บทที่ 5 พิธีแต่งงาน
ขบวนเจ้าสาวจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ สินสอดมากมายก่ายกองไหนจะสินเดิมที่บ้านฝ่ายหญิงจัดมาให้ก็มากมายหลายหีบเสียจนชาวบ้านที่ออกมามุงดูรับความมงคลถึงกับตาลาย ด้านหน้าขบวนรับเจ้าสาวเป็นคุณชายเพียงผู้เดียวของสกุลกู้ กู้ชาง เขานั่งอยู่บนหลังม้าตัวใหญ่ แม้จะพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้แสดงออกมากจนเกินไปแต่หากใครมีตาก็จะมองเห็นถึงความสุขที่อาบย้อมไปทั่วร่างเขา
หญิงสาวที่ออกมาร่วมชมถึงกับทอดถอนใจด้วยความเสียดาย คุณชายกู้ผู้นี้ตั้งแต่เด็กก็เอาแต่รักมั่นอยู่กับแม่นางเมิ่งผู้นั้น ต่อมาแม้จะมีสาวใช้ทงฟางอยู่หนึ่งคนแต่ก็เพื่อปลดปล่อยอารมณ์เท่านั้น หลังจากนายท่านเมิ่งตกปากรับคำกู้ชางก็ให้สาวใช้ทงฟางออกไปอยู่ที่อื่น เขาไม่ได้ใจดำอันใด ตอนที่สาวใช้มาคุกเข่าลาก็ยังให้เงินทองนางไปตั้งมาก
หลังจากวันสู่ขอกว่าจะถึงวันแต่งงานก็หลายเดือน เป็นหลายเดือนที่กู้ชางอดทนอดกลั้นมาโดยตลอด เขารักถนอมลี่จูปานดวงใจ ไม่มีทางทำให้นางช้ำใจแน่
ขบวนเจ้าสาวยิ่งเข้าใกล้คฤหาสน์สกุลกู้มากเท่าใดก็ยิ่งได้ยินเสียงคนออกมาอวยพรแสดงความยินดี เสียงพวกนั้นดังผ่านหูตกกระทบที่ใจจนเจ็บแปลบ เมิ่งลี่อินใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด มือประสานอยู่บนตักเดี๋ยวบีบเดี๋ยวคลายดวงตามีแววกังวลอย่างคนคิดไม่ตก
นางไม่อยากแอบอ้างแต่งงานเช่นนี้ แต่หากไม่แต่งงานแล้วมารดาของนางเล่า จะทำเช่นไร?
เมิ่งลี่อินลังเลใจอยู่นานจนไม่ทันสังเกตว่าขบวนส่งตัวเจ้าสาวหยุดลงแล้ว ตอนที่ผ้าคลุมเกี้ยวตลบเปิดออกนางก็ถึงกับผงะไปด้านข้างอย่างตกใจ กระทั่งเห็นฝ่ามือหนายื่นมาตรงหน้า ถึงได้เข้าใจว่าตอนนี้นางกับคุณชายกู้กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานแล้ว
กู้ชางระงับอารมณ์ตื่นเต้นของตนเอง กล่าวเสียงอ่อน “จูเอ๋อร์ ลงมาเถอะ ข้าสัญญาจะไม่ทำให้เจ้าสะดุดล้มต่อหน้าผู้อื่นแน่นอน”
หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น นางอยากจะโยนมงกุฏหงส์หนาหนักทิ้งแล้วตะโกนความจริงออกไปเสียเหลือเกิน ทว่าหากทำแบบนั้น ท่านแม่ก็คง...
เมิ่งลี่อินวางมือลงไปช้า ๆ พยายามอย่างมากที่จะควบคุมไม่ให้มันสั่น นางก้าวเท้าลงจากเกี้ยวตามการประคองของเจ้าบ่าวและเดินตามแม่สื่อก้าวผ่านธรณีประตู เข้าไปยังห้องโถงจัดงานมงคลของบ้านสกุลกู้ ผ้าคลุมหน้าสีแดงฉานหนาถึงสามชั้น เมิ่งลี่อินมองเห็นภายนอกเพียงเลือนรางส่วนคนอื่น ๆ ก็มองไม่เห็นใบหน้าเจ้าสาวเช่นกัน
“บ่าวสาวโค้งคำนับฟ้าดิน”
เมิ่งลี่อินหัวใจเย็นเยียบ ค่อย ๆ โค้งศีรษะลง
“บ่าวสาวคำนับบิดามารดา”
ที่ตรงนั้นหาใช่สืออี๋เหนียง แต่เป็นสุ่ยฮุ่ยหลิง เมิ่งลี่อินโค้งคำนับอย่างคับแค้นใจ
“บ่าวสาวคำนับสามีภรรยา”
กู้ชางผินตัวมองภรรยาด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข เขาค้อมศีรษะลงต่ำ ต่ำเท่าที่จะสามารถทำได้ เป็นการให้เกียรตินางอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าใครที่ได้เห็นภาพนี้ก็พากันออกปากชมถึงความจริงใจของคุณชายกู้และความโชคดีของคุณหนูเมิ่ง
เมิ่งลี่อินจำไม่ได้แล้วว่าหลังจากนั้นเกิดอันใดขึ้นบ้าง นางคล้ายได้ยินเสียงคำอวยพรของแขกเหรื่อไกล ๆ จากนั้นก็ถูกประคองเดินไปยังเรือนหลัง ถูกจับให้นั่งรออยู่ในห้องหอที่สกุลกู้เตรียมไว้ เมิ่งลี่อินเป็นเพียงบุตรอนุ นางไม่มีสาวใช้ติดตาม สุ่ยซื่อกลัวว่าผู้อื่นจะจับพิรุธได้จึงรีบยัดสาวใช้จากเรือนลี่จูมาหลายคน
แต่สาวใช้พวกนั้นล่วงรู้ความลับอยู่แต่ก่อนแล้ว หลังพ้นสายตาผู้คนก็ผลักร่างเจ้าสาวออกอย่างรังเกียจ กระทั่งสายตายังมีแต่ความดูถูกฉายชัดอยู่เต็ม
“หึ ก็แค่บุตรอนุ”
“พี่ฟางอย่าได้โมโหเพราะนางไปเลย เราไปแอบดูตรงนั้นดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าเห็นบุรุษหน้าตาดีหลายคนเชียว”
สาวใช้คนนั้นชื่อฟางหลี่ เดิมทีเป็นสาวใช้ขั้นสองของเมิ่งลี่จู แต่หลังจากทำงานผิดพลาดจึงถูกไล่ไปทำงานปัดกวาดเช็ดถูเพิ่งจะได้กลับมามีหน้ามีตาก็ตอนที่สุ่ยซื่อเลื่อนขั้นเป็นสาวใช้ขั้นหนึ่งและส่งนางมากับเมิ่งลี่อิน
ฟางหลี่ไม่คิดจะทำตัวเป็นสาวใช้ผู้ซื่อสัตย์อยู่แล้ว ในใจนางเมิ่งลี่อินยังสู้สาวใช้ขั้นสามไม่ได้ด้วยซ้ำไป อย่างไรสาวใช้ขั้นสามก็พอมีเงินเก็บ แต่กับบุตรอนุจน ๆ ผู้หนึ่งแม้แต่กำไลเงินหรือต่างหูผีเสื้อก็คงไม่มีตกรางวัลให้นาง
ไม่มีเงินก็ไม่ควรรับใช้ ฟางหลี่จึงสะบัดหน้าเดินหนีออกไปทันที
เมิ่งลี่อินได้ยินเสียงบทสนทนานั้นชัดเจน นางอยากจะพูดขออะไรบางอย่างแต่ก็ไม่กล้าได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนไว้ เมื่อคืนเกิดเรื่องมากมายปานนั้นใครจะยังมาสนใจอีกว่านางและท่านแม่ยังมิได้ทานข้าวเย็น นั่งอยู่ในห้องหนังสือท่านพ่อจนถึงเช้าก็ถูกจับยัดเข้าเรือนเมิ่งลี่จู ยังไม่ทันได้หาอะไรรองท้องก็ถูกพามาบ้านสกุลกู้แล้ว
เมิ่งลี่อินอดข้าวมาหนึ่งคืนกับอีกหนึ่งวันเต็ม ๆ นางหิวจนแสบท้องไปหมด อยากจะได้น้ำชาสักกาบรรเทาความหิวก็ไม่กล้าออกปาก ทั้งยิ่งไม่กล้าเปิดผ้าคลุมหน้า ด้วยกลัวว่าแผนที่สุ่ยซื่อสั่งไว้จะผิดพลาดแล้วเกิดผลกระทบต่อมารดา
หญิงสาวนั่งอยู่บนเตียงอย่างหมิ่นเหม่ นางกุมท้องอย่างทรมานทว่าไม่ปริปากแม้แต่ครึ่งคำ
ทนหิวแค่นี้นางทนได้อยู่แล้ว ขอแค่ท่านแม่มีชีวิตรอด นางย่อมทนได้ทั้งนั้น
เมิ่งลี่อินหลุบสายตามองเปลวเทียนวูบไหวข้างมือ พลันเกิดสงสัยขึ้นมาว่าชีวิตนางหลังจากนี้จะเป็นเช่นไร