ตอนที่8 เจ็บใจ
เขาเห็นเธอเดินไปไกล ก็จ้ำอ้าวตามไปห่าง ๆ จนเกือบถึงประตูใหญ่ เห็นผู้ชายคนนั้นกำลังยืนอยู่กับสมายด์ พวกเขากำลังคุยอะไรสักอย่างที่ทำให้เธอยิ้มหน้าบานไม่หยุด จังหวะที่มีลมพัดมาเส้นผมของเธอปลิวว่อน แฟนหนุ่มก็เกี่ยวผมทัดหูให้ท่าทางสนิทสนมแนบชิดทำเอาปาร์ตี้ถึงกับใจห่อเหี่ยว
มาเห็นจัง ๆ ทำเอาปารตี้ยืนตัวแข็งทื่อไปเลย
“มึงดูอะไรไอ้ตี้”
เจ้าของเสียงทักมาจากด้านหลังพร้อมกับกอดคอปาร์ตี้ เขาชำเลืองมองเจ้าของแขน เห็นเป็นเพื่อนรัก ก็เบือนสายตากลับไปมองสมายด์ต่อ
“ไม่มีอะไร”
“หือ! ไม่มีอะไรได้ไง กูเห็นมึงมองสมายด์ เอ๊ะ! ผู้ชายคนนั้นแฟนเธอใช่ไหม มึงทำใจเหอะไอ้ตี้”
“ทำใจอะไรของมึง” ปาร์ตี้ขึ้นเสียงกลบเกลื่อน พร้อมกับปัดแขนหนาออกจากบ่า
“กูรู้นะว่ามึงคิดอะไรกับสมายด์”
“อะไรกูคิดอะไร มึงพูดดี ๆ”
“คิดเป็นเพื่อนไง มึงจะขึ้นเสียงทำไมวะ”
“ชิ๊!”
จังหวะเดียวกันสมายด์ควงแขนแฟนหนุ่มไปขึ้นรถเก๋งคันสีดำที่จอดอยู่ใกล้ ๆ สองหนุ่มยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมด จนรถคันนั้นวิ่งจากไป
“คุณเพื่อนทำไมมึงไม่เอารถที่บ้านมาขับวะ รับรองสมายด์ต้องกลับกับมึงแน่”
“พูดมากจริง มึงหุบปากได้แล้วกูรำคาญ” สีหน้าปาร์ตี้แสดงออกชัดเจนว่าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ เขาทิ้งเพื่อนรักไว้แล้วเดินออกมา เรียกแท็กซี่ไปส่งที่บ้านตัวเอง
ชายหนุ่มนั่งกลัดกลุ้มมาตลอดทาง เอาแต่คิดมากเรื่องสมายด์ รู้สึกหงุดหงิดเมื่อคิดถึงภาพบาดตาบาดใจ สิ่งเดียวที่เยี่ยวยาเขาได้ก็คือเกม ว่าแล้วก็เล่นมันซะเลย เพื่อระบายความโมโห
ส่วนอีกด้านหนึ่ง
“ขอบคุณบี๋นะคะที่มาส่ง เค้าไม่ต้องนั่งรถเมล์กลับให้เมื่อย”
“ก็บอกแล้วให้เข้ามหา’ลัยเดียวกันไม่ยอมเชื่อ”
“แหม...เทียบกันแล้วมหา’ลัยที่เค้าสอบได้มีชื่อเสียงกว่ามหา’ลัยบี๋สะอีก”
“อืม ๆ ไหนค่าส่งมาหอมแก้มเลย”
ร่างบางโน้มตัวฝังจมูกลงบนแก้มหนา เธอกำลังขยับตัวออก เขาก็โอบเอวคอดห้ามไว้
“คบกันมาตั้งหลายปีทำไมยังไม่ยอมมีอะไรกันอีก”
“แหม...ก็บี๋แหละใจร้อน บี๋ก็รู้ว่าเค้ากลัวเจ็บ ใคร ๆ ก็พูดว่าครั้งแรกเจ็บกันทั้งนั้น”
“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ไง ไม่เจ็บหรอกหน่า หรือสมายด์ไม่ไว้ใจผม หรือไม่รักกันแล้ว”
“อ่ะ! ไม่ใช่อย่างงั้น เค้ารักบี๋คนเดียว ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่บี๋ต้องเข้าใจเค้าด้วย”
“โอเค ๆ ไม่พูดเรื่องนี้แล้วก็ได้ พร้อมเมื่อไหร่บอกผมนะ อย่าให้รอถึงวันแต่งงานก็แล้วกัน”
“บ้า! คิดถึงขั้นจะแต่งงานกับเขาเลยเหรอ”
“ถ้าไม่คิดแล้วจะคบด้วยทำไม มานี่เลยตัวแสบขอหอมให้ชื่นใจหน่อย”
จมูกโด่งของชายหนุ่มฝังลงบนพวงแก้มนวลแล้วผละออกไป
“ถึงบ้านแล้วส่งข้อความมาหาเค้าด้วยนะ เค้าไปช่วยแม่ขายของก่อน”
“ครับ”
ร่ำลากันเสร็จเรียบร้อย สมายด์ลงออกจากรถ ยืนโบกมือลาแฟนหนุ่มที่กำลังขับรถออกไป
เขาชื่อเธียร์ คบกับสมายด์มาตั้งแต่มัธยมปลายจากโรงเรียนเก่า ทั้งคู่อายุเท่ากัน รักกันดี ไม่เคยทะเลาะกัน สมายด์จะเรียกเขาว่า ‘บี๋’ แทนชื่อเพื่อให้ดูน่ารักน่าเอ็นดู เวลาอยู่กับเขา เธอจะทำตัวอ้อน ทำเสียงน่ารัก เพราะงี้ไงทั้งคู่จึงคบกันมาได้ยืดยาว
เช้าต่อมา
หญิงสาวในบ้านเช่าเล็ก ๆ ในซอยข้างตลาดตื่นแต่เช้า เธออาบน้ำแต่งตัวใส่ชุดนักศึกษาเรียบร้อย ก็เดินออกมาจากห้อง เช้าของเธอ...ไม่เท่าเช้าของคนเป็นแม่หรอก ก็รายนั้นตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง มายืนรีดเสื้อผ้ามือสองที่จะเตรียมขายตอนเย็น
“แม่วันนี้จะมีคนมาส่งของอีกกระสอบนะ แม่ไม่ต้องแกะเดี๋ยวสมายด์จะกลับมาเปิดเอง”
“ได้ ๆ ลูกจะไปเรียนแล้วใช่ไหม อย่าลืมกินนมรองท้องไปด้วย แค่ก ๆ” คนเป็นแม่เอ่ยจบก็ไอออกมาเบา ๆ เธอชื่อปรารถนา อายุสี่สิบปลาย ๆ ดูแลลูกสาวเพียงคนเดียวมาตั้งแต่เธอเกิด ส่วนพ่อของสมายด์ เธอบอกลูกว่าเสียชีวิตไปตั้งแต่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเธอตั้งครรภ์ แต่ถึงอย่างนั้นคนเป็นแม่ก็ดูแลลูกสาวเป็นอย่างดีมาด้วยตัวคนเดียว งานหนักขนาดไหนก็ไม่เคยท้อ รับทำงานทั่วไปสารพัด เพื่อให้ได้เงินมาเลี้ยงลูก ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะแสดงความอ่อนแอหรือบ่นออกมาให้สมายด์ได้ยิน หญิงสาวเลยเอาอย่างแม่ ตั้งแต่เด็กพอรู้ความก็เริ่มหาเงินมาจุนเจือครอบครัว เพื่อแบ่งเบาภาระให้แม่สักนิดก็ยังดี จนถึงตอนนี้ก็ได้งานเสริมเป็นแม่ค้าขายเสื้อผ้า ถึงจะค่อนข้างหนักและเหนื่อยไปสักหน่อย แต่เป็นการลงทุนเพียงครั้งเดียวก็สามารถขายได้ไปตลอดโดยที่ของไม่เน่าไม่เสีย ถือว่าคุ้ม
“แม่ไม่สบายเหรอ ไปหาหมอยัง”
“แค่ไอเฉย ๆ เพราะอากาศมันเปลี่ยน ลูกไม่ต้องกังวล”
“ก็ได้ค่ะ ถ้ายังไม่หายอีก โทรมาบอกสายด์นะ ตอนเย็นจะซื้อยาเข้ามาให้”
“จ้า ๆ รู้ตัวไหมว่านับวันลูกจะเจ้าระเบียบ”
“แหม...ถ้าไม่ห่วงแม่แล้วจะให้ไปห่วงใครคะ” สมายด์สวมกอดคนเป็นแม่จากทางด้านหลัง คนถูกกอดวางเตารีดลงแล้วหันกลับมาหาลูกสาว
“โตแล้วนะเรา จะมาอ้อนแม่อีก ถ้าเธียร์รู้เข้าจะหาว่าเป็นลูกแหง่นะ”
“เธียร์ไม่ว่าหรอกค่ะแม่ สมายด์ไปเรียนก่อนดีกว่าเดี๋ยวรถติด”
“ได้ลูก ไปดีมาดีนะ”
“ค่ะ”
เรื่องเธียร์แฟนหนุ่มของสมายด์ คนเป็นแม่รู้ดี เพราะลูกสาวมีเรื่องอะไรจะมาเล่าตลอด และเธอก็ไม่ห้ามด้วย เพราะสมายด์โตแล้ว รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร เธอย่อมตัดสินใจเองได้
มาถึงมหาวิทยาลัย...
วันนี้ปาร์ตี้มาเรียนแต่เช้า เขากำลังนั่งเล่นเกมอยู่โต๊ะม้าหินอ่อนเพื่อรอจั๊มพ์เพื่อนรัก ก็วันนี้รายนั่นดันตื่นสาย สมายด์เห็นปาร์ตี้นั่งอยู่ก่อนก็จ้ำอ้าวไปหา หย่อนก้นนั่งบนม้าหินอ่อนตัวใกล้ ๆ
“ดีตี้ทำไมวันนี้มาเช้าได้ล่ะ” เสียงใสถามพร้อมกับอมยิ้มตามนิสัย
“อืม” แต่ปาร์ตี้กลับตอบสั้น ๆ เอาแต่มองหน้าจอโทรศัพท์เพราะตอนนี้กำลังมันส์ นิ้วโป้งทั้งสองข้างกดบนหน้าจอรัว ๆ
สมายด์เห็นเขาไม่แหงนมามอง เลยเป็นฝ่ายชะโงกหน้าไปใกล้ ๆ มองหน้าจอว่ากำลังทำอะไร
“ตีป้อมเหรอ” เสียงใสถามต่อ คนถูกถามแหงนมองเจ้าของเสียง ใบหน้าทั้งคู่ห่างกันแค่คืบ ลมหายใจชายหนุ่มรดใส่พวงแก้มหญิงสาว เธอเบือนสายตาหันกลับมาสบตากับเขา สองสายตาสอดประสานกันราวกับทุกอย่างถูกหยุดนิ่งไป
“อ้าวไอ้ตี้มาแล้วเหรอวะ” เสียงตะโกนจากด้านหลังทำให้ทั้งคู่ได้สติ รีบถอยห่างกันอัตโนมัติ ก่อนที่ปาร์ตี้จะหันไปมองเจ้าของเสียงเรียก แวบหนึ่งที่เขาไม่พอใจ ก็แหม...เกือบจะเผลอขยับหน้าไปจูจุ๊บแก้มนวลเนียนนั่นเข้าให้แล้ว
“ไอ้จั๊มพ์มึงจะแหกปากทำไมวะ” เสียงหงุดหงิดถาม แต่สายตาชำเลืองมองหญิงสาวที่ตอนนี้เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่น พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไม่ต้องเดาให้ยาก...เธอคงคุยกับแฟนอยู่แน่ ๆ
“ก็กูเห็นมึงกับสมายด์ทำอะไรกันอยู่”
“ทำอะไร มึงพูดดี ๆ”
“เออ ๆ ไม่มีอะไรก็แล้วไปสิ” จั๊มพ์ตอบพร้อมกับนั่งบนม้าหินอ่อนตัวเดียวกับปาร์ตี้
ตอนนี้เองสมายด์ก็ไม่ได้สนใจสองหนุ่มเอาแต่นั่งมองจอโทรศัพท์ จั๊มพ์เลยถือโอกาสถามเธอเรื่องเมื่อวาน
“สมายด์คนที่มารับเมื่อวานแฟนเหรอ”
คนถูกถามแหงนหน้ามามอง พลางเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋าสะพาย
“เห็นด้วยเหรอ นั่นแฟนฉันเอง”
“ใส่ชุดนักศึกษาไม่ได้เรียนที่นี่ใช่ไหม”
“อืม เรียนช่างยนต์ที่มหา’ลัยอื่นน่ะ ถามทำไมเหรอ”
“เปล่าหรอก แค่รู้สึกไม่คุ้นหน้าเท่านั้นแหละ” จั๊มพ์เอ่ยจบหันไปมองปาร์ตี้ เขารีบหลบสายตาเพื่อน ก้มมองหน้าจอมือถือตัวเองต่อ
