บทที่ 11 ทำอะไรก็ไม่ถูกใจ
กู้ชางเดินออกจากเรือนบิดาก็ตรงกลับไปที่เรือนใหญ่ เขาผลักประตูเรือนเข้าไปเห็นภรรยากำลังจะเอนหลังนอนก็หงุดหงิดงุ่นง่านขึ้นมา ตรงเข้าไปกระชากท่อนแขนเรียวบางให้ลุกขึ้น
“เจ้าจะนอน? นอนทำไม แต่งเข้ามาแล้วตั้งใจจะขี้เกียจไม่ทำการทำงานรึ? บอกเจ้าไว้ตรงนี้เลยว่าพวกข้าสกุลกู้ไม่เลี้ยงคนไร้ประโยชน์ หากตั้งใจจะนอนใช้ชีวิตเปล่า ๆ ก็กลับไปคฤหาสน์สกุลเมิ่ง เสีย!”
เมิ่งลี่อินวันก่อนก็นั่งคุกเข่าทั้งคืน ไม่ได้ปิดตานอนสักเค่อเดียว ต่อมายังถูกลากไปแต่งตัว ไหนจะงานพิธี ไหนจะคืนเข้าหอที่เจ็บปวดนั่นอีก ข้าวมื้อแรกเพิ่งตกถึงท้องเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน นางยังไม่ทันได้หลับตาพักผ่อนก็ถูกลากออกมาอีกแล้ว
เมิ่งลี่อินทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย นางฝืนยกยิ้ม เอ่ยเสียงเบา “ท่านจะให้ข้าทำอะไร?”
กู้ชางสะบัดมือออกอย่างรังเกียจ กล่าวเสียงดัง “ข้าจะออกไปตามหาจูเอ๋อร์ ไปเตรียมของให้ข้า”
“เตรียมของ? ท่านต้องให้ข้าเตรียมอันใดบ้าง”
“เรื่องแค่นี้ก็ยังต้องถามอีก งานสาวใช้ง่าย ๆ แค่นี้เจ้าก็ทำไม่เป็น? เมิ่งลี่อิน นอกจากหน้าหนาแย่งงานมงคลของพี่สาวแล้วเจ้าทำอันใดเป็นบ้าง!”
เมิ่งลี่อินถูกเขาต่อว่าจนหน้าชาไปทั้งแถบ นางเลื่อนมือวางประสานตรงหน้าท้อง ค่อย ๆ ค้อมศีรษะลง “ข้าจะเตรียมให้เจ้าค่ะ”
กู้ชางได้สมใจแล้วก็เรียกหาน้ำอาบเสียลั่นเรือน ส่วนภรรยาที่ถูกทิ้งไว้ในห้องนอนเขาไม่ได้สนใจสักนิดเดียว เมิ่งลี่อินหันรีหันขวางอย่างทำตัวไม่ถูก นางเพิ่งจะแต่งเข้ามาเมื่อวาน อีกทั้งยังไม่มีโอกาสเดินสำรวจเรือนใหญ่ให้ถี่ถ้วนสักคราหนึ่งจึงไม่รู้ว่าปกติแล้วกู้ชางต้องมีอันใดติดตัวไปบ้าง
นางขยับเท้าไปด้านหน้า เห็นสาวใช้สองคนก้ม ๆ เงย ๆ ปัดกวาดตั่งไม้ก็เอ่ยปากถาม “เจ้าน่ะ ใช่ เจ้านั่นแหละ รู้หรือไม่ปกติยามออกไปด้านนอกคุณชายกู้ต้องใช้สิ่งใดบ้าง”
สาวใช้เรือนใหญ่ต่างรู้เรื่องที่กู้ชางไม่ชอบหน้าภรรยาตนเองหมดแล้ว แม้เมิ่งลี่อินจะไต่ถามอย่างมีมารยาทสาวใช้นางนั้นก็เท้าเอวจิปากอย่างไม่พอใจ “เรื่องนี้จะถามบ่าวได้อย่างไรเจ้าคะ ฮูหยินเป็นภรรยาของคุณชายย่อมต้องรู้ดีกว่าบ่าวไพร่อยู่แล้ว หรือฮูหยินตั้งใจจะกวนไม่ให้ข้าทำงานเจ้าคะ!”
“คิก ลู่ลู่ เจ้าก็อย่าไปต่อว่าฮูหยินเช่นนั้นเลย นางไม่รู้เรื่องสักหน่อย เราสอนนางดีหรือไม่”
ลู่ลู่เชิดหน้าอย่างเหนือกว่า ปรายตามองฮูหยินของคุณชายอย่างเหยียดหยาม “ให้สอนฮูหยินหรือ ข้าไม่กล้าหรอก หากออกตัวสอนจนเสร็จสิ้นก็คงถูกขายทิ้งน่ะสิ! เจ้าอย่าลืมไป นางกล้ากระทั่งแย่งบุรุษจากพี่สาว กับสาวใช้ตัวเล็ก ๆ อย่างพวกเรานางต้องกล้ามากกว่านี้แน่”
เมิ่งลี่อินเม้มริมฝีปากแน่น นางไม่กล้าโวยวายด้วยกลัวว่าหากกู้ชางรู้เข้าเขาจะยิ่งต่อว่าหนักกว่าเก่า เมื่อไม่มีใครช่วยทั้งยังไม่มีใครเห็นหัวก็ได้แต่เดินวนรอบเรือนใหญ่อยู่นานสองนานกว่าจะได้ของที่ต้องการ เมิ่งลี่อินไม่รู้ว่ากู้ชางจำต้องใช้อันใดบ้าง นางแค่สั่งให้คนเตรียมรถม้าให้ หยิบถุงเงิน หยกพกและเข็มขัดกับชุดมาวางรอ
กว่านางจะกลับมาสามีก็อาบน้ำเสร็จไปนานแล้ว เขานั่งอยู่บนเตียงกอดอกมองของที่นางเตรียมไว้ให้อย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าทำได้แค่นี้?”
เมิ่งลี่อินปั้นสีหน้าให้ดูยิ้มแย้ม น้ำเสียงอ่อนฟังแล้วไม่ต่างจากยามมารดาพูดคุยกับลูกน้อย “ข้าไม่รู้ว่าท่านต้องใช้อันใดบ้าง จึงเอามาแค่นี้เจ้าค่ะ หากต้องการสิ่งไหนเพิ่ม ท่านบอกกล่าวข้าได้เลย”
กู้ชางแค่นเสียง เขาปัดของที่นางวางเรียงไว้อย่างสวยงามจนมันตกกระทบพื้นเสียงดัง ร่างสูงโปร่งเดินไปห้องข้าง ไม่วายกล่าวย้ำเสียงหนัก “หากเจ้ามีปัญญาทำแค่นี้ก็กลับไปอยู่คฤหาสน์สกุลเมิ่ง ไม่ต้องมาเสนอหน้าอยู่ที่นี่!”
เมิ่งลี่อินถูกเขาต่อว่าต่อหน้าสาวใช้ไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ของวัน แม้จะพยายามทำใจให้ชินมากสักเท่าใดแต่ก็ไม่อาจระงับอารมณ์ดิ่งในใจได้ ยิ่งสาวใช้พวกนั้นพากันป้องปากหัวเราะคิกคักก็ยิ่งทำให้เมิ่งลี่อินรู้สึกคล้ายตนเองถูกจับเปลื้องผ้าล่อนจ้อนแล้วถูกโยนลงกลางฝูงหมาป่า ให้พวกมันใช้สายตามุ่งร้ายมองทะลุไปยังเบื้องลึกจิตใจนาง
เขาหายไปเกือบหนึ่งเค่อ ส่วนนางเมื่อไม่มีคำอนุญาตก็ไม่กล้าเดินกลับไปนอนตามใจชอบ จวบจนกู้ชางในชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มเดินกลับออกมาพร้อมกับของที่นางไม่ได้เตรียมไว้ให้ เมิ่งลี่อินก็รีบหลุบสายตามองพื้น กู้ชางมองภรรยาที่แสร้งทำเป็นถูกกระทำก็รำคาญจนจิปาก
“เจ้าแสดงงิ้วให้ใครดู ที่นี่ไม่มีใครสงสารหรอกนะ”
กล่าวจบเขาก็เดินจากไป เมิ่งลี่อินบีบมือแน่นบังคับให้ตนเองเงยหน้ามองแผ่นหลังกว้างของสามี นางกวาดสายตามองเร็ว ๆ ครั้งหนึ่ง จดจำรายละเอียดทั้งหมดไว้ในใจ หากคราวหน้าเขาต้องการให้นางเตรียมของออกไปด้านนอกให้อีก นางไม่มีทางผิดพลาดแน่