11 อยากให้เป็นมากกว่าลูกสาว
ถึงตอนนี้ก็ผ่านมาหลายวันแล้วที่เธอคุยกับพ่อเลี้ยง หญิงสาวมองตารางงานของตนเองในโทรศัพท์ก่อนจะโทรไปหาพ่อเลี้ยงทิศเหนือเพื่อนัดทานอาหารเย็นตามที่ได้คุยกันไว้
“สวัสดีครับน้ำปิง” ปลายสายตอบรับเกือบจะทันทีที่เธอกดโทรออก
“สวัสดีค่ะพ่อเลี้ยง” มนสิชาทักทายไปก่อนแต่ยังไม่พูดถึงเรื่องทานอาหารเพราะถ้าเกิดเขาลืมขึ้นมาเธอก็กลัวจะหน้าแตก
“ที่โทรหาผมวันนี้แสดงว่าคุณมีเวลาไปทานข้าวกับผมแล้วใช่ไหมครับ”
“ค่ะ ฉันว่างเย็นวันจันทร์กับวันพุธ พ่อเลี้ยงสะดวกเวลาไหนคะ”
“เอาเป็นเย็นวันจันทร์ก็ได้ครับ”
“ค่ะ ส่วนจะไปทานร้านไหน ฉันคงต้องรบกวนพ่อเลี้ยงนะคะ เพราะฉันไม่รู้เลยว่าที่นี่ร้านไหนอาหารอร่อย” มนสิชามักจะฝากท้องกับร้านอาการตามสั่งเพราะเธอทำอาหารไม่ค่อยเป็น
“คุณอยากทานแบบไหนล่ะครับ ผมจะได้แนะนำถูก”
“ฉันเป็นคนกินง่ายค่ะ อะไรก็ได้”
“คุณกินอาหารเหนือไหมล่ะ”
“กินค่ะ”
“จะเป็นไรไหมถ้าผมจะชวนคุณมากินข้าวที่บ้านผม เพราะแม่ผมทำอาหารเหนืออร่อยมาก” พ่อเลี้ยงทิศเหนือไม่ได้พูดเกินจริงเพราะมารดาของนั้นทำอาหารเหนืออร่อยมาก แต่ก่อนท่านเคยเป็นแม่ครัวในร้านอาหารที่เชียงใหม่ แต่พอแต่งงานก็ลาออกและตามสามีมาอยู่ที่ลำพูน
“ดีเลยค่ะ ฉันไม่ได้เจอคุณป้านานแล้ว”
“งั้นเย็นวันจันทร์ผมไปรับนะครับ ว่าแต่จะให้ไปรับที่บ้านหรือที่ทำงาน”
“ฉันไปเองก็ได้ค่ะ คุณแค่ส่งโลเคชันมาก็พอ”
“ผมไปรับดีกว่าครับ ทางเข้าบ้านผมค่อนข้างเปลี่ยว”
“ก็ได้ค่ะ เจอ กันวันจันทร์นะคะ”
“เดี๋ยวสิน้ำปิง อย่าเพิ่งวางสาย”
“มีอะไรคะพ่อเลี้ยง”
“ผมอยากถามว่าตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้าง สบายดีใช่ไหม”
“สบายดีค่ะ พ่อเลี้ยงถามเหมือนกับว่าไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
“ผมรู้ว่าสุขภาพคุณสบายดี แต่ที่ไม่รู้สภาพจิตใจของคุณตอนนี้”
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง”
รถMPV 7 ที่นั่งจอดหน้าบ้านไม้สักหลังใหญ่ที่บริเวณหน้าบ้านไม้สักหลังใหญ่มีแปลงดอกกุหลาบสีแดงสดขนาดใหญ่ส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ
มนสิชารู้สึกสดชื่นขึ้นมากเมื่อเปิดประตูรถออกมาแล้วได้กลิ่นหอมของดอกไม้ที่ตนเองชอบ
“กุหลาบบ้านพ่อเลี้ยงทั้งหอมทั้งดอกใหญ่มากเลยนะคะ”
“แม่ผมชอบดอกกุหลาบครับ ท่านเป็นคนดูแลกุหลาบพวกนี้เอง
“ดีจังนะคะ ฉันเองก็ชอบกุหลาบมากๆ แต่ที่เคยเห็นตามร้านกลิ่นของมันไม่ค่อยจะหอมเท่าไหร่”
“แม่ผมท่านเลือกพันธุ์ที่จะมาปลูกเอง ถ้าคุณชอบจะเอาไปปลูกที่บ้านก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันคงไม่มีเวลาดูแลเท่าไหร่ ถ้ามันตายขึ้นมาก็น่าเสียดายแย่เลยค่ะ”
“ดูแลไม่ยากหรอกครับ ลองถามคุณแม่ดูสิครับ”
“ได้ค่ะ ฉันจะลองถามคุณป้าดูค่ะ”
“ครับ เข้าบ้านกันเถอะแม่คงแล้ว”
มนสิชาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะเดินตามพ่อเลี้ยงทิศเหนือเข้าไปยังบ้านไม้สักซึ่งตอนนี้แม่เลี้ยงบุปผานั่นรออยู่ที่ห้องรับแขกแล้ว
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
“สวัสดีจ้ะหนูน้ำปิง ไม่เจอกันเกือบเดือนผอมไปหรือเปล่า”
“นิดหน่อยค่ะ คุณป้าล่ะคะสบายดีไหม”
“สบายดีจ้ะ ป้าดีใจนะที่วันนี้หนูมากินข้าวกับเรา”
“หนูต้องขอบคุณคุณป้านะคะ ที่กรุณาทำอาหารเหนือให้”
“ไม่เป็นไรเลย ป้าชอบทำอาหารอยู่แล้ว แต่บางครั้งทำแล้วกินกันสองคนก็เหงา ได้หนูมากินด้วยแบบนี้ป้าก็หายเหงาไปเลย”
แม่เลี้ยงบุปผาเดินนำทิศเหนือและมนสิชาไปยังห้องอาหารซึ่งตอนนี้มีอาหารแล้ววางอยู่บนโต๊ะหลายอย่างทั้งคั่วขนุน แกงฮังเลไส้อั่ว อีกทั้งยังมีผัดสดๆ กับน้ำพริกอ่องอีกด้วย
“อาหารเยอะมากๆ เลยค่ะคุณป้าทำคนเดียวเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ เพราะป้ารู้ว่าหนูจะมาป้าก็เตรียมทำตั้งแต่บ่ายหนูชอบอาหารเหนือเหรอลูก”
“หนูชอบค่ะ ปกติยายจะเป็นคนทำให้ค่ะแต่ตอนนี้ยายไม่อยู่แล้ว” เสียงพูดนั้นเบาลงเพราะเธอยังคงคิดถึงยายของตนอยู่
“ป้าเข้าใจจ้ะว่าความรู้สึกนั้นมันเป็นยังไงเอาไว้หนูมาทานข้าวกับป้าที่นี่บ่อยๆ นะแล้วให้ป้าสอนทำดีไหมจะได้ทำไว้หัดทำไว้กินเอง”
“ได้ค่ะ เอาไว้หนูจะหาเวลา มาเรียนทำอาหารกับคุณป้านะคะ ว่าแต่หนูจะรบกวนคุณป้าเกินไปหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะป้าอยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำก็รู้สึกเหงาๆ ถ้าหนูมาหาป้าบ่อยๆ ก็คงจะดี” แม่เลี้ยงบุปผาเอ็นดูมนสิชามากกว่าทุกคนที่เคยรู้จัก
“แม่ครับน้ำปิงเขางานยุ่ง คงมาหาแม่บ่อยๆไม่ได้หรอก”
“ก็เธอเพิ่งบอกแม่นี่ว่าเธอจะหาเวลามาแล้วเราไปยุ่งอะไรกับเธอด้วยล่ะ”
“ผมก็แค่กลัวว่าแม่จะคอยเก้อ”
“ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ ถ้าฉันบอกว่าจะมาก็คือจะมาแล้วฉันสามารถบริหารเวลาของฉันได้” มนสิชารู้สึกอบอุ่นที่ได้อยู่กับแม่เลี้ยงบุปผา
“ถ้างั้นก็ดี แม่ผมจะได้ไม่เหงา”
“ต่อไปถ้าหนูน้ำปิงมาที่นี่บ่อยๆ แม่จะไม่สนใจเราเลยอยากไปทำอะไรที่ไหนก็ไป”
“โอ้โห พอได้น้ำปิงมาเป็นเพื่อนนี่ไม่สนใจผมเลยเหรอครับ มันน่าน้อยใจจริงๆ”
“เรากินข้าวกันดีกว่านะน้ำปิง อย่าไปสนเขาเลย”
“ค่ะ คุณป้า อาหารอร่อยมากๆ เลยค่ะ อร่อยทุกอย่างเลย มนสิชาเอ่ยชมไปตามจริง” รสชาติอาหารทุกอย่างคล้ายกับที่ยายเคยทำให้เธอทาน หญิงสาวน้ำตาซึมเมื่อได้ทานอาหารที่รสชาติติดอยู่ในความทรงจำ
“คิดถึงยายใช่ไหม” แม่เลี้ยงถามขึ้น
“ค่ะ”
“หนูคงคิดว่าตอนนี้ตัวเองไม่เหลือใครแล้ว แต่หนูอย่าลืมนะว่าหนูยังมีป้ากับทิศเหนืออยู่อีกสองคน ถ้าหนูไม่รังเกียจอะไร มาเป็นลูกสาวของป้าอีกคนดีไหม” แม่เลี้ยงบุปผาอยากจะพูดว่ามาเป็นลูกสะใภ้แทบใจจะขาดแต่เพราะอยากให้ทุกอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เธอรู้ว่าลูกชายเริ่มจะมีใจให้กับมนสิชาเพราะไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ติดต่อกับเธอนานเกือบครึ่งปีอย่างนี้แน่ๆ
“ขอบคุณนะคะที่เอ็นดูหนู”
“ขอบคุณแล้วตกลงไหมล่ะ”
มนสิชาลังเลเพราะเธอกับแม่เลี้ยงไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดเลยสักนิด แต่ความจริงใจของแม่เลี้ยงบุปผาและพ่อเลี้ยงทิศเหนือตลอดเวลาเกือบหกเดือนก็ทำให้เธอยากที่จะปฏิเสธได้
“ตกลงค่ะคุณป้า”
“ถ้าตกลงก็ต้องเรียกว่าแม่สิ”
“ค่ะแม่”
“ถ้าน้ำปิงเป็นลูกสาวของแม่เธอก็เป็นน้องของผมเพราะฉะนั้นก็ต้องเรียนผมว่าพี่ใช่ไหมครับแม่” เขาหันไปถามมารดาของตัวเอง
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวจ้ะ อยู่ที่น้ำปิงเลยลูก”
“หนูว่าเรียกพ่อเลี้ยงเหมือนเดิมดีกว่าค่ะ”
“อ้าว ก็นึกว่าจะเรียกพี่เหนือ”
“เสียใจค่ะ ฉันตกลงเป็นแค่ลูกของแม่เลี้ยง ไม่ได้ตกลงเป็นน้องคุณสักหน่อย”
“ไม่เป็นน้องก็ได้ครับ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” พ่อเลี้ยงหัวเราะก่อนจะก้มหน้าทานอาหารต่อ เขาไม่ได้อยากให้เธอมาเป็นน้องสักหน่อย แต่ถ้าให้เป็นอย่างอื่นมันก็ไม่แน่เพราะยิ่งได้ใกล้ชิด เขาก็ยิ่งถูกชะตากับมนสิชามากขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวไม่เหมือนคนอื่นที่เขาเคยเจอ มนสิชาไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนหวานหรือดูอ่อนแอจนอยากปกป้องแต่เธอเป็นตัวของตัวเองและเข้มแข็งมากจนเขาได้แต่แอบชื่นชม เพราะถ้าเป็นเขาที่ไม่เหลือใครอีกเลยในชีวิตก็ไม่รู้ว่าตนเองจะเข้มแข็งได้เหมือนกับมนสิชาหรือเปล่า
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วทั้งสามคนก็ย้ายมานั่งคุยกันที่ห้องรับแขก พอแม่เลี้ยงบุปผารู้ว่าลูกสาวคนใหม่ของตนชอบดอกกุหลาบเหมือนกันก็ดีใจใหญ่และบอกว่าจะให้คนงานเอาไปปลูกที่บ้านของมนสิชาด้วย
“รดน้ำแค่วันละครั้งตอนเช้าเองดูแลไม่ยากหรอก”
“แล้วหนูต้องใส่ปุ๋ยด้วยไหมคะ”
“นานๆ ครั้งค่อยใส่ ถ้าถึงตอนนั้นแม่จะให้คนไปทำให้เอง”
“หนูทำเองก็ได้ค่ะ แค่แม่ให้ดอกไม่ไปลูกที่บ้านหนูก็เกรงใจมากแล้ว”
“จะเกรงใจทำไมกัน แม่มีตั้งหลายแปลง พรุ่งนี้หนูอยู่บ้านไหมล่ะ จะได้ให้คนเอาไปปลูกให้”
“อยู่ค่ะแม่ พรุ่งนี้หนูมีสอนบ่ายโมงค่ะ”
“งั้นแม่จะให้เขาเอาดอกไม้ไปลงแต่เช้านะ”
“ขอบคุณค่ะแม่”