ตอนที่6 ปากหนอปาก
เช้าต่อมา
ชายหนุ่มยังคงนอนหลับสลบอยู่บนเตียงนุ่ม ๆ เขาเหนื่อยจากการเดินทางมาตั้งแต่เมื่อวาน การขึ้นรถเมล์ราวกับเป็นการออกรบ ไม่รู้ว่าผู้หญิงบอบบางอย่างนั้นทนได้ยังไงกัน แค่วันเดียวก็ทำให้เขาปวดเมื่อยไปทั้งตัว
กริ๊ง...กริ๊ง
เสียงโทรศัพท์มือถือดังปลุกให้คนขี้เซารู้สึกตัว เขาควานหาโทรศัพท์ในขณะที่ยังหลับตาอยู่ ได้ตัวต้นเสียงแล้ว ก็กดรับยกไว้แนบหู
“ใคร” เสียงยานครางเอ่ยตอบ จริง ๆ อยากจะด่าปลายสายให้รู้สะบ้างว่ามาขัดจังหวะการนอน แต่ขี้เกียจ
‘อะไรกัน! ยังไม่ตื่นอีกเหรอ’
พรึ่บ! ชายหนุ่มตาสว่างทันที เพราะเสียงแหลมจากปลายสายนั่น เขาจำได้ขึ้นใจว่าเป็นสมายด์ ว่าแล้วก็ดีดขึ้นนั่ง กระแอมเรียกสติก่อนจะตอบ
“ตื่นแล้ว”
‘แปดโมงกว่าแล้วนะ ไม่มาเรียนหรือไงตี้’
“แปดโมง!” เขาเหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลหัวเตียง ตัวเลขตอนนี้บอกว่าเป็นแปดนาฬิกาสามสิบห้านาทีแล้ว ตาย ๆ เขาตื่นสาย น่าขายหน้าชะมัดที่ต้องให้ผู้หญิงโทรมาปลุก แต่จะทำไงได้ตอนนี้ยังรู้สึกปวดเมื่อยอยู่เลย
‘อย่าบอกนะว่าจะไม่มาเรียน’
“อืม คงไปไม่ทันคาบเช้า งั้นวันนี้ไม่ไปก็แล้วกัน”
‘ไม่ได้ ลืมแล้วเหรอว่ารุ่นพี่นัดทำกิจกรรม’
“เฮ้อ...เรื่องมากจัง”
‘ขอโทษที่เรื่องมากยะ’
“ไม่ กูไม่ได้...”
ตู๊ด...ตู๊ด
เฮ้อ...ฟังยังไม่ทันจบก็งอนวางสายไปแล้ว แบบนี้คงต้องไปเรียนสินะ
ปาร์ตี้จำใจลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา แล้วเดินมาด้านล่างในขณะที่พ่อของเขากำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องนั่งเล่น
“อ้าวตี้ พ่อคิดว่าแกไปมหา’ลัยตั้งแต่เช้าแล้ว”
“วันนี้มีเรียนบ่าย ผมเลยยังไม่ได้ไป” เขาโกหกเพื่อไม่ให้พ่อบ่น
“เงินพอใช้หรือเปล่า ถ้าจะเอาบอกพ่อได้นะ”
“พอครับ ๆ ว่าแต่พ่อไม่ไปทำงานเหรอ”
“วันนี้พ่อนัดลูกค้าไว้ ว่าจะออกไปตอนเที่ยง”
“งั้นผมไปก่อนนะครับ”
“จริงสิ ทำไมลูกไม่ขับรถไปเรียนล่ะ พ่ออุตส่าห์ซื้อให้”
“ไม่ดีกว่าครับ ผมชอบนั่งแท็กซี่ ไม่อยากขับเอง”
“ตามใจ อยากได้อะไรบอกพ่อล่ะ”
“ครับพ่อ”
ชัชวาลคือชื่อพ่อของปาร์ตี้ อายุห้าสิบปลาย ๆ เป็นเจ้าของบริษัทตกแต่งภายใน สองพ่อลูกอยู่กันตามลำพังมาตั้งแต่ปาร์ตี้ยังเด็ก เพราะแม่ของเขาตายไปตั้งแต่ตอนที่คลอดออกมา พ่อบอกเขาแบบนั้น รูปถ่ายแม่สักใบยังไม่มีในบ้าน ก็เพราะชัชวาลถือคำโบราณว่ารูปถ่ายคนตายไม่ควรอยู่กับคนเป็นให้เป็นอัปมงคล ปาร์ตี้เลยนึกหน้าแม่ไม่ออกว่าเธอหน้าตาเป็นยังไง แต่เขาไม่ได้โหยหาความรักของแม่สักนิด เพราะพ่อของเขาเติมเต็มให้ทุกอย่าง ตามใจทุกอย่าง อยากได้อะไรขอแค่เอ่ยปากบอก พ่อของเขาก็จะหามาให้ทันที ผู้เป็นพ่อแสดงความรักโดยเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ในเวลาเดียวกัน ปาร์ตี้จึงเป็นเด็กดีไม่เคยเกเร หรือออกนอกลู่นอกทาง นอกจากติดเกม...
