9 มีแค่คำขอบคุณ
พอถึงเวลาเที่ยงแม่เลี้ยงบุปผากับพ่อเลี้ยงทิศเหนือก็มาเยี่ยมยายช่อเอื้องซึ่งเป็นเวลาที่มนสิชากำลังให้อาหารทางสายยางกับยายของเธอเสร็จพอดี
“สวัสดีค่ะแม่เลี้ยง พ่อเลี้ยง” หญิงสาวยอมรับอย่างไม่อายเลยว่าดีใจมากแค่ไหนที่เห็นคนมาเยี่ยมคุณยายของเธอ
“หมอบอกว่าเป็นยังไงบ้างล่ะยาย”แม่เลี้ยงถามด้วยความห่วงใย
“เป็นหลายอย่างเลยล่ะแม่เลี้ยง” ยายช่อเอื้องพยายามจะตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง
“หมอบอกว่ายายมีอาการหัวใจวายเฉียบพลันค่ะ แล้วก็ระดับน้ำตาลในเลือดสูงค่ะ” มนสิชาตอบคำถามแม่เลี้ยงแทนคุณยายที่ยังดูเหนื่อยจนต้องให้ออกซิเจนทางจมูก
“หนูไม่ต้องกังวลหรอกนะ ถึงมือหมอแล้ว”
“หนูกลัวค่ะแม่เลี้ยง ยายไม่เคยป่วยเลย พอป่วยทีหนึ่งก็เป็นหลายโรคเลย”
“เดี๋ยวป้าจะนั่งคุยกับยายหนูเองนะ หนูไปพักหน่อยดีไหม ป้าทำกับข้าวมาให้”
“ขอบคุณนะคะ” มนสิชาไม่ปฏิเสธน้ำใจของแม่เลี้ยงเพราะตอนนี้เธอไม่มีใครอื่นให้พึ่งพาเลย น้าสายหยุดเองก็กำลังยุ่งเรื่องของตนเองเพราะสามีของเธอก็ประสบอุบัติเหตุจนต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจึงปลีกตัวมาดูแลยายของเธอไม่ได้
“ไปนั่งทานตรงนู้นไหม มีที่นั่งสำหรับญาติอยู่นะ” พ่อเลี้ยงทิศเหนือเอ่ยชวน
“หนูจะรีบไปรีบกลับนะคะคุณป้า”
“ไม่ต้องรีบหรอกจ้ะ หนูทานให้อิ่ม ทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยเถอะ เดี๋ยวป้าจะนั่งคุยเป็นเพื่อนคุณยายเอง”
“ขอบคุณค่ะคุณป้า”
มนสิชานั่งทานข้าวที่แม่เลี้ยงบุปผาทำมาให้อย่างฝืดคอไม่ใช่รสชาติของอาหารที่ไม่อร่อยแต่เพราะเธอไม่รู้สึกถึงรสชาติอาหารเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวเป็นกังวลเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของยายที่แพทย์เจ้าของไข้แจ้งเธอว่าตอนนี้หัวใจของนั้นค่า ef อยู่ที่ 20 เปอร์เซ็นต์ มนสิชาไม่เข้าศัพท์พวกนั้นเท่าไหร่ แต่หมอบอกว่าคนปกติค่าพวกนี้จะอยู่ที่ประมาณ 50-70 เปอร์เซ็นต์ และค่ายิ่งน้อยก็ยิ่งไม่ดีต่อคนไข้
“ไม่อร่อยเหรอ เอาอย่างอื่นเพิ่มไหมเดี๋ยวผมไปซื้อให้”
“อร่อยค่ะ แต่ฉันกินไม่ลง”
“ผมว่าคุณควรกินเยอะๆ นะ จะได้มีแรง อย่าลืมว่ายายมีคุณแค่คนเดียวที่จะคอยดูแลท่าน” เขาพูดเตือนสติ
“ฉันรู้ค่ะ”
“แต่ถ้าไม่ไหวคุณก็ควรจ้างใครสักคนมาช่วยดูแลนะ ลองถามพยาบาลดูไหมว่ามีใครรับจ้างดูแลผู้ป่วยบ้างหรือจะจ้างพยาบาลพิเศษ” พ่อเลี้ยงคิดว่าถ้าหญิงสาวต้องดูแลยายของเธอคนเดียวตลอดก็คงจะทั้งเหนื่อยและเครียดมากแน่ๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยังไหว” มนสิชาอยากดูแลยายให้ดีที่สุดและคิดว่าการจ้างคนอื่นไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเลย
“ตอนนี้คุณยังไหว แต่ถ้านานๆไป คุณจะหมดแรงเอานะ”
“ฉันอยากดูแลยายด้วยตัวเอง แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยจ้างคนอื่นก็ได้ค่ะ”
“ครับ ระหว่างนี้คุณก็ต้องดูแลสุขภาพของตัวเองด้วยนะ”
“ค่ะ”
“เย็นนี้อยากกินอะไรล่ะ ผมจะซื้อมาให้”
“ไม่เป็นไรค่ะพ่อเลี้ยง ฉันเดินไปกินที่หน้าโรงพยาบาลเองก็ได้ค่ะ”
“ถ้างั้นผมจะมาอยู่กับยายช่อเอื้อให้นะ คุณจะได้มีเวลาทานข้าวบ้าง”
“ฉันไม่อยากรบกวนคุณเลย คุณเองก็งานยุ่งนะคะ” เธอรู้มาจากยายและน้าสายหยุดว่าพ่อเลี้ยงมีงานหลายอย่างที่ต้องดูแล
“ไม่เป็นไรหรอกช่วงนี้งานผมไม่ยุ่ง อีกอย่างกว่าจะเยี่ยมได้ก็หกโมงเย็นไปแล้ว”
“ขอบคุณนะคะ” มนสิชาขอบคุณเขาอีกครั้ง เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นคนที่คอยให้ความช่วยเหลือเธอในเวลาที่ไม่เหลือใครเช่นนี้ เพราะเธอกับเขาเพิ่งรู้จักกันได้เพียงแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น
ยังไม่ถึงบ่ายโมงมนสิชาก็กลับมาดูแลยายต่อ ซึ่งตอนนี้ยายของเธอยังเหนื่อยมากจนแพทย์ปรึกษาว่าจะใส่ท่อช่วยหายใจ
“ยายจะเจ็บมากไหมคะ”
“เจ็บนิดหน่อยครับ แต่มันจะช่วยให้ยายหายใจสะดวกขึ้น ท่านจะไม่เหนื่อยมาก เพราะยิ่งเหนื่อยหัวใจก็ยิ่งทำงานหนักมากขึ้นมันไม่ดีต่อโรคที่คนไข้เป็นอยู่เลย” แพทย์อธิบายเพิ่มเติม
มนสิชาไม่รู้จะปรึกษาใครดี เธอจึงหันมามองแม่เลี้ยงบุปผาและลูกชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เพื่อขอความเห็น
“ป้าว่าใส่ก็ดีนะ ยายของหนูจะได้ไม่เหนื่อยมาก” แม่เลี้ยงเห็นด้วยกับแพทย์เจ้าของไข้
“แล้วต้องใส่นานแค่ไหนคะหมอ” หญิงสาวถามต่อ
“ก็จนกว่าคนไข้จะอาการดีขึ้นครับ”
“หมอคะ ยายจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมไหมคะ”
“ผมจะพยายามรักษาท่านให้ดีที่สุดครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ใส่ท่อตามที่หมอเห็นสมควรเถอะค่ะ แต่ก่อนใส่ขอฉันคุยกับยายก่อนได้ไหมคะ”
“ได้สิ แต่อย่าคุยนานนะครับ คนไข้จะเหนื่อย”
“ค่ะหมอ”
หมอและคนอื่น เดินออกมาจากบริเวณนั้นเพื่อให้มนสิชาได้คุยกับยายตามลำพัง
“ยายขา เดี๋ยวหมอจะใส่ท่อให้ยายนะคะ ยายจะได้ไม่เหนื่อย”
“ยายไม่เหนื่อยเลย น้ำปิงพายายกลับบ้านได้ไหม ยายอยากกลับบ้าน ยายหิวน้ำ”
เพราะตอนนี้ยายช่อเอื้องใส่สายยางให้อาหารอยู่หมอจึงไม่อยากให้ท่านทานอะไรทางปาก เพราะกลัวจะสำลักลงปอดและทำให้ติดเชื้อได้
“ยายขา อดทนอีกนิดนะคะ ถ้ายายหายเหนื่อยและน้ำไม่ท่วมปวดแล้ว หมอก็จะให้ยายกินน้ำค่ะ”
“ยายไม่เหนื่อยเลยแต่ตอนนี้ยายใจจะขาดแล้วลูก ขอยายจิบน้ำได้ไหม”
“หนูรู้ค่ะยาย ว่ามันทรมานแค่ไหน แต่ยายของหนูก็เก่งอยู่แล้ว ทนอีกนิดนะคะ รอให้หายแล้วหนูจะตามใจยายทุกอย่าง” แม้อยากจะตามใจยายมากแค่ไหนแต่มนสิชาก็ต้องใจแข็งเพราะไม่อยากให้ยายต้องมาติดเชื้อที่ปอดอย่างที่หมอบอก
“นิดเดียวได้ไหมลูก ยายขอนิดเดียว” ยายช่อเอื้องต่อรอง
“ยายขาหนูรักยายนะคะ แต่หนูให้ไม่ได้จริงๆ ยายให้หมอใส่ท่อนะคะ” เพราะยิ่งพูดยายของเธอก็ยิ่งเหนื่อยหอบมากขึ้น
“ยายก็รักหนู แต่ใส่ท่อแล้วเราจะไม่ได้คุยกัน”
“ใส่ไม่นานหรอกค่ะ หมอบอกว่าถ้าน้ำท่วมปอดดีขึ้น ยายเหนื่อยน้อยลงก็จะถอดออก”
“ยายกลัวไม่ได้คุยกับหนู”
“ได้สิคะยาย หมอที่นี่เก่งมากๆ ยังไงยายก็ต้องหายค่ะ” มนสิชาหอมไปบนแก้มทั้งสองข้างของยายก่อนจะเดินออกมา
เมื่อผ้าม่านปิดลงเพราะหมอเริ่มใส่ท่อหญิงสาวก็ยืนน้ำตาซึม จนแม่เลี้ยงเห็นแล้วสงสารอย่างจับใจ
“หนูจะร้องกับป้าก็ได้นะ แต่ถ้าผ้าม่านเปิดหนูต้องหยุดร้องนะ” พอแม่เลี้ยงบุปผาพูดจบมนสิชาก็ร้องไห้และกอดเธอไว้แน่นอย่างคนต้องการที่พึ่ง เธอร้องจนกระทั่งได้ยินหมอพูดว่าใส่เสร็จแล้วจึงรีบเช็ดน้ำตาและเดินยิ้มกลับไปหายายของตนเองอีกครั้ง