12 ใกล้กันทีละนิด
รุ่งเช้าของวันใหม่มนสิชาตื่นนอนมาเปิดประตูบ้านให้กับคนงานของแม่เลี้ยงบุปผาในเวลาเจ็ดโมงเธอต้องแปลกใจเพราะนอกจากคนงานสองคนแล้วพ่อเลี้ยงทิศเหนือยังตามมาอีกด้วย
“พ่อเลี้ยงไม่น่าลำบากมาเลยนะคะ”
“ไม่ได้ลำบากอะไรเลย ผมก็แค่อยากมาดูว่าเขาทำงานกันเรียบร้อยดีไหม ไม่อยากให้เสียชื่อน่ะ” เขาแก้ตัวไปแบบนั้นแต่แท้จริงแล้วตนเองก็อยากจะมาช่วยดูว่าทุกอย่างนั้นเป็นอย่างที่เขาอยากให้เป็นหรือเปล่า”
“ขอบคุณนะคะ ที่อุตส่าห์มาตั้งแต่เช้า”
“ครับ ผมมาแต่เช้าจริงๆ นั่นแหละยังไม่ได้กินอะไรมาเลย”
“ที่บ้านมีแต่กาแฟกับขนมปัง พ่อเลี้ยงกินได้ไหมคะ ฉันทำกับข้าวไม่เป็นค่ะ”
“ได้สิ ผมกินง่าย”
“แล้วคนงานสองคนนั้นล่ะคะ เขากินอะไรมากหรือยัง”
“เขากินมาแล้วครับ เหลือแค่ผมคนเดียวที่ยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“จะเข้าไปกินข้างในบ้านหรือจะให้ยกออกมากินที่ระเบียงดีคะ”
“ข้างในก็ได้ครับ”
พ่อเลี้ยงทิศเหนือเดินตามมนสิชาเข้าไปในบ้านชั้นเดียวพื้นยกสูงมีบันไดขึ้นเพียงแค่สามขั้น
บ้านหลังนี้เขาเคยมาแล้วหลายครั้งแต่ยังไม่เคยเข้ามาถึงบริเวณห้องครัวเลยสักครั้งเพราะส่วนใหญ่ก็จะนั่งคุยกับยายช่อเอื้องที่หน้าบ้านหรือไม่ก็แค่ที่ห้องรับแขกเท่านั้น
มนสิขาชงกาแฟส่งให้กับพ่อเลี้ยงก่อนจากนั้นจึงไปทำไข่ดาว แฮม และปิ้งขนมปังมาวางบนโต๊ะ
“พอได้ไหมคะ”
“น่ากินมาก ปกติคุณกินแบบนี้ทุกวันเหรอ”
“ก็ประมาณนั้นค่ะ อีกอย่างฉันก็ทำไม่ค่อยเป็นค่ะ”
“ผมนึกว่าคนที่อยู่ต่างประเทศจะทำอาหารเก่งเสียอีกนะครับ แบบว่าคิดถึงอาหารไทยก็ทำเองอะไรแบบนั้น”
“คนอื่นอาจจะเป็นแบบนั้นค่ะ แต่ฉันไปอยู่อเมริกาแค่ไม่กี่ปีเอง อีกอย่างฉันก็เป็นคนกินง่ายอยู่แล้วเรื่องอาหารเลยไม่มีปัญหาอะไร”
“อยู่ที่นู่นเป็นยังไงบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม” พ่อเลี้ยงหนุ่มชวนเธอคุยระหว่างที่นั่งทานอาหารเช้าไปด้วย
“ก็ดีค่ะ เจ้านายใจดี เพื่อนร่วมงานดี อากาศก็ดีค่ะ ฉันยังเคยชวนยายไปอยู่ด้วย แต่ท่านไปยอมไป”
“ตอนนี้ท่านไปสบายแล้ว เหลือก็แต่คุณ แล้วไม่คิดจะกลับไปทำงานที่นั่นเหรอ”
“ไม่ค่ะ ถึงอยู่ที่นี่จะรายได้ไม่ถึงครึ่งแต่ฉันก็ไม่ได้ลำบากอะไรเลย”
“ก็ดีนะครับ” พ่อเลี้ยงแอบยิ้มเพราะถ้าเธอจะอยู่ที่นี่ตนเองก็คงมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับมนสิชามากขึ้น
หลังทานอาหารเสร็จแล้วพ่อเลี้ยงก็มาดูความเรียบร้อยของกุหลาบที่คนงานปลูกไว้จากนั้นก็ขอตัวกลับเพราะเห็นว่ารบกวนเวลาหญิงสาวมานานเกินไปแล้ว
วันนี้มนสิชาเลิกงานแล้วก็แวะทานอาหารที่ร้านประจำก่อนจะขับรถมาถึงบ้านของตนเองในเวลาเกือบจะหนึ่งทุ่ม เธอต้องประหลาดใจเมื่อมาถึงบ้านแล้วเห็นว่ามีใครบางคนยืนรออยู่ที่หน้ารั้วพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่
“อลัน คุณมาได้ยังไงคะ แล้วหาบ้านฉันเจอได้ยังไง” มนสิชาถามด้วยความแปลกใจเพราะเธอไม่เคยให้ที่อยู่กับเขา
“ผมคิดถึงคุณก็เลยมาหา”
“ขอบคุณนะคะที่คิดถึง แต่ฉันว่ามันคงไม่ดีเท่าไหร่ เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนะคะ”
“ผมอยากให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม”
“แต่ฉันก็บอกคุณไปทางโทรศัพท์แล้วนะคะ”
“ผมอยากคุยกับคุณตรงๆ มากกว่า” อลันรู้ว่ามนสิชาเป็นคนใจอ่อนและขี้สงสารเขาคิดว่าถ้ามาหาและง้อเธอมากขึ้นอีกนิดหญิงสาวก็คงใจอ่อนและยอมคืนดีด้วยเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
“ถึงจะคุยกันอีกกี่ครั้งฉันก็ยังยืนยันเหมือนเดิมค่ะ ว่าระหว่างเรานั้นมันจบแล้วจริงๆ” เธอยืนยันเสียงแข็ง
“คุณจะไม่เสียดายเวลาที่เราคบกันเหรอมอลลี่”
“ไม่ค่ะ” มนสิชาปฏิเสธเสียงแข็งอีกครั้ง
“มอลลี่ ผมขอโทษกับทุกอย่างที่ผ่านมา ผมสัญญาว่าจากนี้จะรักและซื่อสัตย์กับคุณคนเดียวเท่านั้นนะ นะครับมอลลี่” อลันก็ไม่ยอมแพ้เพราะเขาคิดว่าง้ออีกนิดเธอก็จะใจอ่อน
หญิงสาวยิ้มกับชื่อที่เขาเรียก มันนานมากแล้วที่เธอไม่ได้ยินคนเรียกชื่อนี้ นานจนเธอเกือบจะลืมไปเลยว่าตนเองนั้นเคยชื่อมอลลี่มาก่อน
“ไม่ค่ะ” หญิงสาวยังคงยืนยันคำเดิม
“ผมจะให้เวลาคุณนะมอลลี่ ระหว่างที่ผมอยู่กับคุณที่นี่ผมจะทำให้คุณกลับมารักผมเหมือนเดิมให้ได้”
“อยู่กับฉันเหรอคะ”
“ใช่สิ ผมมาหาคุณก็ต้องอยู่กับคุณสิ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันว่าคุณไปเช่าโรงแรมอยู่ดีกว่านะ”
“ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอมอลลี่”
“ฉันนะเหรอที่ใจร้าย” หญิงสาวถามกลับ
“ก็คุณไม่ยอมให้ผมอยู่กับคุณแล้วแบบนี้จะว่าผมใจร้ายได้ยังไง”
“แต่ฉันว่าคุณไม่ควรอยู่ที่นี่ค่ะ”
“บ้านคุณหลังก็ไม่ได้เล็กนะผมว่าน่าจะมีสักห้องที่ผมอยู่ได้”
“อย่าเลยค่ะอลัน ที่นี่ไม่ใช่อเมริกาผู้หญิงกับผู้ชายที่ไม่ได้เป็นอะไรกันจะมานอนร่วมบ้านกันไม่ได้”
“แต่เราเป็นแฟนกันนะ”
“เราก็อดีตแฟนค่ะถ้าคุณอยากอยู่เมืองไทยอยากเที่ยวเมืองไทยจริงๆ ฉันจะพาคุณไปพักที่โรงแรมขึ้นรถมาสิเดี๋ยวฉันจะไปส่ง” มนสิชารีบเดินไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่หน้ารั้วโดยมีอลันเดินตามไปที่รถด้วยใบหน้าเซ็งสุดขีด
หญิงสาวพาอดีตคนรักมายังโรงแรมแห่งหนึ่ง เธอพาเขาไปเช็กอินก่อนจะขอตัวกลับ
“ผมยังไม่ได้กินอะไรเลยนะมอลลี่พาผมไปกินข้าวก่อนได้ไหม”
“ที่โรงแรมก็มีร้านอาหารบริการค่ะ คุณถามพนักงานได้เลยอยากทานแบบไหนก็บอกเขาไป”
“มอลลี่แค่กินข้าวด้วยกันเองนะ มันไม่มีอะไรเสียดายหรอก”
“ก็ได้ค่ะ กินเสร็จแล้วฉันจะกลับ”
มนสิชาพาเขามายังร้านอาหารที่อยู่ถัดจากโรงแรมไปอีกสองช่วงตึกขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปก็บังเอิญเจอกับพ่อเลี้ยงทิศเหนือที่พอดี
“อ้าว น้ำปิงมากินข้าวเหรอครับ”
“ค่ะ ฉันพาเพื่อนมากินข้าวค่ะ พ่อเลี้ยงล่ะคะ”
“ผมมาหาเพื่อนครับ ว่าแต่จะไม่แนะนำเพื่อนให้ผมรู้จักหน่อยเหรอ” พ่อเลี้ยงทิศเหนือหันไปมองชายหนุ่มชาวต่างชาติที่ยืนอยู่ข้างๆ มนสิชา
นี่”เพื่อนฉันชื่ออลันค่ะ อลันคะนี่เพื่อนของฉันชื่อทิศเหนือค่ะ” หญิงสาวแนะนำสองคนให้รู้จักกัน
พ่อเลี้ยงทิศเหนือกล่าวทักทายเพื่อนของมนสิชาในภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงที่หญิงสาวฟังแล้วอดแปลกใจไม่ได้ เพราะสำเนียงของเขานั้นมันชัดราวกับเป็นเจ้าของภาษา
“ถ้าไม่รังเกียจผมขอเลี้ยงต้อนรับเพื่อนของคุณได้ไหมน้ำปิง”
“ยินดีค่ะพ่อเลี้ยง” เพราะไม่อยากทานอาหารกับอลันตามลำพังมนสิชาเลยรับข้อเสนอของพ่อเลี้ยงทิศเหนืออย่างรวดเร็ว
สีหน้าของอลันไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่เห็นว่ามนสิชาสนิทกับผู้ชายตรงหน้า แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะบางทีเขาอาจจะเข้าทางเพื่อนของเธอเพื่อให้เธอยอมกลับมาคบกับตนเองอีกครั้ง
ระหว่างทานอาหารอลันก็บอกกับพ่อเลี้ยงทิศเหนือว่าจริงๆ แล้วเขากับมนสิชานั้นไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดาแต่เป็นแฟนกัน
“คุณพูดผิดแล้วค่ะอลัน เราเคยเป็นแฟนกันค่ะ” มนสิชารีบแก้ไขคำพูดเขาทันที
“เราแค่มีปัญหากันนิดหน่อยตอนนี้ผมกำลังง้อเธออยู่ครับ”
“อลันคะ ถ้าคุณยังพูดเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้แบบนี้ฉันว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้คุยกันนะคะ”
“ค่อยๆ คุยกันดีกว่านะครับ ผมว่าคุณสองคนน่าจะอยากคุยกันเป็นการส่วนตัว ผมขอตัวก่อนนะครับ” พ่อเลี้ยงทิศเหนือไม่อยากจะฟังทั้งสองคนทะเลาะกันจึงรับขอตัวก่อน
“ขอโทษนะคะพ่อเลี้ยงที่ทำให้ต้องอึดอัด แต่พ่อเลี้ยงไม่ต้องไปหรอกค่ะ เราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้วค่ะ” มนสิชารีบรั้งเขาไว้เพราะตนเองไม่อยากจะอยู่กับอลันตามลำพังอีกต่อไป
“ครับ” พ่อเลี้ยงพอจะจับความรู้สึกของมนสิชาได้ว่าตอนนี้เธอกับผู้ชายที่ชื่ออลันไม่น่าจะเยื่อใยอะไรให้เขาอีกแล้ว ส่วนอลันนั้นเขาพอจะมองออกว่าชายหนุ่มยังไม่อยากจะจบความสัมพันธ์กับมนสิชา
หลังทานอาหารเสร็จพ่อเลี้ยงก็เดินมาส่งทั้งสองคนที่โรงแรม พออลันเดินเข้าลิฟต์ไปแล้วชายหนุ่มก็หันมาคุยกับมนสิชาที่กำลังจะเดินไปยังลานจอดรถ
“ไหวไหม มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ”
“ขอถามได้ไหมว่าคุณจะเอายังไงต่อ”
“ก็อย่างที่คุณได้ยินนั่นแหละค่ะ ฉันไม่คิดจะกลับไปคบกับเขาอีกแล้ว”
“ผมไม่รู้ว่าระหว่างคุณสองคนเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าอยากเล่าผมก็ยินดีฟังนะ”
“เรื่องมันนานมาแล้วค่ะ”
“แต่เขาก็ยังตามคุณมาถึงที่นี่ และถ้าผมดูไม่ผิด เขายังรักคุณอยู่”
“แต่สำหรับฉันไม่มีความรู้สึกแบบนี้แล้ว”
“น้ำปิง เราเป็นเพื่อนกันนะ ไปนั่งคุยกันหน่อยดีไหม ผมรู้จักร้านที่บรรยากาศดีๆ เราจะได้นั่งดื่มไปด้วยคุยไปด้วย ไปรถผมก็ได้ ขากลับค่อยมาเอารถที่นี่”
“ดีเหมือนกันนะคะ นี่ก็ครึ่งปีแล้วที่ฉันไม่ได้ดื่ม”