ตอนเที่ยง
ปาร์ตี้มาถึงมหาวิทยาลัย เขาไปนั่งรอที่โรงอาหารส่วนกลางเพื่อให้พวกเพื่อน ๆ ลงมาสมทบกัน และก็มาจริง ๆ มากันครบแก๊งรวมถึงสมายด์ด้วย แต่พอเธอหันมาเห็นเขากลับเชิดหน้าไปทางอื่น เห็น ๆ กันอยู่ว่างอนกับอีแค่เรื่องเล็กน้อย ปาร์ตี้ถึงกับถอนหายใจ ไม่รู้จะง้อสาวยังไง ก็เจ้าตัวเลือกไปนั่งห่าง ๆ แถมมีคนอื่นอยู่ด้วย เขาไม่มีโอกาสได้พูดแก้ตัวอะไรเลย
จนทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ขณะที่สมายด์กำลังลุกขึ้นเพื่อเดินไปเก็บจานของตัวเอง ปาร์ตี้ก็ฉวยโอกาสถือจานตัวเองเดินตามเธอไปติด ๆ เดินเคียงในระดับเดียวกัน เขาก็รีบเอ่ยทันที
“ขอโทษ กูไม่ได้หมายความว่ามึงเรื่องมาก”
ขวับ!
หญิงสาวหันมามองปาร์ตี้ทันที ใบหน้าสะสวยกลายเป็นบึ้งตึงทำแก้มป่อง เขารู้ว่าเธอไม่พอใจ แต่กลับยกยิ้มขึ้น เพราะเธอมันน่ารัก...
“ยิ้มอะไรตี้ ฉันกำลังโกรธนะ”
“เค ๆ ก็แค่ยิ้มไปเรื่อย ตกลงหายโกรธยัง”
“หายได้ไง มาบอกว่าฉันเรื่องมาก ต่อไปจะไม่โทรไปแล้วก็ได้ คนอุตส่าห์เป็นห่วง เห็นว่าไม่มาเรียน”
“ห่วงทำไม” เขาแค่อยากรู้ว่าเธอจะพูดอะไรต่อ บางทีอาจจะมีอะไรพิเศษ
“ห่วงดิ ก็พวกเราเป็นบัดดี้กัน”
ปาร์ตี้ถึงกับทำหน้าผิดหวัง รู้ทั้งรู้ว่าเธอไม่ได้คิดเกินเลยไปกว่าคำว่าเพื่อน แต่ก็แอบหวังเล็ก ๆ
“ไม่โกรธก็ได้ ถ้านายเลี้ยงน้ำโกโก้ให้ฉัน”
“โกโก้?”
“นั่นแหละน้ำที่ฉันชอบกินที่สุด”
“ก็ได้ เอากี่แก้วดี สองแก้วหรือสาม”
“แหม ๆ ฉันสวยตัวเล็กแบบนี้ แก้วเดียวก็พอย่ะ”
“โอเค ๆ”
ต้องขอบคุณการงอนกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพราะทำให้รู้เพิ่มอีกอย่างว่าของโปรดของเธอคือน้ำโกโก้ ไว้คราวหน้าเขาจะสั่งออนไลน์จากร้านดัง ๆ มาให้เธอก็แล้วกัน รับรองว่าเธอต้องยิ้มหน้าบานทั้งวัน
ขณะที่คนตัวเล็กไปสั่งน้ำปั่น ปาร์ตี้ก็ไปสั่งน้ำแดงจากอีกร้าน พอเดินกลับมาหาเธอ ไอ้พวกรุ่นพี่ผู้ชายสี่ห้าคนกำลังยืนล้อมสมายด์อยู่ ทั้งหมดเสนอตัวเป็นคนจ่ายเงินค่าน้ำให้ แถมยังขอเธอเป็นพี่เทคอีก ไอ้พวกนี่น่ะ! หน้าด้านฉิบหาย!
