บท
ตั้งค่า

เข้าพิธีแทน

บทที่ 4 เข้าพิธีแทน

จิวหลินถูกแต่งกายประทินโฉมงดงามหากไม่มีผู้ใดรู้ก็คิดว่านี่คือจิวซินทั้งสองช่างเหมือนกันเสียจริงจนแม่นมต้องตกใจเมื่อเห็นจิวหลินแต่งกายเสร็จ นางจึงเดินเข้ามาใช้ผ้าคุมสีแดงคุมใบหน้าของจิวหลินพร้อมพานางเดินออกไปด้านนอกเพื่อรอรับองค์ชาย

ไม่นานนักขบวนเกี้ยวใหญ่โตก็ได้เคลื่อนขบวนมาหยุดอยู่หน้าบ้านของใต้เท้าจิวหัวใจของจิวหลินเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความตื่นเต้นทั้งตื่นกลัว นางอยู่ในผ้าที่ปกคุมจึงไม่ได้เห็นว่าองค์ชายที่จะแต่งกับท่านพี่จิวซินมีใบหน้าเช่นใด ท่านพ่อได้เข้ามาจับมือของจิวหลินเพื่อส่งนางขึ้นเกี้ยวไปทำพิธีที่วังหลวง จิวหลินก้าวเท้าขึ้นเกี้ยวชาวบ้านสาวใช้ต่างพากันมุงดูงานรื่นเริงช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่แตกต่างกับจิวหลินที่เอาแต่กังวลว่าท่านพี่จิวซินจะพบก่อนเสร็จพิธีหรือไม่ เพราะพิธีสุดท้ายของการแต่งงานคือการเข้าห้องหอ นางลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิท แต่ก็ไม่ทันการแล้วเมื่อเกี้ยวเริ่มเคลื่อนขบวนออกจากเรือนของใต้เท้าจิวมุ่งสู่วังหลวง

สักพักเกี้ยวก็ได้หยุดลงทหารที่แบกเกี้ยวได้เปิดผ้าขึ้นให้องค์ชายได้เข้าไปรับตัวเจ้าสาวเพื่อทำพิธีต่อ

"ลงมาเถิดถึงตำหนักของข้าแล้ว" น้ำเสียงทุ่มต่ำได้เอ่ยขึ้นเขายื่นมือของเขามาให้จิวหลินจับเพื่อเดินลงจากเกี้ยว นางเองก็ได้จับมือของเขาอย่างหวาดหวั่นเล็กน้อยใจก็พะวงอยู่กับการตามหาตัวจิวซินไม่รู้ว่าปานนี้ท่านพ่อให้บ่าวตามหาท่านพี่เจอหรือยัง สตรีร่างบางอย่างท่านพี่คงหนีไปได้ไม่ไกลเป็นแน่ นางถอนหายใจเฮือกใหญ่จนบุรุษข้างกายที่จับมือนางพานางเดินเข้าสู่ลานพิธีต้องหันมามองอย่างสงสัย

"เฮ้อ! เจ้าคงกังวลสินะข้าคิดว่าเจ้าจะกลัวจนไม่กล้าเข้าพิธีกับข้าเสียอีก เจ้ามันก็เป็นเพียงสตรีที่หวังอยู่กับความสุขสบายสินะ" เขาเอ่ยออกมาอย่างเผ่วเบาผู้อื่นอาจไม่ได้ยินแต่ทว่าจิวหลินกลับได้ยินชัดเจน

"นี่องค์ชาย! เรื่องการแต่งงานมันเป็นการแต่งที่ฝ่าบาทประทานให้มิใช่หรือไงเพคะ? แล้วองค์ชายกล่าวหาหม่อมฉันว่าหม่อมฉันเป็นสตรีที่รักความสุขสบายได้อย่างไร! หากองค์ชายไม่อยากแต่งเหตุใดถึงไม่แจ้งฝ่าบาทเพื่อยกเลิกงานแต่งในครั้งนี้เพคะ " จิวหลินลืมตัวจนเผลอเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกไปเมื่อรู้ตัวเองก็ไม่ทันเสียแล้วแต่ก็ไม่เป็นไรเพราะหลังจากนี้นางก็ไม่ได้อยู่ที่นี่เสียหน่อยแต่เป็นท่านพี่จิวซินต่างหาก

"หึ! น่าสนใจดีนิ เช่นนั้นเจ้าไม่ต้องกลัวว่าข้าจะทำอันใดเจ้าเพราะต่อจากนี้ข้ากับเจ้าจะเป็นเพียงสามีภรรยาจอมปลอมเท่านั้น" เมื่อจิวหลินได้ยินก็พอใจที่อย่างน้อยก็รู้สึกว่าองค์ชายผู้นี้มิได้เต็มใจแต่งสักเท่าไหร่คงไม่สนใจหากถึงเวลาเปิดผ้ามาแล้วนางไม่ค่อยเหมือนท่านพี่จิวซินสักเท่าไหร่

เมื่อมาถึงลานพิธีที่ถูกจัดเตรียมจิวหลินก็ได้กวาดตามองดูผ่านผ้าคุมหน้าก็เห็นว่าถูกจัดเตรียมในตำหนักและมีผู้เข้าร่วมเพียงไม่กี่คนเท่านั้น เป็นถึงองค์ชายเหตุใดถึงมีพิธีการเล็ก ๆ เช่นนี้แต่นางก็ไม่ได้สนใจยิ่งเล็กเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เมื่อทั้งคู่เคารพฟ้าดินเสร็จสิ้นก็ถึงพิธีการสุดท้ายคือการส่งตัวเข้าห้องหอ องค์ชายก็ได้เปิดผ้าคุมหน้าของจิวหลินออกทำให้นางได้เห็นว่าบุรุษตรงหน้านั้นช่างน่ากลัวเหลือเกิน เพราะใบหน้าของเขาถูกปกปิดด้วยหน้ากากเงินฝั่งด้านขวา ทำให้นางเริ่มสั่นกลัวหรือนี่คือเหตุผลที่ท่านพี่จิวซินหนีงานแต่ง เหตุใดไม่มีผู้ใดแจ้งเรื่องนี้แก่นางเลยสักคน

"เจ้าจะมองข้าอีกนานหรือไม่ ตอนนี้ก็เสร็จสิ้นพิธีแล้วข้ากับเจ้าก็ไม่มีเรื่องที่ต้องทำร่วมกันอีก หากอยากอยู่ที่นี่อย่างสบายก็จงอย่ามายุ่งวุ่นวายกับข้า มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน" เขาได้ขู่จิวหลินก่อนจะเดินจากไปทำให้นางฉงนใจอยู่ในห้องเพียงลำพังเมื่อเขาออกไปพ้นแล้วนางก็ได้ทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ น้ำชาที่ถูกจัดเตรียมให้แก่บ่าวสาวยังคงต้องอยู่ที่เดิม

"นี่ก็เสร็จสิ้นพิธีแล้วเมื่อไหร่ท่านพ่อจะพาท่านพี่มาเปลี่ยนข้าเสียทีตอนนี้ข้ารู้สึกกลัวองค์ชายผู้นี้เหลือเกิน " จิวหลินบ่นพึมพำพร้อมเดินมาแง้มประตูเพื่อมองดูด้านนอก นางจึงเห็นซือเล่อกำลังเดินเข้ามาหานางที่ตำหนักหรือท่านพ่อจะหาตัวท่านพี่พบแล้วจึงส่งซือเล่อมาเพื่อส่งข่าว

จิวหลินเห็นซือเล่อก็ดีใจเป็นอย่างมากแตกต่างจากซือเล่อที่มีใบหน้าเศร้าสลด

"ข้ามาหาพระชายาเพคะ ข้าเป็นสาวรับใช้ข้างกายของพระชายาท่านใต้เท้าจิวได้ส่งข้ามาคอยรับใช้พระชายา" นางได้บอกกับทหารที่เฝ้าอยู่หน้าตำหนัก ทหารจึงได้ส่งนางเข้ามาเมื่อเห็นป้ายของตระกูลจิวที่ซือเล่อส่งมอบให้ดูก่อนที่เขาจะส่งคืนนาง

"พระชายาหม่อมฉันซือเล่อขอเข้าไปด้านในนะเพคะ" ซือเล่อทำตามกฎของวังหลังตะโกนบอกอยู่หน้าประตูจู่ ๆ ก็ถูกจิวหลินดึงตัวเข้าไปและรีบปิดประตูแน่น

