บทที่ 3 ตัวแทน
“ฮูหยิน ข้าสั่งสอนให้ลี่อินเชื่อฟังท่านเสมอมาเจ้าค่ะ เพียงแต่เรื่องในครั้งนี้ข้าไม่สามารถส่งบุตรสาวออกไปได้จริง ๆ คุณชายกู้รักมั่นต่อคุณหนูใหญ่มาตั้งแต่วัยเยาว์ หากส่งลี่อินไปแต่งแทนเขาจะต้องโมโหมากแน่ ๆ ถึงตอนนั้นใครเลยจะรู้ว่าสกุลกู้จะลงมือเช่นไร อาจจะตัดเส้นทางนายท่านก็ได้นะเจ้าคะ”
สุ่ยซื่อแค่นหัวเราะ ดวงตานางเป็นประกายวาววับคล้ายอสรพิษยามจับจ้องเหยื่อ “ตัดเส้นทาง? พวกมันมีหนึ่ง แต่สกุลเมิ่งมีสกุลสุ่ย เช่นนี้กู้ชางจะทำอันใดได้? เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุไม่เท่าไหร่ จะเก่งกล้าสามารถถึงขั้นงัดข้อกับพี่ชายข้าได้รึ ไม่มีทาง!”
ฮูหยินใหญ่วาดมือกรีดพัดด้ามจิ๋ว นางยกขึ้นปิดบังรอยยิ้มสมใจของตนเอง “สืออี๋เหนียง งานมงคลครั้งนี้เป็นเจ้ากับบุตรสาวเสียอีกที่ได้เปรียบ ฝั่งนั้นเป็นถึงคุณชายเพียงคนเดียวแห่งบ้านสกุลกู้ ส่วนลี่อินเป็นเพียงคุณหนูสามบุตรอนุเท่านั้น แต่งเข้าเป็นภรรยาเอกอย่างไรก็ยกระดับฐานะนางเห็น ๆ หรือเจ้าไม่พอใจคุณชายกู้ ตั้งใจจะทำลายอนาคตท่านพี่?”
คำพูดประโยคนี้ของฮูหยินใหญ่กล่าวเกินไปจริง ๆ ลำพังแค่เมิ่งลี่อินจะอาศัยอันใดทำลายอนาคตเมิ่งจงได้ อีกอย่าง การที่เมิ่งลี่จูหนีไปก็มิใช่ความผิดคุณหนูสามเลยสักนิด นางก็แค่อยู่ผิดที่ผิดเวลา ถูกจับเป็นที่ระบายโทสะก็เท่านั้น
เมิ่งจงตอนแรกยังนึกเข้าข้างสองแม่ลูกอยู่บ้าง ครั้นได้ยินคำพูดใส่ไคล้ของสุ่ยซื่อเข้าไปก็เริ่มไม่เบิกบาน เขาก้าวฉับ ๆ มาตรงหน้า ยกมือขึ้นฟาดลงบนแก้มสืออี๋เหนียงเต็มแรงจนนางล้มฮวบลงกับพื้น
“ท่านแม่!”
เมิ่งลี่อินตกใจจนโผเข้าไปหามารดาตนเอง แต่ก็จนใจที่นางนั่งคุกเข่านานเกินไป นานเสียจนแข้งขาไร้ความรู้สึกหมดเรี่ยวแรง ตอนที่ตั้งใจจะรับสืออี๋เหนียงก็ล้มลงไปอีกคน สภาพเอน็จอนาถไม่มีชิ้นดี
เมิ่งจงตาแดงก่ำชี้หน้าสืออี๋เหนียงอย่างโมโห “สืออี๋เหนียง ข้าเคยผิดกับเจ้าหรือไร ตั้งแต่เจ้าตั้งครรภ์ก็ไม่เคยทำให้เจ้าลำบากใจสักครา ต่อมาเจ้าคลอดบุตรสาวให้ข้าก็ไม่เคยต่อว่าที่ไม่ใช่บุตรชาย เลี้ยงดูพวกเจ้าแม่ลูกมาอย่างดี แล้วนี่อันใด เจ้าสั่งสอนให้บุตรสาวอกตัญญูต่อข้าที่เป็นบิดารึ! ก็แค่แต่งงานแทนมันจะมีปัญหาอะไรนักหนา มิใช่ว่าลูกสาวเจ้าเก่งกาจนักหรือไร แต่งออกก็ขยันเอาอกเอาใจพ่อแม่สามี ตามใจสามีให้มาก ๆ เข้าพวกสกุลกู้ก็ลืมแล้ว!”
เมิ่งจงตะโกนลั่น “ไป! ไปตามคนมา! เอาคุณหนูสามไปแต่งตัวรอส่งเจ้าสาว!”
เมิ่งลี่อินเงยหน้าโดยพลัน นางเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านพ่อ... แต่คุณชายกู้-”
สุ่ยซื่อกล่าวเสียงต่ำ “สืออี๋เหนียง บุตรสาวกระด้างกระเดื่องเท่ากับมารดาก็ไม่อาจเก็บไว้ เจ้ารู้ใช่หรือไม่”
ประโยคนั้นทำเอาเมิ่งลี่อินหยุดชะงัก บ้านสกุลเมิ่งมีกฎที่ไม่เหมือนเรือนสกุลอื่น หากบุตรทำเรื่องอกตัญญู ไม่เชื่อฟัง ขัดต่อจารีตประเพณีบุตรคนนั้นจะถูกไล่ออกจากสกุล และมารดาผู้ให้กำเนิดก็ต้องถูกไล่ออกไปด้วย โทษฐานไม่สามารถสั่งสอนบุตรให้ดี
กฎข้อนี้เพิ่งถูกเปลี่ยนเมื่อสองรุ่นก่อน ถ้าบุตรอกตัญญู ให้ขายบุตรออกจากเรือนส่วนมารดาให้โบยจนตาย
โทษทัณฑ์ที่หวังเอาชีวิตเช่นนี้ เมิ่งลี่อินไม่กล้าต่อต้านจริง ๆ
นางหันมองท่านแม่ที่ล้มพับอยู่อีกด้าน หันมองท่านพ่อที่ยังมีสีหน้าโกรธขึงสลับกับมองท่านแม่ใหญ่ที่ยืนยิ้มพรายอยู่ด้านข้าง เมิ่งลี่อินค่อย ๆ ระงับอารมณ์ปั่นป่วนในอก นางพลิกตัวคุกเข่า ค้อมศีรษะลงต่ำจนหน้าผากจรดพื้น
“คำของท่านพ่อและท่านแม่ใหญ่ ลี่อินไม่กล้าไม่เชื่อฟังเจ้าค่ะ”
ขบวนส่งตัวเจ้าสาวเคลื่อนออกจากคฤหาสน์สกุลกู้แล้ว ความครื้นเครงด้านนอกดังลอดเข้ามาถึงเรือนหลังด้านใน เมิ่งลี่อินสวมผ้าคลุมหน้าสีแดงหนาสามชั้น บนศีรษะยังมีมงกุฎหงส์สวมทับไว้อีกทอดหนึ่ง นางหลุบสายตามองมือที่ถูกแต่งแต้มอย่างสวยงาม ในใจพลันหวนคิดถึงเรื่องเมื่อวัยเยาว์ขึ้นมา
เมื่อก่อนท่านพ่อไม่เคยอุ้ม ไม่เคยสั่งสอน ไม่เคยตบตี ไม่เคยโอบกอด เขาเป็นเหมือนบุรุษแปลกหน้าที่นางต้องเรียกว่าท่านพ่อ แม้แต่แม่ใหญ่ก็ไม่มีท่าทีอันใดกับนางทั้งนั้น ตั้งแต่เกิดจวบจนอายุป่านนี้ ทั้งชีวิตของเมิ่งลี่อินมีเพียงท่านแม่สืออี๋เหนียงเพียงผู้เดียว
นางสละความสุขทั้งชีวิตเพื่อท่านแม่ได้
แต่นางทำถึงขนาดนี้แล้ว ท่านแม่ใหญ่จะปล่อยท่านแม่ไปหรือไม่?
ประตูเรือนเปิดออกกว้าง เสียงบานประตูขัดกันดังเสียดหูจนเมิ่งลี่อินหลุดออกจากภวังค์ นางผุดลุกขึ้นยืนตามการประคองของสาวใช้ เพียงครู่เดียวก็รู้สึกถึงฝ่ามือเรียบลื่นเอื้อมจับมือนางไว้
เพียงมองผ่าน ๆ ก็มองออกว่าเป็นมือสุ่ยซื่อ ฝ่ามือฮูหยินใหญ่นุ่มนิ่มไร้รอยสากให้ระคายใจ ช่างแตกต่างจากมือของมารดานางเสียเหลือเกิน สุ่ยซื่อปิดปากสาวใช้ไว้ทั้งหมดแล้ว ตอนที่นางเดินนำบรรดาฮูหยินเข้ามาด้านในเรือน แม้ท่านป้าเหล่านั้นจะเรียกขานนางว่าลี่จูก็ไม่มีสาวใช้คนไหนหลุดพิรุธออกไป
“ข้าอิจฉาฮูหยินใหญ่จริง ๆ บุตรสาวงดงามปานดอกเหมย ทั้งยังแต่งออกไปเป็นฮูหยินเอกที่คฤหาสน์สกุลกู้เรื่องดี ๆ เช่นนี้หากเกิดกับบุตรสาวข้าบ้างคงจะดีไม่น้อย”
สุ่ยซื่อแย้มยิ้มอ่อนจาง ตบหลังมือหญิงสาวอย่างรักใคร่ “ข้าก็ดีใจที่นางได้สามีดี ห่วงก็แต่ว่าจูเอ๋อร์ไม่เคยทำงานหนัก ข้ากับท่านพี่เอาใจจนนางชินเสียแล้ว ไปอยู่ที่คฤหาสน์สกุลกู้อย่างไรก็ไม่เหมือนอยู่บ้านตนเอง กลัวว่านางจะถูกรังแก”
“ฮูหยินใหญ่อย่าได้กังวลใจไปเลย ข้าได้ยินคุณชายกู้ถึงขั้นไล่สาวใช้ทงฟางออกจากเรือนเชียว ดูท่าเขาจะรักลี่จูอยู่มาก”
เมิ่งลี่อินยืนฟังถ้อยคำยกยอปอปั้นอยู่นานกระทั่งมีสาวใช้เข้ามาเรียก กล่าวว่าขบวนส่งตัวเจ้าสาวมาถึงสกุลเมิ่งแล้วท่านป้าพวกนั้นถึงได้ล่าถอยออกไป ลับหลังสายตาจับจ้องของผู้อื่นสุ่ยซื่อก็สะบัดฝ่ามือเรียวบางออกทันที
“สกปรก”
ฮูหยินใหญ่ยืนให้สาวใช้เช็ดมืออย่างใจเย็น จวบจนมีคนเข้ามาเรียกหาเจ้าสาว นางถึงได้ปั้นสีหน้าอ่อนโยนขึ้นมาอีกครั้ง ทว่าน้ำเสียงกลับเย็นเยียบเหลือประมาณ
“หากเจ้าทำให้สกุลกู้พอใจไม่ได้ แม่เจ้าจะเป็นอย่างไรคงไม่ต้องให้ข้าพูดก็คงจะเข้าใจนะ”
เมิ่งลี่อินเคยได้ยินว่างานแต่งของผู้อื่นเต็มไปด้วยบรรยากาศชื่นมื่น แล้วทำไมงานแต่งของนางถึงได้น่าหดหู่ถึงเพียงนี้กัน