คนถูกล้อมทำหน้าเจื่อน ๆ สีหน้าเอือมระอาเต็มทน ปาร์ตี้เห็นทุกอย่างมีเหรอที่จะไม่เข้าไปยุ่ง...เขาทำทีเดินช้า ๆ สะดุดขาตัวเอง ให้แก้วน้ำแดงในมือตกพื้นไปใกล้ ๆ กับที่พวกรุ่นพี่ยืนอยู่
ตุบ!
น้ำแดงกระเด็นใส่ขากางเกงพวกนั้น ทำให้แต่ละคนหันขวับกันมาทันที
“อะไรวะเนี่ย!”
สีหน้าแต่ละคนบ่งบอกว่าไม่พอใจเอามาก ๆ ปาร์ตี้ก็เลยแกล้งทำสีหน้าเป็นสำนึกผิด...แต่ในใจกลับคิดสวนทางอยากให้น้ำแดงนั้นเป็นขี้มากกว่า
“ขอโทษครับ ๆ ผมไม่ดีเอง เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ พวกรุ่นพี่เป็นอะไรไหม”
“หนอย! มึงอีกแล้วเหรอ”
“ผมทำไมเหรอครับรุ่นพี่”
จังหวะนั้นน้ำปั่นของสมายด์ได้พอดี เธอหันไปจ่ายเงิน แล้วคว้าแก้วน้ำมา ก่อนจะหันไปมองพวกเขา
“ฉันว่ารุ่นพี่รีบไปล้างขากางเกงดีกว่านะคะ กางเกงสีดำไม่เท่าไหร่หรอก แต่กางเกงยีนส์นี่สิ น้ำแดงหกใส่มันเห็นชัดนะคะ”
ทุกสายตาหันไปมองเจ้าของเสียง ที่เธอพูดก็ถูก เพราะอย่างนั้นถึงได้สร้างเจ็บใจให้รุ่นพี่เข้าไปใหญ่ จังหวะที่พวกเขาต่างมองหน้ากัน คนตัวเล็กอาศัยความเร็ว ก้าวยาว ๆ มาทางปาร์ตี้
“ไปกันดีกว่าตี้” เธอไม่พูดเปล่า...คว้ามือเขาให้เดินตามมา
คนตัวสูงเดินตามอย่างไม่อิดออด มองแผ่นหลังบางตรงหน้า แล้วก้มมามองมือตัวเองที่ถูกเธอจับอยู่
ให้ตาย...ตื่นเต้นขึ้นมาอีกแล้ว เหงื่อออกเต็มอุ้มมือไม่รู้เธอจะสัมผัสได้หรือเปล่า
วิ่งมาไกล...สมายด์คิดว่าพ้นจากพวกนั้นแล้ว จึงปล่อยมือหนาออก แล้วหันมาหาเขา
“พวกรุ่นพี่คงไม่ตามมาแล้วมั้ง”
ปาร์ตี้รีบเช็ดมือตัวเอง เพราะเหงื่อชื้นเต็มอุ้มมือไปหมด สมายด์เห็นท่าทางเช่นนั้นคิดว่าเขารังเกียจ จึงรีบเอ่ย
“ขอโทษนะตี้ ฉันไม่ได้ตั้งใจจับมือนาย”
“หา...เอ่อนี่เหรอ...ไม่ได้เป็นอะไร ก็แค่...” เขามองสบตากับหญิงสาว เลือกที่จะเอ่ยเปลี่ยนเรื่องดีกว่า ใครจะไปกล้าบอกว่าตื่นเต้น...
“ช่างเหอะ ๆ ไม่มีอะไร”
“เรื่องเมื่อกี้ขอบใจนายนะ ฉันรำคาญใจจะแย่ กำลังคิดอยู่เลยว่าจะปฏิเสธยังไง”
“ขอบใจอะไร พวกเราเป็นเพื่อนกัน”
ซี้ด! ปากหนอปาก...ดันพูดอะไรไปวะ
“นั่นสิ กลับไปหาพวกเพื่อนกันดีกว่า ป่านนี้คงรอแล้ว”
“อืม”