"เจ้ามาแล้วหรือ ท่านพ่อส่งเจ้ามาใช่หรือไม่? แล้วไหนเล่าท่านพี่จิวซินข้าจะบ้าตายอยู่แล้ว ไหนต้องมาเจอองค์ชายเจ้าอารมณ์นั้นอีก เจ้ารู้หรือไม่ว่าองค์ชายมีหน้ากากปกปิดใบหน้าด้วยช่างน่ากลัวเสียจริง นี่สินะท่านพี่ถึงได้หนีไป" จิวหลินรีบเล่าเรื่องที่เจอกับองค์ชายให้ซือเล่อฟัง เมื่อนางได้ยินก็ได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมใบหน้าที่เศร้าสลดดวงตาก็เริ่มแดงก่ำ

"นี่เจ้าเป็นอะไรถึงได้นิ่งเงียบ แล้วทำไมเจ้าทำท่าเหมือนจะร้องไห้เช่นนี้เล่าตอบข้าเสียทีสิเมื่อไหร่ท่านพี่จะมาข้าอยากกลับไปหาท่านป้า เมื่อกลับออกไปเจ้าก็เก็บข้าวของไปอยู่กับข้าเลยนะ ข้าจะพาเจ้าไปดูที่เรือนของท่านป้าตอนนี้ข้าวในทุ่งนาคงกำลังเขียวขจี "

"พระชายาเพคะ ต่อจากนี้หม่อมฉันคงไปอยู่กับพระชายาที่เรือนของท่านป้าของท่านมิได้ "

"ทำไมเล่าแล้วเหตุใดเจ้าถึงเอ่ยเสียงสั่นเช่นนั้น หรือว่าท่านพ่อจะไม่ให้เจ้าไป ไม่ต้องกลัวนะข้าจะเอ่ยขอเองหากท่านพ่อไม่ให้เดี๋ยวข้าจะให้ท่านป้าซื้อตัวเจ้าจากท่านพ่อเอง เจ้าไม่ต้องกังวล"

"มิใช่เรื่องนั้นเพคะ เพราะต่อจากนี้ไม่ว่าจะหม่อมฉันหรือว่าพระชายาเองก็คงออกจากวังหลวงมิได้"

"ทำไมพูดเช่นนั้นข้าไม่เข้าใจเลย และหยุดพูดกับข้าด้วยคำพูดเช่นนั้นเพราะข้าเป็นเพียงบุตรสาวของขุนนางธรรมดามิใช่พระชายาขององค์ชายเสียหน่อย" เมื่อซือเล่อได้ยินเช่นนั้นก็ได้ร้องไห้ออกมาเพราะนางมิอาจจะกลั้นเอาไว้ได้อีกต่อไป

"อึก อึ้ก ฮื้อ ฮื้อ ...!! เพราะข้าสงสารพระชายาอย่างไรเพคะ ข้าถูกท่านใต้เท้าส่งตัวมาให้ดูแลปรนนิบัติพระชายาต่อจากนี้ไปคุณหนูจิวหลินคือพระชายาขององค์ชายห้าเพคะ "ราวกับว่าโลกหยุดหมุนเมื่อจิวหลินได้ยินที่ซือเล่อเอ่ยออกมาทั้งน้ำตา นางนิ่งเงียบไม่เอ่ยอันใดก่อนจะยิ้มออกมาเพราะไม่เชื่อหูตนเอง

"เจ้าโกหกข้าใช่หรือไม่ ไม่เอาน่าหยุดร้องเดี๋ยวนี้"

"เรื่องจริงเพคะ ใต้เท้าหาตัวคุณหนูจิวซินไม่พบจึงให้ข้ามาแจ้งเรื่องนี้ต่อพระชายาท่านใต้เท้าสั่งมาบอกพระชายาว่าจงแสร้งเป็นพระชายาขององค์ชายห้าไปก่อนจนกว่าจะพบตัวของคุณหนูจิวซินเพคะ" ซือเล่อสะอื้นไห้บอกกับจิวหลินจนนางมั่นใจว่าเรื่องที่ซือเล่อมาแจ้งมิได้แกล้งนางแต่เป็นความจริง

"แล้วท่านป้าล่ะ ข้าเป็นห่วงท่านป้า"

"ท่านป้าของพระชายาในตอนแรกก็มิยอมต่อว่านายท่านรุนแรง จนลมแทบจับเพคะฮูหยินจึงพาไปพักก่อนนายท่านกับนายหญิงขอร้องจึงยอมอ่อนข้อให้ "

"แล้วข้าจะทำเช่นไรต่อไป ...." จิวหลินทรุดตัวนั่งลงกับพื้นเมื่อทุกอย่างล้วนไม่เป็นอย่างใจคิด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel