ตอนที่9 หาหอ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา
วันน่าเบื่อที่สองหนุ่มต้องมาเรียนกันแต่เช้า หลังจากที่เมื่อวานพากันไปเตะบอลกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนมอปลายมา
“วันนี้แม่กูบ่นเรื่องเที่ยวแต่เช้าเลยว่ะ กูบอกไปเตะบอลกับมึงก็ไม่เชื่อ” จั๊มพ์บ่นให้เพื่อนสนิทฟัง แม่จั๊มพ์เป็นครูเลยค่อนข้างจะเจ้าระเบียบ เข้มงวด เพราะไม่อยากให้จั๊มพ์ต้องเกเร เขาระบายเรื่องนี้กับปาร์ตี้บ่อยครั้งตั้งแต่เรียนด้วยกันแล้วจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เลิกบ่นอีก
“มึงยังไม่ชินกับแม่มึงอีกเหรอ คราวหน้ามึงก็กลับให้มันเร็ว ๆ หน่อยดิวะ”
“อยากให้แม่กูเป็นเหมือนพ่อมึงจริง ๆ แม่งไม่บ่นสักคำ”
“พ่อกูเข้าใจกูเว้ย”
“แม่ง! แล้วกิจกรรมปีหนึ่งก็เยอะด้วยนะ เลิกซะเย็นกว่ากูจะกลับถึงบ้านก็ตั้งสองทุ่มสามทุ่ม แม่กูบ่นทุกวันหาว่ากูแอบไปเที่ยว มึงคิดดูดิกูต้องทนฟังจนหูแฉะ เบื่อขนาดไหน”
“หน่า ๆ มึงบอกแม่มึงยังว่ามีกิจกรรม”
“บอกแล้วดิ แต่ไม่เชื่อ”
“เฮ้อ...งั้นกูก็จนปัญญา หรือไม่มึงก็หาหอพักแถวนี้อยู่”
“มึงก็รู้บ้านกูไม่ได้รวย ลองขอเงินแม่กูดิ รับรองบ้านแตก บ้านมึงรวยนิ งั้นมึงก็อยู่หอดิ กูได้ไปนอนกับมึง”
“ไม่เอาว่ะ กูไม่ชอบอยู่หอ ไม่อยากอยู่รวมกับคนอื่น”
“ครับ ๆ ไอ้คนเรื่องมาก”
นักศึกษาปี1เรียนหนักขึ้น อาจารย์ให้งานเยอะขึ้น รวมไปถึงกิจกรรมรับน้องที่ยังไม่สิ้นสุดสักที จากที่หมดคลาสตอนบ่าย แทนที่จะได้กลับไปพัก ก็ต้องมาทำกิจกรรมต่อลากยาวไปถึงหกโมงเย็น และต้องทำทุกวันด้วย ทุกคนเลยพากันเหนื่อยล้า
“โอ๊ย! อยากมีหอพักใกล้ ๆ มหา’ลัยเว้ย” ลูก้าบ่นเป็นคนแรกในขณะที่ทั้งห้าคนกำลังนั่งกินอาหารเที่ยงอยู่ในโรงอาหารส่วนกลาง ทั้งหมดหันไปมองคนบ่น ซึ่งเรื่องนั้นพวกเขาเองก็คิดเหมือนเธอ
“ใช่ ๆ ฉันก็อยากอยู่หอแถวนี้อะ เหนื่อยจะตายกว่าจะกลับถึงบ้าน กว่าจะได้นอน เฮ้อ...แล้วต้องตื่นเช้ามามหา’ลัย” สมายด์เอ่ยเสริม ปาร์ตี้ได้ยินชัดเจน เขาไม่พูดอะไรหันมานั่งกินข้าวต่อ
ช่วงหกโมงเย็น
หลังกิจกรรมรับน้องจบลง พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ที่ทุกคนต้องกลับไปเตรียมตัว เพื่อที่ตอนเช้าต้องมาขึ้นรถบัสไปทำกิจกรรมรับน้องที่ต่างจังหวัดเป็นเวลา2วัน1คืน
“ไอ้จั๊มพ์ไปทำธุระกับกูหน่อย”
“ไปไหนวะ กูจะกลับบ้าน”
“หน่า ๆ ก็แค่หลังมหา’ลัย แป๊บเดียวเอง”
จั๊มพ์ทำท่าทางขัดขืน ปาร์ตี้เลยกอดคอเขาแล้วพาเดินออกมาทางหลังมหา’ลัย เขาไล่เดินทีละซอยเพื่อหาป้ายหน้าตึกเขียนว่าห้องว่าง แต่กลับไม่มีเลย
“อย่าบอกนะว่ามึงมาหาหอพัก” จั๊มพ์ถามเพื่อนรัก เพราะเขาเดินกวาดสายตามองซ้ายมองขวาตลอด
“เออ ๆ กูว่าจะมาอยู่หอ”
“แต่เมื่อเช้ามึงเพิ่งพูดกับกูว่าไม่อยากอยู่รวมกับคนอื่น”
“กูเปลี่ยนใจแล้ว มึงรีบช่วยกูหาห้องว่างดีกว่า”
“ไอ้ตี้! มึงก็รู้ว่าช่วงนี้หาง่าย ๆ ได้ที่ไหนกัน แต่ละตึกคงมีแต่พวกปี1ทั้งนั้น”
“ซอยเยอะขนาดนี้มันต้องมีห้องว่างบ้างแหละ มึงรีบ ๆ หาเลยไม่งั้นกูไม่ยอมให้มึงกลับบ้านหรอก”
“ไอ้เวรนี่บังคับกู”
ถึงปากจะบ่นไม่หยุด แต่จั๊มพ์ก็ช่วยหาห้องให้เพื่อนเต็มความสามารถ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องดีเหมือนกัน ในเมื่อเพื่อนมีห้องใกล้ ๆ งั้นแสดงว่าเขาจะมาพักห้องเพื่อนเมื่อไหร่ก็ได้...
และในที่สุดทั้งคู่ก็ได้มาถึงตึกสูงตระหง่านสีเทา ตึกนี้ค่อนข้างอยู่ไกลจากมหา’ลัยประมาณสองกิโล ความสูงเป็นสิบชั้น ค่อนข้างดูดี และแน่นอนว่าราคาห้องต้องแพงด้วย
ปาร์ตี้ลองเข้าไปถามพนักงานคนดูแลตึก ที่นี่ให้เช่าเดือนละเก้าพันบาท ราคาค่อนข้างแพงเพราะขนาดห้องค่อนข้างกว้าง มีแอร์ มีระเบียง แต่ไม่ค่อยมีนักศึกษามาเช่าสักเท่าไหร่ มีแต่คนทำงานซะส่วนใหญ่
“ผมสนใจจองไว้หนึ่งห้องครับ”
“ต้องมัดจำล่วงหน้าสามเดือนนะคะ”
“ได้ครับสองหมื่นหนึ่งผมจ่ายได้ ขอแค่มีห้องว่าง”
“ตอนนี้ยังไม่มีหรอกค่ะ แต่ถ้าวันจันทร์จะมีคนย้ายออกพอดี”
ใบหน้าคมฉีกยิ้ม เพราะตึกนี้ดูดีที่สุดแล้ว
“ครับ ๆ ผมจองต่อเลย วันจันทร์จะย้ายของเข้ามา”
“งั้นก็ได้ค่ะ เชิญกรอกข้อมูลเบอร์โทรตรงนี้เดี๋ยวพี่จะทำเรื่องไว้”
“ขอบคุณครับ”
ปาร์ตี้ไม่ต้องคิดเยอะ เพราะตึกสวยถูกใจ ขนาดห้องก็พอจะรับแขกได้ เขาให้ข้อมูลตัวเอง ก่อนที่จะเห็นห้องจริง ๆ กับตาซะอีก
“มึงได้ห้องแล้วใช่ไหม งั้นกูกลับล่ะ”
“เออ ๆ เจอกันพรุ่งนี้”
ทั้งคู่ต่างกันแยกย้าย พอถึงบ้านปาร์ตี้ก็พิมพ์เข้าไปในไลน์กลุ่มบอกว่าจะอยู่หอ สามสาวต่างพิมพ์กลับมาแสดงความอิจฉาและดีใจด้วย จริง ๆ เขาแค่อยากบอกสมายด์คนเดียว แต่ทำเนียน ๆ บอกในกลุ่มดีกว่า
เช้าต่อมา
