ตอนที่ 3
หลงเสน่ห์ผู้ชายคนนี้ถึงขั้นยอมแต่งงานด้วยทั้งที่เจอกันได้ไม่นาน
“บ้านหลังนี้ยินดีต้อนรับ... แม่เธอเคยบอกเอาไว้ว่าอยากให้ฉันช่วยดูแลเธอต่อไป”
อดัมส์ไม่ตั้งใจจะอ้างสิทธิ์ความเป็นพ่อเลี้ยง ปานจันทร์รู้ว่าเขาพูดจริง เพราะว่านางเริงรตีผู้เป็นมารดาเคยบอกเรื่องนี้กับหล่อนเช่นกัน ว่าถ้าต้องการความช่วยเหลือขึ้นมาเมื่อไรให้นึกถึงพ่อเลี้ยงที่ชื่ออดัมส์คนนี้
หากตอนนั้นทิฐิแรงกล้าและความเกลียดชังในตัวของพ่อเลี้ยงคนนี้... ก็ทำให้ปานจันทร์ดื้อดึง ไม่ยอมมาอยู่ร่วมบ้าน แต่กลับตัดสินใจไปอยู่กับนายโทนี่ผู้เป็นบิดาที่อเมริกา
“เรื่องห้องพักป้าดวงจะช่วยจัดการดูแลให้... ถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกกับฉันโดยตรงก็ได้ แต่ถ้าไม่เจอก็ฝากบอกป้าดวงเอาไว้”
หลังจากนั่งคุยกันต่อมาอีกครู่ใหญ่ๆ ทำให้หญิงสาวได้รู้ว่าพ่อเลี้ยงของหล่อนเป็นนักธุรกิจที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ
ความเป็นคนขยันเข้าขั้น ‘บ้างาน’ ของอดัมส์ ทำให้เขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานตั้งแต่ยังหนุ่มแน่น และในวัยกลางคนอดัมส์ก็กลายเป็นมหาเศรษฐีอย่างที่เห็น
“ฉันขอตัวก่อน... เย็นๆ ค่อยเจอกัน”
ในเวลาที่พ่อเลี้ยงสุดหล่อไม่ยิ้ม ใบหน้าคมเข้มและแพหนวดดกหนาเหนือริมฝีปากยิ่งทำให้อดัมส์แลดูดุ ทว่าน้ำเสียงก็มีความอ่อนโยนนุ่มลึกจนคนฟังรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาดล้ำ
“เอ่อ... จะให้ปานเรียกคุณว่ายังไงคะ”
หญิงสาวออกอาการประหม่าเกร็งเล็กน้อย ถามให้ชัดเจนเลยดีว่า ว่าเขาอยากให้หล่อนเรียกยังไง
“ตามใจเธอ... จะเรียกยังไงก็ได้ คุณดำ... อดัมส์... ได้ทั้งนั้น... หรืออยากเรียกฉันว่าพ่อก็แล้วแต่เธอ”
“ค่ะ... พ่อดำ”
หล่อนคิดว่าการเรียกว่า ‘พ่อ’ น่าจะเป็นการให้เกียรติเขา เพราะมันอาจลบล้างความเข้าใจผิดเมื่อในอดีตที่หล่อนตั้งแง่กับเขา ทั้งที่ยังไม่เคยเจอหน้ากัน ในวันที่รู้ว่ามารดาหย่ากับบิดาเพราะต้องการมาใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายคนนี้
“ป้าดวงช่วยจัดการเรื่องที่พักให้ที”
เขาหันไปสั่งแม่บ้านร่างอวบที่เดินเข้ามาเก็บด้วยกาแฟในห้องรับแขก
“ค่ะนาย”
ป้าดวงพยักหน้ารับคำ
“งั้นฉันขอตัวก่อน... ค่ำๆ เราค่อยเจอกัน... ทำตัวตามสบาย คิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้านของเธอ”
น้ำเสียงนั้นช่างเอื้อเฟื้ออบอุ่นเหลือเกิน ใบหน้าของพ่อเลี้ยงหล่อเหลาราวกับประติมากรรมชั้นเยี่ยมที่ได้รับการสลักเสลาจากฝีมือของประติมากรชั้นยอด หน้าผากกว้างเกลี้ยงเกลา ตาคม จมูกโด่งเป็นสันสวย ตรงกึ่งกลางหน้าผากหยักเป็นรูปหัวใจ คาง กราม แผงคิ้วเข้มและกรอบดวงตาช่างรับกับใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตร
“ขอบคุณค่ะ”
ปานจันทร์รีบยกมือไหว้อีกครั้ง สายตาชื่นชมทอดมองตามร่างสูงสง่าของพ่อเลี้ยงที่กำลังก้าวออกไปจากห้องรับแขก
“คุณดำทำธุรกิจอะไรหรือคะป้าดวง”
หญิงสาวถามขณะเดินตามป้าดวงมายังห้องพักซึ่งอดัมส์เพิ่งสั่งให้เปิดรับรองหล่อน ในช่วงที่ปานจันทร์พักอยู่เมืองไทย
“โรงแรมจ้ะ”
ป้าดวงตอบ อดัมส์เป็นเจ้าของโรงแรมชื่อดังระดับห้าดาวในกรุงเทพมหานคร และยังมีรีสอร์ตซึ่งเป็นสาขาย่อยกระจายอยู่ในหลายจังหวัดท่องเที่ยวของเมืองไทย
“ประเดี๋ยวป้าจะพาไปดูห้องพักอยู่ฝั่งกะโน้น”
สตรีผู้สูงวัยกว่าบอกพลางเดินนำหน้าหญิงสาวผ่านมาทางโถงทางเดินสร้างเป็นทางเชื่อมต่อมาถึงเรือนใหญ่ ผ่านซุ้มไม้ด้านหน้ามุข ภายใต้หลังคาจั่วขนาดใหญ่มุงเอาไว้ด้วยกระเบื้องดินเผาแบบโบราณ
“บ้านคุณดำสวยจังเลยค่ะ”
หญิงสาวกล่าวชมขณะป้าดวงเดินนำหน้าขึ้นมา ตามขั้นบันไดทำจากหินอ่อนสีขาว โค้งวนเป็นเกลียวขึ้นมาถึงชั้นสองของตัวบ้าน
“เมื่อไม่กี่วันมานี้เพิ่งมีนิตยสารเกี่ยวกับนักธุรกิจเล่มหนึ่งมาสัมภาษณ์คุณดำเรื่องธุรกิจโรงแรมค่ะ เค้าถ่ายรูปบ้านในมุมสวยๆ ไว้เยอะแยะมากมาย... หนังสืออยู่ในห้องรับแขก... เดี๋ยวป้าเอาให้ดู”
ป้าดวงอยากอวด ปานจันทร์เหลือบตามองสูงขึ้นไปบนเพดาน แลเห็นโคมไฟคริสตัลห้อยระย้าอวดความงดงามสะดุดตา เมื่อลำแสงจากช่องลมสาดลงมากระทบ เครื่องเรือนและเฟอร์นิเจอร์ไม้จัดวางเข้ามุมเอาไว้อย่างลงตัว ท่ามกลางผืนพรมเปอร์เซียสีน้ำตาลทองราคาแพง ดูงดงามและหรูหรา ช่วยเพิ่มเสน่ห์และสีสันให้กับบ้านหลังใหญ่ได้อย่างลงตัว
“หนูอยู่ห้องนี้นะจ๊ะ... เมื่อก่อนคุณเริงรตีแม่ของหนูก็เคยพักห้องนี้”
ป้าดวงผลักประตูไม้บานใหญ่เข้าไปช้าๆ ปานจันทร์ดีใจที่รู้ว่ามันเคยเป็นห้องพักของมารดา อย่างน้อย