรอบสิบปี
และคำพูดของคุณปราณ เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จริง บ้านของมะปรางทำธุรกิจหลายอย่าง ส่วนพ่อก็เป็นถึงผู้บริหารมหา'ลัยชื่อดังอันดับต้น ๆ แนวหน้าของประเทศ
ซึ่งฉันยังสอบติดที่นั่นอีกด้วย ส่วนมะปรางอยากเรียนที่เดียวกับฉัน เลยขอร้องพ่อของนางใช้เส้นสายช่วย ท้ายที่สุดก็ตามกันมาเรียนจนได้
ส่วนคุณปราณอาศัยอยู่ต่างประเทศ และเรียนเพื่อมาบริหารธุรกิจของครอบครัวซะส่วนใหญ่ เลยไม่ค่อยมีเวลากลับบ้านที่ประเทศไทย
ตั้งแต่รู้จักกับมะปรางมาสามปีกว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของฉันที่ได้เห็นคุณปราณตัวจริง เสียงจริง เนื่องจากเขาไปเรียนต่างประเทศเมื่อสิบปีก่อน
แถมมะปรางชอบเล่าเรื่องนางช่วงวัยเด็กสุดแสนจะประทับใจโอ้อวดถึงคนเป็นพี่ชายอยู่บ่อยครั้ง จนเพื่อน ๆ ในกลุ่มเริ่มจะเอือมระอา เพราะคิดว่ามะปรางโฆษณาถึงพี่ชายเวอร์วังเกินไป จนไม่อยากจะเชื่อ จึงเลือกฟังหูไว้หู
นางเคยบอกว่าเขาทั้งหล่อ รวย และเรียนเก่ง แต่นิสัย บุคลิก มะปรางกลับต่างจากคุณปราณลิบลับ จะมีก็แต่ใบหน้าที่ดูดีไม่แพ้กัน
ตอนแรกฉันไม่ได้ให้ความสนใจเขาจากเรื่องเล่าของเพื่อนสนิทหรอก แต่พอได้เจอตัวเป็น ๆ ความรู้สึกสั่นไหวบางอย่างก็เกิดขึ้นกับฉัน เมื่อมองใบหน้าหล่อดูดีของคุณปราณ
คล้ายว่ามีแรงดึงดูด ทำให้ฉันไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้ จึงจดจ้องราวกับกำลังคิดหาวิธีจะกลืนคุณปราณลงท้องอยู่นานสองนาน
อะ...เอ๊ย ฉันหมายถึงกำลังคิดวิธีเข้าหาต่างหากล่ะ
"ลิลิน!!"
"อุ๊ย!" เสียงเรียกชื่อฉันจากเพื่อนสนิทอย่างมะปราง ช่วยเรียกสติของคนลุ่มหลงกับหน้าหล่อ ๆ กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวได้อีกครั้ง พร้อมสะดุ้งสุดตัว เพราะนางยื่นมือแตะลงบนลาดไหล่ และไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ฉันยืนนิ่งไม่ไหวติง
"แกเป็นอะไรหรือเปล่า"
"ปะ...เปล่าหรอก" ฉันบอกเฉไฉไปเรื่อย รีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน ยิ่งคุณปราณมองมาพร้อมกันกับพ่อแม่ของเขา ฉันก็ยิ่งรู้สึกผ่าวร้อนไปทั้งตัว แต่ปกติฉันไม่ใช่ผู้หญิงขี้อาย พูดน้อยแบบตอนนี้ แค่กำลังคีพบุคลิกต่อหน้าคุณปราณเท่านั้น
