3 ทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี่
ทั้งสองนั่งพิงไหล่กันอยู่บนโซฟาตัวโตกลางห้องมนสิชารู้สึกใจหายที่จะต้องจากรักแรกเพื่อกลับไปทำหน้าที่ของตนเอง
“อลันคะ มอลลี่อยากให้คุณรอ ได้ไหมคะ” เธอถามออกไปอย่างคนเห็นแก่ตัว มนสิชาอยากให้เขารอและคิดว่าตนเองอาจจะโน้มน้าวจิตใจของยายให้ย้ายมาอยู่ที่นี่กับเธอได้ หญิงสาวรักทั้งสองคนเท่าๆ กัน แต่ถ้ามันจำเป็นจะต้องเลือกคนใดคนหนึ่งเธอก็ไม่ลังเลที่จะเลือกยายเพราะท่านเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เกิดซึ่งเรื่องนี้เธอก็รู้สึกผิดกับอลันอยู่มาก
“แน่นอน ผมรอคุณได้เสมอ แต่ก่อนที่เราจะจากกัน คุณจะไม่ทำอะไรให้ผมมั่นใจหน่อยเหรอว่าระหว่างเราจะไม่เปลี่ยนแปลง”
“หมายถึงอะไรคะ”
“ผมว่าคุณเองก็น่าจะรู้นะ ว่าผมต้องการอะไร คุณให้ผมรอผมก็รอ และผมก็รอมานานแล้ว” อลันจุมพิตไปบนหลังมือของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา เขาเฝ้าทะนุถนอมเธอมานานแต่ยังไม่เคยทำอะไรในแบบที่คนรักทำกันเลยสักครั้ง
“แต่...”
“มอลลี่ เราจะต้องจากกันแล้วนะ” อลันพยายามหว่านล้อมอย่างเต็มที่
“มอลลี่รู้ค่ะ ว่าการคบกันของเรามันไม่เหมือนกับคู่รักคู่อื่นๆ แต่มอลลี่ก็ยืนยันว่ามอลนี่รักคุณนะคะ แต่ถ้าจะนอนกับคุณมันเป็นอีกเรื่อง”
“ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคุณจะหวงตัวไปถึงไหน” ชายหนุ่มกล่าวอย่างหัวเสีย
“มอลลี่ไม่อยากทะเลาะกับคุณเรื่องนี้อีกแล้วนะคะ ถ้าคุณจะโกรธหรือไม่พอใจมอลลี่ก็ขอโทษด้วย” มนสิชามีปมในใจเพราะเธอเกิดจากความผิดพลาด เธอจึงไม่คิดจะมีความสัมพันธ์กับใครถ้าหากยังไม่ถึงขั้นที่จะแต่งงาน และที่ผ่านมาอลันก็ยังไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลยสักครั้ง
มันเลยทำให้เธอยังไม่มั่นใจว่าการคบกันของเธอและเขาจะไปกันได้นานแค่ไหน
“ผมไม่อยากทะเลาะกับคุณหรอกนะ เอาเป็นว่าผมขอกลับก่อนแล้วกันเพราะถ้าผมอยู่กับคุณที่นี่ต่อ ผมก็ไม่รู้ว่าจะห้ามใจตัวเองได้ไหม ผมขอให้คุณเดินทางปลอดภัยนะมอลลี่ ถึงแล้วก็โทรหาผมด้วยนะ” พูดจบชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนโดยมนสิชาเองก็ลุกขึ้นตามเขา ทั้งสองสวมกอดกันอีกครั้งมนสิชาน้ำตาคลอเพราะไม่รู้ว่านี่จะเป็นกอดครั้งสุดท้ายของเธอและอลันหรือเปล่า
“ถ้าถึงแล้วมอลลี่จะรีบโทรหาคุณนะคะ”
พอชายหนุ่มเดินออกจากห้องไปแล้วหญิงสาวก็ทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง เธอรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่นั้นมันไม่ค่อยยุติธรรมสำหรับอลันเลย แต่เธอก็ไม่อยากจะเป็นเหมือนมารดาที่ท้องแล้วโดนคนรักทิ้งจนต้องหอบท้องโย้มาหายาย พอคลอดเธอออกมาได้ไม่กี่วันมารดาก็ฆ่าตัวตายแล้วทิ้งให้เธออยู่กับยายมาตั้งแต่ยังแบเบาะ
มนสิชามองนั่งอยู่ท่ามกลางความมืดรอจนกระทั่งถึงเวลาที่ต้องเดินทาง หญิงสาวหวังว่าจะเห็นอลันที่สนามบินแต่ก็ผิดคาดเพราะรอจนกระทั่งถึงเวลาต้องขึ้นเครื่องเขาก็ไม่โผล่มา
การเดินทางจากคนรักครั้งนี้มันต่างจากครั้งก่อนๆ เธอเคยกลับไปเยี่ยมยายที่เมืองไทยมาก็หลายครั้งแต่ละครั้งที่ผ่านมาเธอจะจองตั๋วเครื่องบินขากลับไว้เรียบร้อย แต่ครั้งนี้มันมีเพียงแค่ตั๋วโดยสารไปที่เมืองไทยเพียงอย่างเดียว
ขณะที่เธอขึ้นไปนั่งบนเครื่องและปิดเครื่องและยังไม่ทันได้ปิดเครื่องมือสื่อสารก็มีวิดีโอคอลมาจากอลัน หญิงสาวยิ้มอย่างดีใจที่เขาโทรหา เธอกดรับสายนั้นอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มเมื่อครู่ต้องหุบยิ้มเมื่อกล้องจับภาพไปบนเตียงซึ่งบนนั้นมีอลันและซาร่าเพื่อนที่ทำงานของเขานอนเคียงข้างกันอยู่
“ซาร่า...”
“เครื่องยังไม่ออกใช่ไหม มอลลี่”
“กำลังจะออก แล้วทำไมเธอถึงไปอยู่กับอลันได้”
“ไม่ต้องแปลกใจหรอก เราสองคนก็อยู่กันแบบนี้มาได้สักพักแล้ว ที่ซาร่าโทรมาหาก็เพราะอยากจะโทรมาอวยพรให้มอลลี่เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย หวังว่าจะไม่กลับมาที่นี่อีก ซาร่าไม่อยากให้อลันต้องไขว้เขว”
“หมายความว่ายังไง”
“เห็นแบบนี้ยังต้องอธิบายอีกเหรอ ซาร่าก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจมอลลี่หรอกละ แต่ไหนๆ ก็จะกลับเมืองไทยแล้วก็เลยอยากจะบอกว่าจริงๆ แล้วซาร่ากับอลันเราไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดา ก็อย่างว่าแหละ มอลลี่ผิดเองที่ไม่ยอมเขา ผู้ชายนะเขาก็ย่อมมีความต้องการเป็นธรรมดา หวังว่าจะไม่โกรธกันนะ”
มนสิชาตัวแข็งทื่อ ที่ผ่านมาเธอรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของคนรักและทั้งสองมักไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เธอเคยถามถึงความสัมพันธ์แต่อลันก็ยืนยันว่าเขากับซาร่าเป็นแค่เพื่อนสนิทกันเท่านั้น แต่จากภาพที่เห็นมันก็คงไม่ใช่อย่างที่เขาบอกกับเธอแน่ๆ
“ขอบใจจนะซาร่า” เป็นคำพูดเดียวที่มนสิชานึกออกตอนนี้ การรับรู้เรื่องของซาร่าและอลันทำให้มนสิชาตัดสินใจได้แล้วว่าเธอจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกอย่างแน่นอน
หญิงสาวปิดโทรศัพท์และนั่งร้องไห้ราวกับคนเสียสติโดยไม่สนใจว่าใครจะมองยังไง มันจะเป็นการร้องไห้ให้กับความรักเป็นครั้งสุดท้าย พอถึงเมืองไทยเธอจะลืมเรื่องราวทุกอย่างที่นี่ให้หมด ซึ่งไม่รู้ว่าตัวเองจะทำได้อย่างที่คิดไว้ไหม
ระยะเวลาสิบกว่าชั่วโมงบนเครื่องบินมันช่างยาวนานมากสำหรับหญิงสาวความกังวลเริ่มมีมากขึ้นเมื่อกำลังจะถึงเป้าหมาย เธอลงเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิจากนั้นก็ต่อเครื่องไปลงยังจังหวัดลำพูนซึ่งเป็นจังหวัดบ้านเกิดของตน