บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 แก้แค้นสิบปีก็ยังไม่สาย

สุ่ยซื่อมิได้สนใจท่าทีของลูกเลี้ยงเลยสักนิด นางประคองเมิ่งลี่อินเดินไปทางหน้าเรือน ทว่าในตอนที่เมิ่งลี่อินกำลังจะก้าวเท้า สุ่ยซื่อกลับบีบมือนางแน่น แน่นถึงขนาดที่นางรู้สึกเจ็บจนต้องนิ่วหน้า เมิ่งลี่อินเบนสายตามองท่านแม่ใหญ่แต่เพราะผ้าคลุมหน้านางหนาจนเกินไป แม้แต่แววตาคมปลาบก็ยังมองไม่ออก

“เจ้าแต่งเข้าไปแล้วต้องบอกคนสกุลกู้ว่าเป็นเจ้าที่หลงรักกู้ชางจนทนไม่ไหว เลยแอบสลับตัวเจ้าสาวโดยไม่ได้บอกใคร” สุ่ยฮุ่ยหลิงน้ำเสียงแข็งกระด้าง “ส่วนพี่สาวเจ้าทนรับความเสียใจไม่ได้เลยหนีไปแล้ว ตอนนี้คนที่บ้านยังหาไม่เจอ บอกสกุลกู้ไปเช่นนี้แล้วข้าจะไว้ชีวิตมารดาเจ้า”

สืออี๋เหนียงแม้จะเป็นอนุจืดชืดไร้ตัวตน ทว่าแต่ก่อนนางเป็นสาวใช้อยู่ในเรือนสุ่ยซื่อมาก่อน มิใช่สาวใช้ขั้นหนึ่งแต่เป็นเพียงสาวใช้ขั้นสามที่ไม่สลักสำคัญอันใด วัน ๆ หากไม่ใช่ทำงานปัดกวาดเช็ดถูก็มักจะรับหน้าที่เฝ้าเรือนในยามค่ำคืน แต่เพราะวันนั้นนายท่านเมิ่งมึนเมาเสียจนไร้สติ คว้าแขนสืออี๋เหนียงได้ก็จับนางเข้าห้องข้าง มีสัมพันธ์ล้ำลึกในเรือนฮูหยินใหญ่เช่นนั้นเอง

สุ่ยฮุ่ยหลิงมิได้สนใจว่าสามีจะมีอนุกี่มากน้อย เขาจะนอนกกสาวใช้ทงฟางก็เรื่องของเขา แต่ต้องมิใช่มีสัมพันธ์กับหญิงอื่นในเรือนนาง หลังจากนั้นแม้สืออี๋เหนียงจะเลื่อนขั้นเป็นอนุแต่ก็มีความเป็นอยู่ย่ำแย่ กระทั่งสาวใช้ขั้นหนึ่งยังมีเงินทองมากกว่านางเสียอีก

สุ่ยฮุ่ยหลิงจงเกลียดจงชังสืออี๋เหนียงมาตลอด เพียงแต่สืออี๋เหนียงเจียมเนื้อเจียมตนยิ่ง หลังคารวะฮูหยินใหญ่ในตอนเช้าก็ไม่เคยรั้งรออยู่พบนายท่าน กลับถึงเรือนก็ปิดประตูเงียบไม่ออกมาข้องแวะผู้ใด ไม่เรียกร้อง ไม่ครวญหา ใช้ชีวิตประหนึ่งคนตาย ท้ายที่สุดสุ่ยซื่อก็โยนความแค้นแต่ปางก่อนทิ้งไปได้

เพียงแต่โยนทิ้งไปได้ก็เก็บขึ้นมาได้เช่นกัน

วันนี้มีโอกาสเหยียบย่ำสืออี๋เหนียงและบุตรสาว มีหรือที่สุ่ยฮุ่ยหลิงจะยอมรามือ

เมิ่งลี่อินได้ฟังประโยคนั้นร่างก็ชาวาบ มือที่วางอยู่หน้าท้องสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม ในดวงตากลมโตมีน้ำฉาบทับจวนเจียนจะหยดอยู่รอมร่อ นางรู้มาตั้งแต่เด็กว่าแม่ใหญ่ไม่ค่อยพอใจตนนักแต่ก็มิได้รู้สึกต่ำต้อยอันใด นางเข้าใจสถานะตนเองดีจึงพยายามไม่สร้างเรื่องมาโดยตลอด

มิคิดว่าผลพวงจากการใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังจะเป็นการยื่นมีดใส่มือสุ่ยฮุ่ยหลิงเช่นนี้

แม่ใหญ่ต้องการให้นางบอกคนสกุลกู้ไปเช่นนั้น แล้วชีวิตที่เหลือของนางจะเป็นอย่างไร?

กล่าวกับกู้ชางที่เอ่ยปากสู่ขอเมิ่งลี่จูด้วยตนเองว่านางหลงรักเขามาก จึงแย่งงานมงคลมาจากพี่สาว บอกแก่คนสกุลกู้ว่าพี่สาวเสียใจจนเตลิดหนีหายตอนนี้ยังตามไม่เจอ

ให้นางกลายเป็นปีศาจร้ายในสายตาผู้อื่น ส่วนพี่สาวก็กลายเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างนั้นหรือ?

แม่ใหญ่ช่างโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว

“ไม่พอใจ?” สุ่ยฮุ่ยหลิงหัวเราะเสียงเบา ทำท่าเหมือนขบขันเสียเต็มประดา “ไม่พอใจแล้วอย่างไร ชีวิตมารดาเจ้าอยู่ในกำมือข้า จะกระทำสิ่งใดก็คิดให้ดีเถอะ หากมีข่าวลี่จูหลุดออกมา เจ้าก็ไปตามหาร่างไร้วิญญาณที่สุสานไร้ญาติเองแล้วกัน!”

คำขู่นั่นทำเอาคำพูดทั้งหมดถูกกลืนลงท้อง เมิ่งลี่อินเม้มริมฝีปากแน่น นางเชิดหน้าก้าวเท้าออกจากเรือนนอนของพี่สาว แม้จะมองไม่เห็นเจ้าบ่าวแต่ยังได้ยินเสียงหยอกย้อของสหายคุณชายกู้อยู่ไม่ไกล หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอด นางหมายมั่นไว้ในใจ

แม้อยู่สกุลกู้ชีวิตอาจจะไม่ดีมากนัก แต่อย่างไรก็ต้องดีกว่าที่นี่เป็นแน่!

ขบวนส่งตัวเจ้าสาวเคลื่อนออกไปไกลแล้ว แขกเหรื่อในคฤหาสน์สกุลเมิ่งก็ตามไปชมความครื้นเครงที่คฤหาสน์สกุลกู้เช่นกัน สุ่ยฮุ่ยหลิงยืนถือพัดด้ามจิ๋วอยู่ข้างหน้าต่าง สายตานางทอดมองออกไปไกล พักใหญ่กว่าจะมีคนแอบเดินเข้ามาหา

“เรียนฮูหยินใหญ่ คุณหนูใหญ่เดินทางถึงเมืองหลวงแล้วเจ้าค่ะ เมื่อเช้าเพิ่งมีขุนนางขั้นห้ามารับไป ถึงจะได้เป็นเพียงฮูหยินรอง แต่ข้าได้ถ่ายทอดคำพูดไว้หมดแล้วเจ้าค่ะ”

สุ่ยฮุ่ยหลิงเผยรอยยิ้มสมใจ นางพยักหน้า “เจ้าออกไปได้แล้ว”

ที่แท้เมิ่งลี่จูก็ไม่ได้แอบหนีไปแต่เป็นสุ่ยฮุ่ยหลิงมารดาแท้ ๆ ที่ช่วยหนีไปต่างหาก!

ตั้งแต่ต้นก็เป็นสุ่ยซื่อที่เอาแต่กรอกหูบุตรสาว นางคิดอยู่เสมอว่าการแต่งให้พ่อค้าไม่มีอันใดดีสักอย่าง มีเงินมากแล้วอย่างไร พ่อค้าพวกนี้เอะอะก็ใช้เงินหากใช้เงินไม่ได้ก็ใช้กำลัง ช่างป่าเถื่อนสิ้นดี จะสู้พวกขุนนางในเมืองหลวงได้อย่างไรกัน ดังนั้นตอนที่สุ่ยซื่อรู้เรื่องระหว่างเมิ่งลี่จูและกู้ชางทางหนึ่งนางเป่าหูให้บุตรสาวทำตัวมีใจให้เขา อีกทางหนึ่งก็เป่าหูเรื่องขุนนางและความมีเกียรติมียศต่าง ๆ

สุ่ยฮุ่ยหลิงมิหวังว่าบุตรสาวจะได้เป็นถึงนางสนมหรือชายารองอันใดเทือกนั้น แค่เป็นฮูหยินตราตั้งของขุนนางสักจวนก็สบายไปทั้งชาติแล้ว นางอุตส่าห์เฝ้าหาวิธีเหมาะ ๆ ในการส่งบุตรสาวเข้าเมืองหลวงไหนเลยจะคาดคิดว่าคุณชายกู้ผู้นั้นจะรักมั่นถึงปานนี้ เขาถึงขั้นตรงมาสู่ขอด้วยตนเอง จริงใจเสียจนนายท่านเมิ่งน้ำตาไหลรีบตกปากรับคำ

อย่างไรก็ตกปากรับหมั้นไปแล้ว จะกลับคำก็คงไม่ได้ สุ่ยฮุ่ยหลิงมิยอมให้บุตรสาวเป็นเพียงฮูหยินเอกของตระกูลพ่อค้านางจึงวางแผนนี้มาโดยตลอด และเมิ่งลี่จูก็เห็นด้วยเช่นกัน

เพราะฉะนั้นตอนที่เมิ่งลี่จูอ้างว่าต้องเก็บตัวไม่พบหน้าผู้คนเจ็ดวันก่อนงานแต่ง ที่แท้นางได้แอบออกจากเมืองตรงไปยังเมืองหลวงตั้งแต่คืนแรก สุ่ยซื่อปิดบังเรื่องนี้มาโดยตลอด กระทั่งถึงคืนก่อนแต่งงานถึงได้ทำทีว่าบุตรสาวหนีหายไป

ฮูหยินใหญ่เบนสายตาไปทางแมกไม้ทิศตะวันตก หลังสวนงดงามมีเรือนหลังเล็กเบียดเสียดตั้งอยู่ ที่ตรงกลางเป็นเรือนของสืออี๋เหนียงที่นางไล่ไปตั้งแต่หลายสิบปีก่อน มิคิดว่าผ่านมานานถึงขนาดนี้จะยังมีหนทางเอาคืน

สุ่ยฮุ่ยหลิงหัวเราะเสียงเบา

“พวกตัวโง่งม”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel