บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 อย่างน้อยก็ยังมีที่สำหรับนาง

ฟางหลี่ไม่อยากให้เมิ่งลี่อินเป็นที่โปรดปรานแต่ก็ไม่คิดว่าตนเองจะโชคดีถึงขั้นได้เป็นอนุตั้งแต่วันแรกที่เมิ่งลี่อินแต่งเข้ามาเช่นกัน นางเหลือบมองสีหน้าคล้ายคนตายของคุณหนูสามอย่างเหยียดหยามก่อนเก้าท้าวเดินตามกู้ชางออกไปจากห้องหอ

ตอนที่ฟางหลี่เดินเข้ามาประตูเรือนมิได้ขัดปิดไว้ ทั้งเสียงสนทนาก็ไม่ได้เบาหรือตั้งใจปกปิดคนด้านนอกจึงได้ยินกันถ้วนทั่ว โดยเฉพาะสาวใช้ที่ยกถังน้ำเข้ามาด้วยกันถึงกับลอบมองฮูหยินคนใหม่ด้วยสายตาอ่านไม่ออก ทำเอาเมิ่งลี่อินหน้าม้าน ได้แต่ก้มหน้าห่อไหล่เดินเข้าไปจัดการตนเองเงียบ ๆ

กว่านางจะอาบน้ำและแต่งตัวโดยไร้สาวใช้คอยช่วยเหลือเสร็จก็ได้ยินว่าฟางหลี่กลายเป็นอนุของกู้ชางไปแล้ว นี่ไม่ต่างอันใดกับการตบหน้านางสักนิด เมื่อวานเพิ่งแต่งเข้าวันนี้เขาเอาสาวใช้ของนางไปเป็นอนุ แล้ววันข้างหน้าเมิ่งลี่อินจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรไม่ให้ถูกสาวใช้เหยียบหัว

ฮูหยินคนใหม่ก้าวเท้าออกจากเรือน นางทำสีหน้าให้ราบเรียบ ลำคอตั้งตรงดวงตามองไปเบื้องหน้า ทำเป็นไม่เห็นสายตาดูถูกบ้างเยาะเย้ยของสาวใช้เรือนใหญ่ เมิ่งลี่อินถือของขวัญพบหน้าครอบครัวสามีไปด้วยตนเอง นางไม่มีกระทั่งสาวใช้นำทางด้วยซ้ำ ทำได้เพียงคาดคะเนหาเรือนที่โอ่อ่าและมีบ่าวไพร่มากที่สุด ถึงค่อยเดินเข้าไป

ภายในห้องโถงนายท่านกู้นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวโต ด้านข้างคือเจียงฮูหยิน ภรรยาของนายท่านกู้และมารดาของกู้ชางในชุดเสื้อคลุมสีเขียวเข้มช่วงเอวคาดด้วยผ้าสีดอกบัวทำให้นางดูเด็กกว่าอายุจริงอักโข เมิ่งลี่อินสูดลมหายใจระงับอาการหวั่นไหวในอก นางเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าพ่อแม่สามี ค่อย ๆ คุกเข่าลง สาวใช้ด้านข้างเจียงฮูหยินเห็นเช่นนั้นก็รีบเทน้ำชาใส่จอกยื่นให้ถึงมือ

“สะใภ้คารวะท่านพ่อสามี ท่านแม่สามีเจ้าค่ะ” เมิ่งลี่อินก้มหน้าลงต่ำ ดวงตามองพื้นไม่กล้าสบตาใครทั้งนั้น เรื่องที่นางสับเปลี่ยนตัวเจ้าสาวป่านนี้คงแพร่ไปทั่วทั้งเมือง บ้านเดิมกลับไม่ได้แล้วหากบ้านสามียังไม่อาจอยู่ได้ ชีวิตนี้เมิ่งลี่อินก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนแล้วจริง ๆ

กู้เจี้ยนหยางมองข้อมือบางที่ยื่นจอกชามาตรงหน้า เขาไม่ได้สายตามืดบอดอย่างบุตรชาย เพียงกวาดมองผ่าน ๆ ก็รู้แล้วว่าหญิงสาวคนนี้หาได้ถูกเลี้ยงมาโดยเอาใจใส่ ถึงจะเป็นบุตรอนุแต่ก็เป็นบุตรอนุในตระกูลพ่อค้าใหญ่ ไม่มีทางที่จะผอมแห้งปานนี้แน่ กระทั่งผิวพรรณก็ยังหมองคล้ำ บ่งบอกว่าไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร

เจียงฮูหยินก่อนแต่งออกเป็นบุตรสาวในตระกูลขุนนาง เรื่องกลั่นแกล้งบุตรอนุเชิดชูบุตรฮูหยินนางเห็นมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ แม้จะรู้สึกขัดเคืองสกุลเมิ่งไม่น้อย แต่มองแล้วเด็กตรงหน้าก็มิใช่คนที่จะกระทำเรื่องพวกนั้นได้ ความโกรธในใจจึงค่อย ๆ เบาบางลง

กู้เจี้ยนหยางเบี่ยงสายตามองสบภรรยาเล็กน้อย เขาระบายรอยยิ้มใจดี ยื่นมือรับจอกชาขึ้นดื่ม “ลี่อินไม่ต้องมากพิธีไป แต่งเข้ามาแล้วก็ถือเป็นครอบครัวเดียวกัน ทำตัวให้สบายเถอะ”

เจียงฮูหยินน้ำเสียงรื่นหู กล่าวช้า ๆ “นั่นสิ ต่อจากนี้ก็ต้องฝากบุตรชายให้เจ้าช่วยดูแลแล้ว อย่าได้เกรงใจไป มีเรื่องอันใดคับข้องใจไม่กล้าบอกกล่าวกู้ชางก็มาหาข้ากับท่านพ่อเจ้าเถอะ”

เมิ่งลี่อินเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว ก่อนหน้านี้ระหว่างทางที่เดินมาก็คิดหาทางหนีทีไล่ไว้เรียบร้อย หากท่านพ่อและท่านแม่สามีไม่ชอบหน้า ตั้งใจทำตัวเย็นชาออกห่างนางก็จะไม่พยายามเสนอหน้าไปทำให้พวกท่านใจอ่อนโดยเด็ดขาด ทว่าหน้าที่สะใภ้ก็ยังต้องกระทำให้ครบถ้วน ตอนเช้าตื่นมาคารวะแม่สามี ตอนเย็นปรนนิบัติท่านทั้งสองก่อนเข้านอน เช่นนี้ก็คงใช้ได้

กู้ชางสามีนางมีอนุแล้ว ทั้งเมื่อคืนก่อนเขากล่าวว่าจะไม่แตะต้องนางอีกเมิ่งลี่อินจึงไม่คิดว่าเขาจะผิดคำพูด หากอยู่กันไปสักพักเขาต้องการไล่นางออกจากเรือนก็มีแต่ต้องจำใจยอม นางใช้ชีวิตมาถึงขนาดนี้คุ้นชินกับการก้มหัวให้ผู้อื่นไปนานแล้ว หากจะต้องก้มหัวเพิ่มอีกสักหน่อยก็ไม่เป็นอันใด

ทว่าคิดไม่ถึงนอกจากท่านพ่อท่านแม่สามีจะไม่ดุด่ายังมีท่าทีเช่นนี้ เมิ่งลี่อินอึ้งงันจนเอ่ยไม่อันใดไม่ออกไปชั่วขณะ

เจียงฮูหยินยกยิ้มอ่อนจาง ยื่นมือประคองให้เมิ่งลี่อินค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน “เวลาไม่เช้าแล้ว เราไปทานข้าวก่อนแล้วกัน มีอันใดค่อยพูดคุยหลังท้องอิ่ม” นางมองผ่านไปด้านหลัง ครั้นยังไม่เห็นบุตรชายก็เอ่ยถาม “แล้วชางชางเล่า?”

เมิ่งลี่อินสีหน้าแปรเปลี่ยนไปในทันที นางอ้าปากแต่กลับไร้เสียงหลุดรอด เพียงเท่านี้เจียงฮูหยินก็พอจะเดาเรื่องทั้งหมดได้แล้ว ท่านแม่สามีพยักหน้าอย่างไม่ถือสา เดินควงแขนลูกสะใภ้ออกไปด้านนอก

“เขาไม่มาก็ช่างเขา เราไปทานกันก่อนก็ได้”

เมิ่งลี่อินก้มหน้าปิดบังขอบตาร้อนผ่าว นางเอ่ยเสียงเบา “เจ้าค่ะ ท่านแม่”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel