ตอนที่3 ยอมแทน
เขายิ่งเห็นว่าคนหน้าแถวกลัว ก็เริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมา จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นยืนพรวดพราดทำให้ทุกสายตาหันมามอง เจ้าตัวก้าวด้วยความมั่นใจเดินออกไปยืนข้าง ๆ สมายด์
“พี่เรียกน้องออกมาเหรอ” พี่ว้ากถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ไม่ได้เรียกแต่ผมอยากมาแนะนำตัวให้เพื่อน ๆ ได้รู้จัก”
“หึ! กล้าดี งั้นก็พูดสิ”
ปาร์ตี้หันไปหาเพื่อน ๆ แล้วตะเบ็งสุดเสียง
“ผมชื่อตี้! จะเรียกไอ้ตี้หรืออะไรก็ได้!”
เสียงดังฉะฉานทำให้ทุกคนได้ยินทุกคำของเขา เสียงโห่ร้องดังต่อท้ายทันที นั่นมาจากรุ่นพี่ที่ไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ ที่โห่นั้นก็เพื่อให้ปาร์ตี้รู้สึกเสียหน้า แต่เปล่าเลย...เขากลับรู้สึกเฉย ๆ ยิ่งทำให้พวกว้ากต่างไม่พอใจ
“นั่งคุกเข่าดิ”
ทุกสายตาหันไปมองคนสั่ง เจ้าของเสียงชื่อเอ หน้าคม ผิวสองสี ผมยาวปะบ่า มาดเซอร์สไตล์เด็กช่าง ไว้หนวดเครานิดหน่อย ไม่ยิ้มแย้ม ทำหน้าดุตลอดเวลา คงพอใจมากที่ใบหน้าโหด ๆ ทำให้รุ่นน้องไม่กล้าที่จะเข้าไปคุยด้วย
แต่ไอ้คำสั่งที่ให้คุกเข่ามันก็เกินไป มีเหรอที่คนอย่างปาร์ตี้จะทำ...
“ไม่ได้ยินที่กูสั่งให้คุกเข่าเหรอ” เอตวาดดังอีกครั้ง บรรยากาศตึงเครียดมาก ปาร์ตี้เองก็ไม่พอใจเหมือนกัน ยืนขบฟันกรอด ๆ จ้องคนสั่งกลับ พลางกำมือข้างลำตัวไว้แน่น เขาพยายามอดทนที่สุด...
ก็ลองตวาดมาอีกครั้งสิ รับรองได้ชกหน้ารุ่นพี่แน่
กึก!
แต่จู่ ๆ คนที่คุกเข่าไปไม่ใช่ปาร์ตี้ แต่เป็นสมายด์ เธอยืนอยู่ตรงกลางระหว่างสองหนุ่ม บรรยากาศไม่สู้ดีนัก เลยยอมเป็นฝ่ายที่นั่งคุกเข่าแทน แล้วหันไปคว้ามือปาร์ตี้ให้นั่งลงด้วย เขาเองก็ตกใจเมื่อจู่ ๆ หญิงสาวนั่งลงไปแบบนั้น แต่พอสัมผัสโดนมือนุ่ม ๆ ของเธอเข้า ใจที่มันร้อนรุ่มอยู่ก็กลายเป็นเย็นเฉียบ ราวกับเพิ่งโดนน้ำเย็นสาดเข้าให้ ยอมนั่งคุกเข่าลงข้าง ๆ ถึงแม้จะไม่เต็มใจก็เถอะนะ
รุ่นพี่พอใจมาก ทำเสียงในลำคอ ก่อนที่หน้าโหด ๆ จะคลี่ยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ
สมายด์ได้โอกาสเลยหันมาเอ่ยกับปาร์ตี้เบา ๆ “ทำตามเขาไปเถอะ อย่ามีเรื่อง”
เพียงแค่เอ่ยแค่นั้น หัวใจชายหนุ่มก็กระชุ่มกระชวยขึ้นมา เขายอมทำตามเธออย่างว่าง่าย จะให้นั่งแบบนี้อีกสักสิบชั่วโมงก็ได้ เขาจะไม่ขัดขืนเลยสักนิด ขอแค่ได้นั่งติดกับเธอ
แต่ความชื้นใจไม่ได้อยู่นานอย่างที่ปาร์ตี้คิด เมื่อไอ้รุ่นพี่คนเดิมหันขวับมาหาทั้งคู่
“นั่งคุกเข่าคงสบายเกินไป ให้พวกน้องสองคนไปวิ่งรอบสนามดีไหม”
ขวับ!
สมายด์หันมามองปาร์ตี้พร้อมกับกระพริบตาถี่ ๆ เขาไม่รู้ว่าเธอจะสื่ออะไร ได้แต่ทำหน้างง แล้วถามกลับไปโดยไม่มีเสียง “อะไร”
“ฉันไม่ชอบวิ่ง” สมายด์ตอบกลับมาเบา ๆ
เอาล่ะ...ในเมื่อเธอพูดออกมาแบบนั้น จะให้หญิงสาววิ่งได้ไง ปาร์ตี้ลุกขึ้นยืน หันไปหารุ่นพี่คนนั้น “จะให้วิ่งที่ไหน กี่รอบ”
ทุกคนต่างตกใจที่จู่ ๆ คนท่าทางแข็งกร้าว จะยอมทำตามอย่างที่รุ่นพี่สั่ง
“รอบตึกใหญ่สักห้ารอบ” เอชี้ไปยังตึกคณะวิศวะฯ ศูนย์รวมของทุกสาขาที่อยู่ด้านหลังปาร์ตี้ รอบตึกกว้างเทียบได้กับสนามฟุตบอลสองแห่งรวมกัน เขาหันกลับมามองสมายด์ก่อน ที่จะเริ่มวิ่งไปทางนั้น เสียงโห่ร้องทั้งไล่ตามหลัง แต่ปาร์ตี้ไม่คิดจะหันกลับมามองสักนิด เริ่มวิ่งรอบตึกตามปกติ เรื่องแค่นี้เขาทำได้สบายอยู่แล้ว เพราะชอบเตะฟุตบอลเป็นทุนเดิม
ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังวิ่ง พวกรุ่นพี่ก็เริ่มให้รุ่นน้องแนะนำตัวเองทีละคน บางคนพูดเสียงเบาก็จะถูกลงโทษให้เต้น หรือไม่ก็ให้นั่งคุกเข่าอย่างเช่นที่สมายด์กับปาร์ตี้โดนไปเมื่อครู่ แต่คนที่ดูเหมือนจะโดนแกล้งหนักที่สุดก็คือสมายด์ โดนรุ่นพี่แกล้งให้เต้น โดนลิปสติกสีแดงวาดที่ใบหน้า แต่เจ้าตัวยอมทำทุกอย่างเพื่อให้กิจกรรมบ้า ๆ นี่จบไปเร็ว ๆ
มาถึงช่วงเลือกดาวและเดือนคณะ สาว ๆ ทั้งแปดคนถูกเรียกให้ไปยืนหน้าแถว ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มเหงื่อท่วมตัว วิ่งกลับมาด้วยอาการเหนื่อยหอบ เสียงปรบมือดังขึ้นทันที เพราะเขาทำได้ทำสำเร็จ ไม่เป็นลมเป็นแล้งไปก่อน
“เอาล่ะ น้องผู้ชายคนนั้นชื่อตี้ใช่ไหม กลับไปนั่งที่เดิมได้” รุ่นพี่คนที่ยืนใกล้ ๆ เอ่ย ปาร์ตี้กลับมานั่งที่เดิมใกล้กับจั๊มพ์
“มึงโคตรเก่งไอ้ตี้”
“เออ ๆ ว่าแต่ทำไมต้องให้สาว ๆ ไปยืนตรงนั้นวะ”
“ก็กำลังเลือกดาวสาขาไง”
แน่นอนว่าที่ยืนหน้ากระดานอยู่นั่นคนที่โดดเด่นที่สุดก็ไม่แคล้วเป็นสมายด์ และก็เป็นจริงอย่างที่ปาร์ตี้คิด สมายด์ได้เป็นดาว ทุกคนต่างพากันดีใจปรบมือรัวกันไม่หยุด
มาถึงช่วงเลือกเดือน...รุ่นพี่ให้ทุกคนร่วมเสนอชื่อ แต่ไม่มีใครกล้าจะเสนอสักคน จนกระทั่ง
“ฉันเสนอตี้ค่ะ” เสียงแจ้วยกมือขึ้น จะเป็นใครถ้าไม่ใช่สมายด์ ทุกสายตาหันมามองปาร์ตี้กันเป็นตาเดียว
ใช่...เขาก็ถือเป็นคนหล่อคนหนึ่ง...ถ้าไม่ติดว่ายิ้มยากกับพูดน้อย
แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธเสียงแข็ง “ไม่เอาด้วยหรอก ไร้สาระ!”
ทุกคนเลยหันกลับไป มีบางคนเสนอชื่อคนอื่น สรุปแล้วว่าปาร์ตี้ก็ไม่ได้เป็นเดือนสาขา
ทุกอย่างเสร็จแล้วกับกิจกรรมรับน้อง รุ่นพี่เลยสั่งแยกย้าย จังหวะที่ปาร์ตี้กำลังลุกยืน สมายด์รีบเดินมาหาเขาทันที
“เมื่อกี้ขอบใจนะตี้”
“เรื่อง?”
“ก็ที่นายวิ่งแทนฉัน”
“ไม่ได้วิ่งแทนสักหน่อย ไอ้นั่นมันเจตนาจะให้กูวิ่งอยู่แล้ว” เขาสบถคำหยาบ น้ำเสียงเรียบ เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกภายในใจ มีแวบหนึ่งที่สมายด์ตกใจเล็กน้อยที่ได้ยินคำหยาบ แต่เธอก็เข้าใจว่าผู้ชายคงพูดแบบนี้กัน เลยไม่ว่าอะไรนอกจากจะส่งยิ้มให้
“มีอะไรอีกไหม กูจะไปล้างหน้า”
“อ่ะ! มี ๆ ขอโทษอีกเรื่องด้วยนะ”
“เรื่องไหน?”
“ก็เรื่องที่ฉันล้อนายเรื่องชื่อ”
“เหรอ จำไม่ได้ว่ามึงพูดตอนไหน ช่างเหอะก็แค่ชื่อ ไปก่อนล่ะ” ชายหนุ่มเดินจากไป จั๊มพ์เห็นว่าปาร์ตี้เดินไปแล้ว จึงขอตัวจากสาว ๆ ที่คุยอยู่ วิ่งตามหลังเพื่อนไป
“ไอ้ตี้จะไปไหนวะ”
คนถูกเรียกหันหลังกลับมา “กูจะไปห้องน้ำล้างหน้าล้างตัวหน่อย ร้อนฉิบหาย”
“งั้นกูไปซื้อน้ำแดงให้ เดี๋ยวไปรอที่หน้าห้องแลปนะเว้ย ชั้นสาม ๆ”
“เออ ๆ”
ทั้งคู่ต่างแยกย้ายไป ปาร์ตี้ล้างหน้าล้างตาเสร็จก็เดินหาห้องแลปอย่างที่จั๊มพ์บอก แต่ชั้นสามไม่ได้มีห้องเดียว เขาต้องเดินไล่หาทีละห้อง
วินาทีนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดทำงานสีดำเดินสวนมาพอดี เธอชื่อน้ำเหนือเป็นพนักงานประจำในสาขาคอมพิวเตอร์ ถือว่าเป็นคนสวยสมวัยอายุยี่สิบแปด นักศึกษามีปัญหาอะไรก็จะมาหาเธอ
“นักศึกษาหาห้องไม่เจอเหรอ” เธอถามปาร์ตี้ เพราะเขาเอาแต่หันซ้ายหันขวา
“ใช่ครับ”
“เป็นนักศึกษาใหม่ใช่ไหม ห้องแลปปีหนึ่งอยู่สุดทางเดิน” เธอเกี่ยวผมทัดหู มองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย
“ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ ถ้ามีเรื่องอะไรมาคุยกับพี่ได้นะ พี่ยินดีให้คำปรึกษา”
“ครับ”
ร่างบางส่งยิ้มโปรยเสน่ห์ ปาร์ตี้ได้คำตอบจากเธอแล้วก็เดินไปที่ห้องนั้น โดยไม่รู้เลยว่าน้ำเหนือมองแผ่นหลังกว้างจนลับตา
