10 ไม่เสียดาย
ตลอดเวลาที่ยายช่อเอื้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลก็มีเพื่อนๆ ที่พอทราบข่าวแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนอยู่ไม่ขาดสายแต่คนที่มาบ่อยที่สุดก็คือพ่อเลี้ยงทิศเหนือ มันเลยทำให้เธอกับเขาสนิทกันมากขึ้น เพราะมนสิชานั้นไม่ค่อยมีเพื่อนที่นี่เท่าไหร่
ผ่านไปสองเดือนสิ่งที่หญิงสาวมาตลอดก็เกิดขึ้น ยายช่อเอื้องอาการทรุดลงและจากเธอไปอย่างไม่มีวันกลับ มนสิชาเสียใจที่ตอนนี้เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว แต่เธอก็ไม่เสียดายเลยเพราะรู้สึกว่าตนเองได้ใช้เวลาอยู่กับท่านอย่างเต็มที่ หญิงสาวอยู่ดูแลยายของเองทุกวัน
แม้ในวาระสุดท้ายยายของเธอจะพูดไม่ได้ แต่มนสิชาก็ใช่วิธีเขียนตัวหนังสือลงบนไวท์บอร์ดและให้ยายพยักหน้าแทนคำพูด เธอเอารูปภาพเก่าๆ ที่เต็มไปด้วยความทรงจำของเธอและยายมาเปิดให้ท่านดู ก่อนนอนก็พากันสวนมนต์ทุกคืน จนกระทั่งยายของเธอนั้นได้จากไปอย่างสงบด้วยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
วันนี้เป็นวันครบรอบการจากไปของยายช่อเอื้องหนึ่งร้อยวันมนสิชามาทำบุญที่วัดและไปมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนในโรงเรียนที่ยายของเธอเคยสอน ก่อนจะกลับมาที่บ้านของตนเองเพื่อเตรียมอบคุกกี้ไปฝากขายที่ร้านกาแฟซึ่งแม่เลี้ยงบุปผาเป็นคนแนะนำเนื่องจากท่านเคยได้ทานขนมฝีมือของเธอแล้วคิดว่าน่าจะทำขาย
วันนี้เป็นวันครบรอบการจากไปของยายช่อเอื้องหนึ่งร้อยวันมนสิชามาทำบุญที่วัดและไปมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนในโรงเรียนที่ยายของเธอเคยสอน ก่อนจะกลับมาที่บ้านของตนเองเพื่อเตรียมอบคุกกี้ไปฝากขายที่ร้านกาแฟซึ่งแม่เลี้ยงบุปผาเป็นคนแนะนำเนื่องจากท่านเคยได้ทานขนมฝีมือของเธอแล้วคิดว่าน่าจะทำขาย
การมีอะไรทำอยู่ตลอดเวลามันทำให้เธอผ่านช่วงเวลาที่เสียใจไปได้อย่างไม่ยากนัก และตอนนี้ชีวิตของเธอก็เริ่มจะเข้าที่เข้าทางบ้างแล้ว มนสิชาสอนภาษาที่โรงเรียนกวดวิชาและทำคุกกี้ส่งขาย พอมีเวลาว่างก็อัดคลิปสอนลงโซเชียลทำให้ตอนนี้เธอมีงานสอนแบบส่วนตัวทางออนไลน์ให้กับพนักงานบริษัทที่อยากฝึกพูดภาษาอังกฤษให้คล่องอีกสองคน
ถึงแม้รายได้รวมจะไม่มากเท่ากับที่ทำงานเก่า แต่ค่าครองชีพที่นี่ก็ถูกกว่าที่อเมริกามาก อีกทั้งเงินประกันชีวิตและเงินเก็บที่ยายทิ้งไว้ให้ทำให้เธอมันก็มากจนเธอคิดไม่ถึง และมนสิชาเลยตัดสินใจแล้วว่าจะไม่กลับไปทำงานที่อเมริกาอีก
พออลันทราบข่าวจากเพื่อนร่วมงานของเธอ เขาก็ติดต่อมาและขอโทษเรื่องที่เขากับซาร่าทำผิดต่อเธอ เขาขอโอกาสมนสิชาอีกครั้งและบอกกับหญิงสาวว่าตอนนี้ตนเองนั้นเลิกกับซาร่าไปแล้ว และยังรอให้มนสิชากลับไปที่นั่น
“นะครับ มอลลี่ กลับมาที่นี่เถอะที่เมืองไทยคุณก็ไม่เหลือใครแล้วนะ”
“ถึงไม่เหลือใคร แต่ที่นี่ก็เป็นบ้านเกิดของฉันค่ะ”
“ที่คุณไม่กลับเพราะคุณยังโกรธผมเรื่องนั่นอยู่ใช่ไหม”
“ฉันเคยโกรธคุณนะคะอลันแต่นั่นมันนานมาแล้วตอนนี้ฉันไม่โกรธคุณแล้ว”
“ถ้าไม่โกรธคุณก็กลับมาสิครับ ผมรอคุณเสมอนะ”
“ที่ฉันไม่โกรธคุณก็เพราะฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณแล้วต่างหากล่ะคะอลัน” มนสิชาตัดใจจากชายหนุ่มตั้งแต่ที่รู้ว่าเขากับซาร่าแอบคบหากัน
“เราคบกันมาเกือบสองปีผมไม่เชื่อหรอกนะว่าคุณจะลืมผมได้”
“ก็แล้วแต่คุณสิคะ”
“คุณใจร้ายมากนะมอลลี่”
“ถ้าฉันใจร้ายคุณก็ไม่ต้องมาคุยกับสิคะ” พูดจบมนสิชาก็วางสาย
การได้คุยกับอลันในวันนี้ทำให้มนสิชารู้สึกสบายขึ้นมาก ตอนนี้เธอไม่เหลือความรู้สึกอะไรให้กับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว และรู้สึกดีใจด้วยซ้ำที่ตนเองหลุดพ้นจากผู้ชายนิสัยแย่ๆ มาได้
อลันในวันนี้ต่างจากอลันที่เธอเคยรู้จักจนอดคิดไม่ได้ว่าที่ผ่านมาตนเองนั่นทนคบกับเขาได้ยังไงตั้งนาน
พอวางวายจากอลันไปแล้วหญิงสาวก็บล็อกทุกช่องทางการติดต่อของเขาทั้งหมดเพราะไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกต่อไป เธอลบทุกอย่างเกี่ยวกับเขาออกจากโทรศัพท์และโน้ตบุ๊คจนเกลี้ยง ส่วนความทรงจำนั้นมันได้จางหายไปนับตั้งแต่รู้ว่าเขากับซาร่าแอบคบกันลับหลังตนเอง
มนสิชาในตอนนี้ไม่เหมือนคนเดิมอีกต่อไปแล้ว เธอหมดศรัทธาในเรื่องความรักไปจนหมดสิ้น เป้าหมายการใช้ชีวิตสำหรับหญิงสาวในตอนนี้ก็คือการทำงานเก็บเงินเพื่อเอาไว้ใช้ในตอนที่อายุมากขึ้น เรื่องความรักหรือการมีครอบครัวนั้นเป็นอะไรที่เธอไม่เคยคิดจะมีอีกต่อไป
แล้วเธอก็นึกไปถึงการคุยกับพ่อเลี้ยงทิศเหนือเมื่อเย็นวันก่อนซึ่งวันนี้เธอถามพ่อเลี้ยงไปตรงๆ ว่าที่เขาไปมาหาสู่เธอมาเกือบครึ่งปีนั้นเพราะอะไร
“นี่เรารู้จักกันมานานแล้วเหมือนกันนะครับ”
“ก็ใช่น่ะสิคะ”
“เวลามันผ่านไปเร็วมาก”
“ใช่ค่ะ ฉันก็เลยอยากจะรู้ว่าที่พ่อเลี้ยงยังติดต่อกับฉันอยู่แบบนี้เพราะอะไร”
“ผมคิดว่าเราน่าจะเป็นเพื่อนกันได้นะ”
“แค่เพื่อนใช่ไหมคะ” มนสิชาถามเขาไปแบบตรงๆ เพราะเธอไม่ชอบพูดอ้อมค้อม
“ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะน้ำปิง”
“ฉันเป็นคนตรงๆ อีกอย่างก็ไม่อยากให้พ่อเลี้ยงเสียเวลาถ้าคิดจะจีบฉัน”
“เพราะอะไรล่ะ หรือคุณมีแฟนอยู่แล้ว”
“เปล่าค่ะ”
“แล้วมันเพราะอะไร” พ่อเลี้ยงถามกลับ
“เพราะฉันไม่เคยคิดเรื่องนั้นเลยค่ะ ฉันไม่เชื่อในความรัก ฉันไม่คิดจะมีครอบครัว” เพราะมนสิชาเข็ดกับความรักและที่ผ่านมาตนเองก็ไม่ได้มีครอบครัวที่อบอุ่นจึงไม่คิดจะมีครอบครัวของตนเอง
“ไม่ต้องห่วงเลยครับ ผมเองก็ไม่คิดจะมีครอบครัวเหมือนกัน ผมหวังว่าเราคงเป็นเพื่อนกันได้”
“ค่ะ เราเป็นเพื่อนกันได้”
“ถ้างั้นผมว่าเราคงต้องไปฉลองมิตรภาพของเราแล้วละครับ ไปทานข้าวกันสักมื้อดีไหม”
“เอาไว้วันหลังนะคะ วันนี้ฉันมีสอนออนไลน์เดี๋ยวฉันจะโทรนัดนะคะพ่อเลี้ยง”
มนสิชาไม่ค่อยมีเพื่อนที่นี่เพราะเธอไปอยู่โรงเรียนประจำที่เชียงใหม่ การได้พ่อเลี้ยงเป็นเพื่อนเพิ่มมาอีกคนก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร