พ่อเลี้ยงเริงสวาท

31.0K · จบแล้ว
กาสะลอง
26
บท
60.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“ซี้ด... อ่า” เรือนกายบอบบางเกร็งสะท้าน ปลายถันโดนจู่โจมด้วยการดูดแรงๆ จนระบมบาน หากความเสียวซ่านในรสสัมผัสของพ่อเลี้ยงร้อนสวาทก็ทำให้ปานจันทร์รู้สึกราวกับว่าจิตวิญญาณของหล่อนคล้ายกำลังละลิ่วลอยออกจากร่าง ทุกครั้งที่ริมฝีปากรกไปด้วยแพหนวดดกหนาของพ่อเลี้ยงครอบลึกลงมาดูดเลียสองเต้าเมามันเหมือนจะกลืนกิน พ่อเลี้ยงอดัมส์คนนี้เซ็กส์จัดสุดๆ เขาดูดนมจนลูกเลี้ยงแสนสวยพริ้มตาเคลิบเคลิ้ม ร่างอ่อนระทวยราวขี้ผึ้งถูกไฟลน

นิยายรักนิยายปัจจุบันรักแรกพบโรงแรม/มหาลัย

ตอนที่ 1

รถแท็กซี่ที่หญิงสาวนามว่า ‘ปานจันทร์’ จ้างมาจากสนามบินแล่นมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านหลังใหญ่ของชายผู้มีชื่อว่า ‘อดัมส์’ ผู้ซึ่งหล่อนรับรู้เพียงแค่ว่าผู้ชายคนนี้คือ ‘พ่อเลี้ยง’ ตามคำบอกเล่าของนางเริงรตีผู้เป็นมารดาที่ตัดสินใจแต่งงานใหม่กับพ่อเลี้ยงคนนี้ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ภายหลังหย่าร้างกับบิดาของหล่อน

“มาหาใครครับ”

ลุงสมานซึ่งเป็นยามประจำบ้าน ทุกๆ วันแกจะนั่งอยู่ในป้อมเล็กๆ ข้างประตูรั้วอัลลอยด์สีทองอร่าม ตะโกนถามหญิงสาวเสียงดังเมื่อเห็นปานจันทร์เลียบๆ เคียงๆ ชะโงกใบหน้าเมียงมองผ่านแนวรั้วไม้สูงตระหง่าน ทอดแนวขนาบออกไปทั้งฝั่งซ้ายและขวา โอบล้อมบริเวณบ้านหลังใหญ่ไปจนถึงท้ายสวนเขียวขจีที่อยู่ด้านหลัง

“มาหาคุณอดัมส์ค่ะ”

ปานจันทร์ตอบเสียงเรียบ

“รอสักครู่นะครับ... เอ่อ... จะให้ผมเรียนท่านว่าใครมาหาครับ”

ลุงสมานขอข้อมูลของหญิงสาวผู้มาขอพบเจ้าของบ้าน

“บอกว่าหนูเป็นลูกเลี้ยงค่ะ”

ได้ยินชัดเจนเต็มสองหู ลุงสมานรีบเดินลิ่วกลับเข้าป้อมยาม ยกโทรศัพท์ขึ้นโทรหาคนที่อยู่ในบ้าน ป้าดวงซึ่งเป็นแม่บ้านและหัวหน้าคนรับใช้รีบรับเรื่องเอาไว้ ก่อนจะตรงรี่เข้าไปรายงานผู้เป็นนายซึ่งตอนนั้นกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องรับแขก

“คุณดำคะ... ยามบอกว่ามีผู้หญิงสาวมาหาคุณดำค่ะ”

ป้าดวงรีบรายงาน เพราะเจ้าของบ้านมีชื่อเต็มว่า ‘อดัมส์’ ทุกคนภายในบ้านจึงพากันเรียกชื่อเขาว่า ‘คุณดำ’ จนติดปาก

“ใคร... ”

อดัมส์ลดสายตาจากหน้าหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่าน ดวงตาคมกริบเหลือบขึ้นมองนาฬิกาทรงกลมที่แขวนไว้ข้างฝาผนัง เวลาในตอนนั้นเพิ่งแปดโมงเช้า และวันนี้ก็เป็นวันเสาร์เสียด้วย เขาจำได้แม่นยำว่าไม่ได้นัดใครเอาไว้อย่างแน่นอน

“ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเป็นลูกเลี้ยงคุณดำค่ะ”

คำพูดของป้าดวงสะกิดใจผู้เป็นเจ้าของบ้านอย่างจัง เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ว่าหล่อนจะมาเหยียบบ้านหลังนี้

“ลูกเลี้ยงผม... พามาหาผม... ”

เป็นไปได้ยังไง? หัวคิ้วเป็นแพดกหนาชิดเข้าหากัน น้ำเสียงเหมือนไม่เชื่อ ดวงตาคมกริบวาววาบขึ้นด้วยความประหลาดใจกับเรื่องที่ป้าดวงเข้ามารายงานให้รู้

อดัมส์ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า ‘ปานจันทร์’ เด็กสาวผู้เย่อหญิงและอวดดีคนนั้นจะเดินทางมาหาเขาถึงบ้าน

เพราะเขาจดจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้รับรู้ข่าวคราวของหญิงสาวคนนี้ ก็คือหล่อนอาศัยอยู่กับบิดาที่อเมริกา หลังจากนางเริงรตีมารดาของหล่อนหย่ากับนายโทนี่ผู้เป็นบิดาเพื่อมาแต่งงานกับเขา

เริงรตีใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาอยู่กับอดัมส์ที่เมืองไทยหลายปี ก่อนจะอำลาโลกไปเพราะอุบัติเหตุเครื่องบินตกซึ่งไม่มีใครคาดฝัน

อดัมส์รู้ว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ชอบตน เพราะว่าตอนที่เริงรตียังมีชีวิตอยู่ หล่อนเคยบอกกับเขาเองว่าปานจันทร์ลูกสาวของหล่อนตัดสินใจดีแล้วว่าจะไม่มาอยู่ร่วมบ้านหลังนี้อย่างเด็ดขาด เพราะว่าหล่อนเกลียดเขา ปานจันทร์กล่าวโทษว่าอดัมส์เป็นคนแย่งมารดามาจากบิดาของหล่อน

อดัมส์คิดว่าการที่ปานจันทร์ตัดสินใจมาหาเขาที่บ้านในวันนี้ บางทีอาจเป็นเพราะว่าหล่อนคงโตขึ้นแล้วกระมัง กาลเวลาคงช่วยทำให้เด็กสาวคนหนึ่งเข้าใจชีวิตและโลกได้ดีขึ้น... ว่าผู้ใหญ่ล้วนมีเหตุมีผลในการตัดสินใจด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งเหตุผลบางอย่างอาจจะซับซ้อนเกินกว่าเด็กสาวคนหนึ่งจะเข้าใจได้

‘หนูเกลียดแม่... เกลียดผัวใหม่ของแม่... หนูไม่มีวันจะไปเหยียบบ้านหลังนั้นเด็ดขาด’

อดัมส์จำได้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยได้ยินแม่ลูกทะเลาะกันทางโทรศัพท์ ตอนที่ปานจันทร์แผดเสียงดังลั่นออกมาเข้าหูเขาโดยบังเอิญ... เพราะว่าเริงรตีเผลอเปิดสปีคเกอร์โฟนเอาไว้

อดัมส์ไม่โกรธ ไม่ถือสา เพราะเขาเชื่อว่าสักวันเมื่อปานจันทร์เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่... หล่อนจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร

ที่หน้าบ้าน

“เชิญจ้ะ... ตามป้ามาจ้ะ”

ป้าดวงกล่าวด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม หลังจากตะลึงมองปานจันทร์อยู่ครู่สั้นๆ

แวบแรกที่เห็น... ใบหน้าประพิมพ์ประพายของปานจันทร์ทำให้ป้าดวงตกใจเหมือนได้เห็นหน้าเริงรตีอีกครั้ง ด้วยไม่คาดคิดว่าหน้าตาของแม่ลูกคู่นี้จะมีความละม้ายคล้ายคลึงกันเหลือเกิน

ต่างก็ตรงที่ปานจันทร์สาวกว่าและคมกว่า... และที่สำคัญคือหล่อนเซ็กซี่เหลือเกิน โดยเฉพาะกางเกงขาสั้นอวดช่วงขาเรียวยาวราวนางแบบหลุดออกมาจากปกแมกกาซีนแฟชั่น

“ป้าช่วยลากกระเป๋าเดินทางให้นะคะ”

ป้าดวงอาสา

“ขอบคุณค่ะป้า... ไม่เป็นไรค่ะ ปานลากไปเองได้ค่ะ... กระเป๋าไม่หนักค่ะ ข้างในไม่มีอะไรมาก”