บทที่ 10 ด่านสาวงาม
นายท่านกู้ไม่ใช่คนช่างพูด ส่วนเมิ่งลี่อินก็ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรต่อหน้าพ่อแม่สามีที่นางได้ชื่อว่าแย่งมาจากพี่สาวจึงยิ่งเงียบไปกันใหญ่ ร้อนถึงเจียงฮูหยินต้องคอยพูดคุยไม่ให้บรรยากาศตอนทานข้าวเงียบเหงาเกินไปนัก กระทั่งทานเสร็จเรียบร้อยแล้วเจียงฮูหยินถึงได้เอ่ยปากให้ลูกสะใภ้หมาด ๆ กลับเรือนไปพักผ่อน
“ลี่อิน นี่ก็ไม่เช้าแล้ว กลับไปพักเถอะ”
เมิ่งลี่อินวางจอกชาในมือลงอย่างรีบร้อน นางก้มหน้า พูดรัวเร็ว “ท่านแม่ หากข้าทำอันใดผิดพลาดไปได้โปรดให้อภัยด้วยเจ้าค่ะ รับรองว่าคราวหน้าข้าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก”
เจียงฮูหยินมองดูหญิงสาวที่ใกล้จะลงไปคุกเข่าขออภัยอยู่รอมร่อก็ตกใจจนอุทาน “ลี่อิน ข้าไม่ได้จงใจจะไล่เจ้ากลับเรือน แต่อยากให้เจ้ากลับไปพักจริง ๆ สีหน้าเจ้าไม่ดีเอาเสียเลย คงจะพักผ่อนไม่พอสะสม ยังไงก็กลับไปพักเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ก็ยังไม่สาย”
“ท่านแม่ ข้า...”
เมิ่งลี่อินลังเลเล็กน้อย นางรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวอยู่มากจริง ๆ แต่การมาคารวะพ่อแม่สามีก็เป็นสิ่งที่ห้ามสายหรือห้ามหาข้ออ้างไม่มาโดยเด็ดขาด แต่งเข้าสกุลผู้อื่น นอกจากสามีแล้วก็ยังมีพ่อแม่สามีที่จำเป็นต้องนอบน้อม เมิ่งลี่อินมั่นใจว่าตนเองมิได้กระทำการผิดมารยาทระหว่างมื้ออาหาร แต่ก็กลัวว่าท่าทีนิ่งเงียบของนางจะไม่เป็นที่ชื่นชอบจากนายท่านกู้และเจียงฮูหยิน
ลูกสะใภ้มีท่าทางเช่นนี้มีหรือท่านพ่อสามีจะยังใจดำได้ไหว เขาวางจอกชาลง เอ่ยช้า ๆ “ลี่อิน เจ้าทำตามที่ท่านแม่ว่าเถอะ เมื่อวานเป็นงานแต่ง ต้องตื่นมาเตรียมตัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ทั้งเมื่อคืนยังเกิดเรื่องขึ้นมา เจ้าคงยังไม่ได้พักผ่อนดี ๆ สักที ถือโอกาสนี้กลับไปนอนเอาแรง หากไม่สบายใจ ตอนเย็นค่อยมาคารวะใหม่เถอะ”
เมื่อเป็นเช่นนี้เมิ่งลี่อินก็ไม่คัดค้านอีก นางหยัดกายลุกขึ้นยืน โค้งศีรษะยอบกาย “เช่นนั้นลูกขอตัวก่อนนะเจ้าคะ ตอนเย็นจะมาคารวะท่านแม่กับท่านพ่อใหม่เจ้าค่ะ”
เจียงฮูหยินยิ้มอย่างใจดี “ไปเถอะ นอนให้มาก ๆ หน่อย”
เมิ่งลี่อินก้าวเท้าออกจากศาลาริมสระ นางหมุนกายหายลับไปจากริมทางเดินได้ไม่เท่าไหร่กู้ชางที่อยู่ในสภาพง่วงงุนก็เดินมาจากอีกทาง ร่างสูงโปร่งมิได้สวมเสื้อคลุมให้เรียบร้อยจนเผยให้เห็นผิวกายที่มีรอยเล็บประดับ สาวใช้ที่เดินอยู่ด้านหลังเหลือบมองก็เอาแต่หน้าแดงก่ำขวยเขิน มือไม้อ่อนเกือบจะล้มลงเรียกคุณชายกู้ประเดี๋ยวนั้น
เจียงฮูหยินวางจอกชาลงช้า ๆ ใบหน้าไร้รอยยิ้มแตกต่างจากตอนอยู่กับลูกสะใภ้อยู่มาก กระทั่งตอนที่บุตรชายทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ห่างออกไปแค่หนึ่งช่วงแขนนางก็ยังไม่เอ่ยปากพูดอันใด นายท่านกู้เบนสายตามองภรรยาครู่หนึ่งก่อนเก็บสายตากลับ เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อน
“เจ้าให้คนไปตามสืบเรื่องลี่จูหรือยัง”
ได้ยินชื่อนางในดวงใจกู้ชางก็นั่งหลังตรง ท่าทางเปลี่ยนไปในทันที “ให้คนออกไปตามหาตั้งแต่เช้าแล้วขอรับท่านพ่อ”
“อืม ได้ความว่าอย่างไรบ้าง”
“ตอนนี้ยังไม่มีรายงานขอรับ”
“อ้อ” กู้เจี้ยนหยางหยิบขนมว่างขึ้นใส่ปาก ถามต่อ “แล้วบันทึกเข้าออกเมืองเล่า เจ้าไม่ได้ให้คนไปตรวจหรือ”
กู้ชางถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน สีหน้าย่ำแย่ “ข้าให้คนไปถามแล้วขอรับ แต่ถามอย่างไรก็ไม่ได้ความเลยให้คนกระจายหาตามชานเมือง เกรงว่านางคงจะเสียใจมากแต่ไม่กล้าออกนอกประตู คงจะหลบอยู่แถวนั้นขอรับ”
เจียงฮูหยินนั่งฟังสองพ่อลูกได้ครู่ใหญ่ก็ลดจอกชาในมือลง นางหันหน้ามองบุตรชาย น้ำเสียงจริงจัง “กู้ชาง แม่รู้ว่าเจ้าชอบพอลี่จูมาเนิ่นนาน งานมงคลนี้แม้ลี่อินจะบอกว่าเป็นนางที่ลงมือสับเปลี่ยนเองแต่อย่างไรนางก็แต่งเข้าด้วยฐานะฮูหยินใหญ่ เจ้าจับสาวใช้นางขึ้นเป็นอนุตั้งแต่วันแรกที่นางแต่งเข้า เหตุใดถึงทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้”
กู้ชางเป็นคนอารมณ์ร้อน แม้จะรับการตำหนิจากบิดามารดาได้แต่ก็ต้องเป็นเรื่องที่เขามั่นใจว่าตนเองไม่ผิดเท่านั้น เรื่องนี้ก็เช่นกัน เขาดวงตาแดงก่ำ ไม่ยินยอมอย่างถึงที่สุด
“ท่านแม่ นางแย่งงานมงคลของพี่สาว ทำเอาจูเอ๋อร์หนีเตลิดหายไปเป็นครึ่งค่อนวันยังตามไม่เจอ ลูกชังน้ำหน้านางเสียจนอยากจะจับโยนออกจากเรือนตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ไล่นางไปแล้วอย่างไร นางก็แค่ร้องไห้เสียใจ แต่ไม่มีทางสัมผัสความรู้สึกสิ้นหวังของจูเอ๋อร์ได้แน่ ลูกจะทำให้นางรู้ว่าลูกหาใช่คนโง่ให้นางหลอก อีกทั้งสกุลกู้ก็ไม่ใช่สถานที่ที่นางจะเดินเล่นประหนึ่งบ้านตนเองได้เช่นกัน”
เจียงฮูหยินอ้าปากทว่าไม่ได้พูดอะไรต่อ อย่างไรเรื่องที่นางและสามีสงสัยว่าเมิ่งลี่อินถูกบงการก็ไม่มีหลักฐานแน่ชัด บุตรชายเป็นพวกรักแรงเกลียดแรง ตอนนี้เขากำลังผิดหวังเสียใจเรื่องหญิงคนรัก ไม่มีทางฟังคำของบิดามารดาแน่ หากยังฝืนพูดก็จะเป็นการทำให้ผิดใจกันเสียเปล่า ๆ เช่นนั้นก็ไม่พูดแล้วกัน
กู้เจี้ยนหยางส่ายหน้าอย่างปลดปลง บุรุษไม่อาจก้าวข้ามสาวงาม ไม่คิดว่าบุตรชายเขาก็จะเป็นเช่นกัน
“เจ้ากลับไปเถอะ ข้าให้ลี่อินกลับไปแล้ว น่าจะกลับไปเรือนใหญ่”
กู้ชางรับคำท่านพ่อก่อนเดินจากไป อันที่จริงกู้เจี้ยนหยางกับเจียงฮูหยินสมควรจะอยู่เรือนใหญ่มากกว่า แต่เพราะอีกไม่นานกู้เจี้ยนหยางก็จะส่งต่องานทั้งหมดให้กู้ชางแล้วเขาจึงถือโอกาสส่งมอบเรือนใหญ่ให้บุตรชายไปเลย ส่วนเขาและภรรยาย้ายมาอยู่เรือนทางตะวันตก แม้จะเล็กกว่าแต่ก็ยังมีบ่าวไพร่ให้เรียกใช้ไม่ขาด ไม่ได้ลำบากอะไรปานนั้น