"ฉันคงเมาความหล่อพี่ชายแกแหละมั้ง ที่ผ่านมาแกโฆษณาไว้เยอะเลยนี่ พอเจอจริง ๆ ฉันเชื่อแกสนิทใจแล้วแหละ คิก ๆ" ฉันหัวเราะคิกคักออกมา เมื่อก้าวเท้าเข้าไปประชิดมะปราง พลางกระซิบกระซาบนางเสียงเบาได้ยินกันแค่สองคน
"แก่แดดนะแกเนี่ย พี่ปราณน่ะไม่เกินคำเลื่องลือที่ฉันพูดเอาไว้หรอก"
"แน่นอนสิ" ฉันยอมรับเลยว่าตัวเองค่อนข้างจะแก่แดดเกินอายุ ใจกล้าบ้าบิ่นพอสมควร ไม่เช่นนั้น คงไม่กล้าทำกิจกรรมชวนหวิวเป็นงานอดิเรกในแฟรตฟอร์มพื้นที่สาธารณะซึ่งเรียกกันว่า Onlyfans ได้
เรื่องราวของฉันมีอีกมากมายหลายอย่าง มีความลับขั้นสุดยอด เป็นทั้งมุมมืดที่ไม่ค่อยอยากเอ่ยถึง หรือให้คนอื่นรู้จักตัวตนที่แท้จริง เพราะบางคนไม่ได้เข้าใจถึงความชอบที่ฉันต้องการ
รวมไปถึงคนในครอบครัว เพราะงานพวกนี้ค่อนข้างจะมีผลเสียต่อฉันเช่นเดียวกัน ยิ่งมีชื่อเสียงทางสังคม มีหน้าที่การงานดี รสนิยมที่น้อยคนจะยอมรับได้ จึงต้องเหยียบเอาไว้ให้เงียบกริบ
"ไปกินข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวพวกเราจะได้ตรงไปดูคอนโดมิเนียมที่พักด้วย แกอุตส่าห์มาที่บ้าน รอฉันตั้งนาน ใกล้จะเปิดเรียนแล้วด้วย ฉันตื่นเต้นจะแย่ อยากไปเจอเพื่อน ๆ ไปเต๊าะผู้ชายพอเป็นสีสันในชีวิต เพราะตอนนี้ชีวิตฉันกำลังอึมครึม"
คุณพ่อคุณแม่ของทางฝ่ายนั้นเดินออกไปที่โต๊ะอาหารก่อนใคร ซึ่งมะปรางก็ลากแขนฉันให้เดินไปข้างหน้า ระหว่างเอ่ยพูด น้ำเสียงระริกระรี้ออกนอกหน้า ส่วนมือข้างว่าง ๆ นางก็จูงคุณปราณมาด้วย
"ไม่เป็นไรหรอก ไปตอนไหนก็ได้ ฉันไม่ซีเรียสแกก็รู้" ความจริงแล้ว ฉันกับมะปรางนัดกันเอาไว้ว่าช่วงบ่ายจะไปดูคอนโดมิเนียม แต่คุณปราณดันลงเครื่องกลับจากอังกฤษมาไทยแบบกะทันหัน ไม่บอกกล่าวล่วงหน้าเพื่อให้คนที่บ้านเตรียมตัวต้อนรับ
ฉันขับรถมาหามะปรางที่บ้านนางเข้าพอดี เลยบังเอิญเจอคุณปราณ แต่จะขอตัวกลับนัดไปวันอื่นก็ได้ เพราะวันนี้มะปรางน่าจะอยากอยู่กับพี่ชาย นางเป็นคนติดพี่มาก แต่ทุกคนก็ห้ามฉันเอาไว้ ไม่จำเป็นต้องกลับ หรือยกเลิกนัด ฉันเลยต้องอยู่ต่อ
เจอคนหล่อก็เหมือนกับฉันถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง!
กลับมาที่เรื่องคอนโดมิเนียม พ่อของเพื่อนสนิทฉันได้ทำการซื้อเอาไว้ เป็นเขตก่อตั้งไม่ใกล้ไม่ไกลกับมหา'ลัยที่พวกเราเรียนอยู่ มะปรางเลยชักชวนให้เข้ามาเช่าห้องว่างข้าง ๆ นาง ฉันเองก็ไม่ได้มีปัญหา เพิ่งจะจบมัธยมปลายมาหมาด ๆ กำลังหาที่พักเพื่อเรียนต่อมหา'ลัยพอดี เลยตอบตกลงไป
คุณแม่ของฉันจะได้ไม่ต้องวุ่นวายหาห้องใหม่ให้ด้วย เพราะลำพังงานที่บริษัทก็หนักหนาสาหัสสำหรับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวแต่กลับต้องแบกรับภาระหน้าที่เอาไว้มากมาย เนื่องจากคุณพ่อ ท่านป่วย และเสียชีวิตไปหลายสิบปีมาแล้ว
แต่ฉันแค่ต้องการไปดูสถานที่จริงกับตา เลือกห้องเอง ก่อนจะทำสัญญาเช่า ขนของเข้าไปอยู่ เพื่อเช็กสภาพห้อง วิวทิวทัศน์นอกระเบียง เรื่องหยุมหยิมอีกเล็กน้อยสักหน่อย เพราะงานอดิเรกที่ฉันทำต้องรอบคอบ มีสติตลอดเวลา และห้องต้องให้ความเป็นส่วนตัวประมาณหนึ่ง เพื่อสะดวกต่อการทำงาน
ฉันลอบมองเขาพอเป็นระยะ ขณะบอกเพื่อนสาว ทำอะไรกลบเกลื่อนไปพลางจะได้ไม่ดูเสียมารยาท หรือละลาบละล้วงคุณปราณจนเกินไป...
ให้ตายสิ มองผู้ชายคนนี้เท่าไหร่ก็ไม่รู้จักเบื่อเลยสักนิด ถึงแม้ฉันจะเคยพบเจอคนหน้าตาดีมานับไม่ถ้วน แต่คนเหล่านั้นกลับไม่ตรงสเปคที่ฉันชอบ ไทป์ที่ฉันตามหาเลย พอเห็นคุณปราณหัวใจฉันก็พองโตได้ง่ายดาย เพราะเขาตรงใจฉันที่สุด จนอดไม่ได้อมยิ้มคนเดียวเหมือนคนบ้าออกมาในที่สุด
"คิก ๆ"
"เอาเวลาไปโฟกัสเรื่องเรียนก่อนไหมมะปราง ยังเด็กอยู่เลย ทำไมถึงรีบคิดอะไรแบบนั้นกัน!" เสียงหัวเราะ และรอยยิ้มพออกพอใจเมื่อสักครู่หลายไปจากใบหน้าฉับพลัน เมื่อคุณปราณเอ่ยเสียงเข้มดุ ท่าทางเขาจริงจังเอาเสียมาก ๆ
จนฉันรู้สึกหวั่นเกรง ก้มหน้างุดเดินต้อย ๆ สลายตัวถอยห่างจากมะปราง แล้วตรงไปยังโต๊ะอาหารมื้อเที่ยง ฉันทิ้งสะโพกนั่งลงเก้าอี้ ตรงข้ามกันกับสองพี่น้อง
"ถ้าปรางมีแฟนขึ้นมาจริง ๆ พี่ปราณคงไม่ขัดขวางหรอกนะคะ"
"ปรางรู้จักพี่ชายตัวเองดีพอไหมล่ะถึงถามแบบนั้น"
"ปรางไม่มีแฟนก็ได้ จะโสดจนเรียนจบ ยันลูกชายพี่ปราณออกบวชเลยค่ะ!"
มะปรางนั่งเก้าอี้ พร้อมประชดพี่ชายคนโต ท่าทางแสบ ซน ปนหัวรั้น จนคุณปราณกระแทกลมหายใจเสียงดัง ฉันเองก็ได้ยิน รวมถึงคุณพ่อกับคุณแม่ของเพื่อนสนิทด้วย แต่พวกท่านกลับอมยิ้ม แถมไม่ว่ากล่าวอะไรออกมา คงมีแค่ฉันล่ะมั้ง
เอาแต่นั่งตัวตรง ร่างกายแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับเขยื้อน ฉันหมายจะเอื้อมมือไปหยิบช้อนกลาง เพื่อตักเอาอาหารก็เกิดท่าทียึกยัก ๆ ขึ้นมาเสียก่อน เมื่อช้อนสายตากลมมองไปยังใบหน้าคมเข้มอันหล่อเหลาอย่างร้ายกาจของชายหนุ่มอายุมากกว่าซึ่งนั่งฝั่งตรงข้าม ที่กำลังแสดงสีหน้าขุ่นเคืองออกมา ต่อคำพูดน้องสาวตนเอง
"พี่ไม่รีบมีลูกหรอก ปรางคงต้องเหี่ยวแห้งเสียก่อน"
"พี่ปราณนะพี่ปราณ ปากคอเราะรายซะจริง ปรางชักอยากจะเห็นว่าที่ภรรยาในอนาคตของพี่แล้วสิ จะเรียบร้อยเหมือนผ้าที่พับไว้ไหม หรือจะกะโหลกกะลาแบบปรางกัน!"
มะปรางเป็นคนค่อนข้างพูดเก่ง วงอาหารจึงไม่เกิดความอึมครึม เพราะได้ยินแต่เสียงของสองพี่น้องถกเถียงกันอย่างไม่ยอม
"แบบไหนพี่รับได้หมด แต่ถ้าจะมาในรูปแบบปราง พี่คงต้องคิดเยอะ ใช้เวลาคิดทบทวนกว่านี้"
"ชิ! พี่ปราณพูดแบบนี้ปรางจะขายออกไหมล่ะเนี่ย"
เมื่อเห็นภาพครอบครัวมีความสุขก็เริ่มรู้สึกอิจฉา เพราะด้วยความที่ฉันเป็นลูกคนเดียว โมเมนต์น่ารัก ๆ แบบนี้ จึงไม่เคยเกิดขึ้นกับฉัน
แต่กลับไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่มีแค่คุณแม่ ในเมื่อท่านพยายามเติมเต็มสิ่งที่ฉันต้องการให้อย่างสม่ำเสมอ ถึงบางครั้งฉันจะโหยหาความรักที่มันมากไปกว่านั้น
"ลิลิน...ฉันเรียกลินได้ไหม" ฉันจมอยู่กับความคิดในหัวตัวเอง เกือบจะถึงสิบวินาที กระทั่งสุ้มเสียงทุ้มต่ำของคุณปราณก็ดังแทรกขึ้นถาม อีกฝ่ายคงจะหันมาเห็นท่าทางเหม่อลอยของฉันเข้า
"ดะ...ได้สิคะ ลินไม่ติดขัดเลยค่ะคุณปราณ" ตอบรับเสียงใสตะกุกตะกักทำตัวไม่ถูก ส่วนมากคนที่เรียกฉันด้วยชื่อหลังจะมีแต่คนสนิท เพื่อนหรือคนรู้จัก
ส่วนกรณีของคุณปราณ ฉันยินดีมาก เขาเรียกชื่อฉันว่าอะไรก็ได้ตามความถนัด แถมปลาบปลื้มดีใจอย่างนอกหน้าจนคลี่ยิ้มจนตาสองข้างเป็นสระอิ
"อาหารไม่อร่อยหรือ ทำไมไม่กิน" คุณปราณถามด้วยความใส่ใจ ร่างกายฉันถึงกับชะงัก ลมหายใจเข้า ออกติดขัด ไม่คาดคิดเลย ว่าเขาจะสังเกตให้ความสนใจมาทางฉันด้วย ในเมื่อก็เห็นคุณปราณเอาแต่หันหน้าไปคุย สนใจสนทนาของมะปรางอยู่นี่นา
"ลินเอื้อมมือไปตักอาหารไม่ถึงค่ะ" เมื่อผู้ชายถามมือไม้ของฉันก็อ่อนแรงทันที
"อยากกินอะไร ฉันจะตักให้" คุณปราณเสนอมีหรือคนอย่างลิลินจะน้อยหน้า จากตอนแรกฉันปลื้มเขาเพราะหน้าตาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ความรู้สึกชอบในใจก็เพิ่มทวีมากไปอีกระดับ
"อาหารบนจานนั้นค่ะ" ฉันเปลี่ยนสีหน้าทันที ยิ้มจาง ๆ อย่างกับหญิงสาวเรียบร้อย พูดน้อย ขี้อาย เพราะคุณปราณน่าจะชอบคนไทป์นี้ ก่อนจะชี้นิ้วไปที่จานอาหารฝั่งตรงข้าม ซึ่งอยู่ใกล้พี่ชายเพื่อนสนิทที่สุด
"ขอบคุณนะคะ"
...เป็นไปตามความคาดหวังของฉัน เขาใช้ช้อนกลางตักอาหารที่ฉันอยากทานมาวางไว้บนจานของฉัน จึงรีบขอบคุณไป แล้วตักอาหารเข้าปากอย่างสบอารมณ์
ถึงแม้สีหน้าคุณปราณจะเรียบนิ่งจนลึกลับ เกินกว่าฉันจะคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรกันแน่ สนใจ หรือทำไปเพราะมารยาททางสังคม แต่ความใส่ใจของเขาในครั้งนี้ฉันจดจำไม่ลืมแน่นอน
"ทีกับปรางเป็นน้องแท้ ๆ ทำไมไม่ทำให้ปรางบ้างล่ะ" มะปรางยู่ปากใส่พี่ชายทั้ง ๆ ที่แก้มสองข้างกำลังเคี้ยวอาหาร นางมักจะขี้แกล้ง แถมซุกซนตามแบบฉบับของนางนั่นแหละ พลางขยิบตา ด้วยความทะเล้นส่งมาหาฉันด้วย
ฉันกับมะปรางค่อนข้างที่จะแตกต่างกัน มีเพียงความชอบที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กัน เช่นการเล่นแอปพิเคชั่นสัญลักษณ์นกสีฟ้า และลงคลิปเปลือยร่างกายบนแฟรตฟอร์ม Onlyfans
"เคี้ยวอาหารในปากให้หมดก่อนเถอะปราง!" คุณปราณเอ็ดน้องสาวของตัวเอง จนมะปรางเลิกเซ้าซี้
"เอ่อ...พี่ปราณ" เพื่อนสนิทคนเดียวของฉันเสียงสลดลงเล็กน้อย สีหน้าดูเป็นกังวลแปลก ๆ ทำให้ฉันอยากรู้อยากเห็นด้วย ถึงแม้มันจะไม่ใช่ธุระอะไรเกี่ยวกับฉันก็ตาม
"อืม มีอะไร" ขานรับในลำคอหนา ขณะก้มหน้าทานข้าว
"แล้วพี่ปราณกลับมาครั้งนี้จะอยู่นานไหม เป็นอาจารย์อยู่ที่อังกฤษคงทำงานเหนื่อยมากใช่ไหมคะ"
อาชีพอีกอย่างของคุณปราณที่ทำหลังจากเรียนจบคือการเป็นอาจารย์สอน ซึ่งส่งผลให้ฉันไม่กล้าแทนตัวเองกับคุณเขาว่าพี่สักเท่าไหร่ รู้สึกเกรงใจ และมีระยะห่างกันอยู่บ้าง
"พี่น่าจะอยู่ที่ไทยอย่างถาวรแล้วล่ะ เพราะพี่จะไปเป็นอาจารย์สอนพวกรุ่นน้องเข้ามาเรียนใหม่ของมหา'ลัยที่ปรางกับลินจะต้องเข้าไปเรียน ช่วยพ่อกับแม่บริหารธุรกิจที่บ้านของเราต่อ..."
"ฮะ อะไรนะ!!"