เมื่อวานปาร์ตี้บอกพ่อเรื่องหอพักไว้เรียบร้อย ชัชวาลตามใจลูกชายทุกอย่างเป็นคนโอนเงินมาให้ และตอนนี้ปาร์ตี้เตรียมกระเป๋าเป้ไว้เสร็จสรรพข้างในมีแค่เสื้อสองตัว กับกางเกงยีนส์หนึ่งตัว วันนี้เขาใส่เสื้อยืดสีดำ ตราสัญลักษณ์ของคณะที่พวกรุ่นพี่บังคับให้ใส่ เพื่อบ่งบอกว่าเป็นรุ่นน้องปี1 จากนั้นก็เดินทางไปมหา’ลัย เพื่อขึ้นรถบัสที่เตรียมพร้อมให้ มุ่งสู่ต่างจังหวัด สถานที่ว่าก็ไม่พ้นทะเล แต่เดินทางไกลหน่อยเพราะต้องไปถึงประจวบคีรีขันธ์
พอขึ้นรถมาคนที่เป็นบัดดี้ได้นั่งด้วยกัน นั่นหมายความเขาได้นั่งติดกับสมายด์
“นายมาจากหอพักหรือเปล่า”
“ไม่ ๆ ต้องรอห้องว่างวันจันทร์”
“เหรอ ๆ ฉันขอไปดูบ้างได้ไหม แต่ถ้านายไม่อยากให้ไปก็ไม่เป็นไร”
“ได้สิ ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว”
“ขอบใจมากนะตี้” เธอส่งยิ้มแฉ่ง ก่อนที่โทรศัพท์มือถือตัวเองจะมีเสียงไลน์เด้งขึ้นมา คนตัวเล็กรีบหยิบขึ้นมาอ่านทันที ไม่ถึงสามวินาที เธอก็เปลี่ยนเป็นถ่ายรูปตัวเอง แล้วกดส่งไปให้ใครสักคน
“ส่งรูปให้แฟนเหรอ” ปาร์ตี้ถามแผ่วเบา เพราะคิดว่าเธอคงไม่ได้ยิน แต่ไม่ใช่...เธอหันกลับมาตอบเขา “อื้ม แฟนฉันเป็นห่วงน่ะ”
“คงรักแฟนมาก”
“รักดิ ก็คบกันมาตั้งนานแล้ว”
จี๊ด! ราวกับมีดแทงเข้ามากลางอก เขารู้อยู่แล้วแต่ไม่น่าถามให้ตัวเองเจ็บใจ พวกเขารักกันมาก ตัวเองคงไม่สิทธิ์แทรกกลางแล้วล่ะ คงต้องตัดใจ...
ปาร์ตี้เลือกหยิบหูฟังสีขาวขึ้นมาใส่ ฟังเพลงเศร้าให้เจ็บช้ำกว่าเดิม แล้วหลับตาทำเป็นหลับ ปล่อยให้คนข้าง ๆ นั่งคุยกับแฟนไป
ทว่า...พอเขาเงียบ จู่ ๆ หูฟังข้างหนึ่งก็ถูกดึงออก ทำให้คนตัวสูงตกใจเบิกตาโพลงหันไปหาคนที่ดึง จะเป็นใครล่ะ...ถ้าไม่ใช่สมายด์
“ฟังเพลงอะไรอยู่ ขอฟังบ้างสิ”
เธอไม่ได้รอคำตอบจากปาร์ตี้ แต่เอาหูฟังข้างนั้นใส่หูตัวเอง
“แหวะ! เพลงเศร้าเหรอ อย่างกับคนอกหัก”
“อกหักอะไรของมึง เอาคืนมา” ปาร์ตี้กลบเกลื่อนทำเสียงไม่พอใจ คว้าหูฟังกลับมา
“ชิ๊! ทำเป็นโมโห ไม่ยุ่งก็ได้” สมายด์หันกลับไปมองวิวข้างทางแทน ปาร์ตี้นั่งฟังเพลงต่อ ไม่ได้สนใจเธอเช่นกัน
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง
ศีรษะร่างบางก็เอนมาหาเขา เธอกำลังหลับ ปาร์ตี้ดันศีรษะเธอมาพิงบนบ่ากว้าง เจ้าตัวเห็นเธอหลับสนิทเลยแอบหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพเก็บไว้ เป็นภาพระหว่างพวกเขาสองคน
รูปนี้จะเก็บไว้อย่างดี...
