4 เรื่องวุ่นๆ
ทิศเหนือพ่อเลี้ยงหนุ่มใหญ่วัย 36 ปีเดินเข้ามาตรวจโรงงานเฟอร์นิเจอร์ซึ่งนานๆ ครั้งเขาถึงจะเข้ามาแล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าลูกน้องของตนเองนั้นอยู่กันครบทุกคนทั้งที่วันนี้มีนัดว่าจะต้องไปรื้อถอนบ้านหลังหนึ่งซึ่งตกลงซื้อแล้วจะเอาไม้มาทำเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งได้นัดแนะกันไว้แล้วเมื่อสัปดาห์ก่อนและมีกำหนดจะรื้อถอนวันนี้
“ทำไมอยู่กันครบล่ะไหนว่าจะไปหรือบ้านตาสัก” พ่อเลี้ยงถามลูกน้องที่กำลังช่วยกันขัดเตียงไม้สักให้ขึ้นเงา
“ตาสักเปลี่ยนใจไม่ขายแล้วครับพ่อเลี้ยง” สมหมายหนึ่งในคนงานตอบ
“ได้ยังไง เงินแกก็รับไปแล้วครึ่งหนึ่งนะ สัญญาก็มี” พ่อเลี้ยงหนุ่มทำหน้าไม่พอใจเท่าไหร่
“แกว่าจะขายทั้งบ้านและที่ดินให้ยายช่อเอื้องครับ”
“นายช่อเอื้องแกจะซื้อไปทำไมบ้านแกก็มีแล้วนะ”
“ก็ตอนนี้หลานสาวแกกลับมาอยู่บ้าน ตาสักก็เลยอยากจะถามขายให้แกอีก เพราะถ้าขายให้ยายช่อเอื้องก็จะได้ขายทั้งที่ดินและบ้านไปพร้อมๆ กัน”
“ฉันเพิ่งรู้นะว่ายายช่อเอื้องแกมีหลานด้วย แล้วหลานแกจะซื้อจริงๆ ใช้ไหม”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”
“แบบนี้งานเราก็ไม่เดินกันพอดี เอาละเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับหลานของยายช่อเอื้องเองถ้ามันมีปัญหามากนักฉันก็จะซื้อที่ด้วยเลย”
“พ่อเลี้ยงจะเอาที่มาทำไมครับ” สมหมายถามอย่างแปลกใจเพราะที่ดินของพ่อเลี้ยงก็มีมากมายอยู่แล้ว
“กำลังอยากได้บ้านในเมืองสักหลัง” พ่อเลี้ยงตอบไปแบบนั้นทั้งที่ไม่เคยคิดจะมีบ้านที่ไหนเพราะที่มีอยู่ก็สุขสบายดีอยู่แล้ว
ตอนนี้พ่อเลี้ยงหนุ่มกำลังหัวเสียเพราะถ้ายังไม่สามารถรื้อถอนได้ก็หมายความว่าจะได้ไม้มาทำเฟอร์นิเจอร์ช้าไปด้วยและมันก็จะใกล้ถึงกำหนดส่งงานลูกค้าซึ่งเขาไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด
“จะไปไหนแต่เช้าละลูก” แม่เลี้ยงบุปผามารดาของชายหนุ่มถามหลังจากที่เห็นลูกชายทานอาหารเช้าแล้วดูรีบร้อนจะออกจากบ้าน
“ไปดูบ้านตาสักครับแม่”
“ได้ไม้ดีๆ มาเยอะไหมล่ะ”
“ยังไม่ได้สักแผ่นเลยครับแม่”
“แม่จำวันผิดเหรอ นึกว่าไปรื้อตั้งแต่เมื่อวานเสียอีก” เธอมองวันที่บนหน้าปัดนาฬิกาแล้วถามลูกชาย
“ไม่ผิดหรอกครับ เมื่อวานลูกน้องผมไปแล้วแต่ตาสักเปลี่ยนใจไม่ขาย”
“อยู่ดีๆ จะเปลี่ยนใจได้ยังไง หรือแกไปรวยที่ไหนมาถึงได้ไม่อยากจะขายบ้านแล้ว”
“แกว่าอยากจะขายให้ยายช่อเอื้องกับหลานสาวครับ”
“หลานสาวเหรอ หนูน้ำปิงกลับมาอยู่กับยายแล้วเหรอ”
“สมหมายมันว่าอย่างนั้นครับ ผมยังไม่เคยเจอ แม่รู้จักเหรอครับ”
“รู้สักสิ หนูน้ำปิงเป็นหลานสาวคนเดียวของยายช่อเอื้อง เธอไปเรียนโรงเรียนโรงเรียนประจำที่เชียงใหม่ตั้งแต่ชั้น ม. 4 จากนั้นก็ไปทำงานที่กรุงเทพได้ไม่นานก็ย้ายไปทำงานที่อเมริกา”
“แม่รู้ละเอียดจังเลยนะครับ”
“ก็เจอยายแกทีไรนายก็พูดถึงเรื่องหลานสาวทุกที แม่ยังเคยเปรยว่า อยากได้มาเป็นลูกสะใภ้”
“แม่ผมยังไม่อยากมีเมีย” พ่อเลี้ยงรีบบอกมารดาเพราะเขานั้นยังอยากมีอิสระและไม่อยากจะมีข้อผูกมัดกับใครทั้งนั้น
“แม่ก็ไม่ได้บังคับนี้ ลองไปรู้จักกันก่อน”
“ป่านนี้เธอคงไม่โสดแล้วมั้งครับแม่ครับแม่ อีกอย่างเท่าที่ฟังก็คงอายุน้อยกว่าผมเยอะเลย”
“ก็น่าจะสิบปีได้นะ เรื่องโสดหรือเปล่านี่แม่ไม่แน่ใจ”
“แล้วสวยไหมครับ” พ่อเลี้ยงถามไปตามประสาคนที่ชอบผู้หญิงสวยๆ
“น่าจะสวยนะ เพราะยายช่อเอื้องสมัยยังสาวๆ ก็สวยมาก”
“สวยมากของแม่กับของผมบางครั้งมันก็ต่างกันนะครับ แล้วคนสวยๆ มันก็หายากที่จะโสด” พ่อเลี้ยงทิศเหนือบอกมารดา
“มันก็ไม่แน่นะลูก ดูอย่างลูกแม่สิ ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ยังโสด”
“ที่ผมโสดก็เพราะผมตั้งใจโสดไงครับแม่”
“แม่ว่าเราน่ะโสดมานานเกินไปแล้วนะเหนือ”
“ผมไม่อยากหาเหาใส่หัวนี่ครับ ใช้ชีวิตแบบนี้ก็ดีแล้ว ไม่ต้องมีภาระ ไม่ต้องรับผิดชอบใคร อยากสนุก อยากมีความสุขก็แค่ใช้เงิน”
“มันก็ถูกของเรานะ แต่บางครั้งคนเรามันก็ต้องมีคู่คิดบ้างนะ ถ้ามีใครสักคนที่เป็นคู่คิด เป็นเพื่อนเราได้มันก็ดี”
“ผมก็มีแม่เป็นคู่คิดไงครับ”
“ตอนนี้แม่ยังเป็นคู่คิดของเหนือได้ แต่อีกไม่กี่ปีแม่ก็คงไม่ไหว แม่อยากเข้าวัดฟังธรรมกับเขาบ้าง ถ้าเราทำให้แม่เป็นห่วงแบบนี้ระวังจะบาปเอานะ” แม่เลี้ยงบุปผาบอกกับบุตรชายที่อายุมากขนาดนี้ยังไม่คิดจะแต่งงานสักที
“นี่ถึงขั้นเอาเรื่องบาปบุญมาพูดเลยเหรอครับแม่”
“แม่ก็พูดไปเรื่อยตามประสาคนแก่”
“แก่ที่ไหนครับแม่เลี้ยงบุปผายังสาวยังสวยอยู่เลย”
“อย่ามาทำปากหวานกับแม่หน่อยเลย แม่ไม่หลงกลหรอก”
“ผมพูดจริงนี่ครับ เวลาผมไปไหนกับแม่ใครๆ ก็คิดว่าเป็นพี่สาว”
“พอเลยๆ ไม่ต้องมาประจบแม่ นี่จะหลอกให้แม่คุยเรื่องอื่นแล้วลืมเรื่องของตัวเองใช่ไหมล่ะ”
“ใครจะทำอย่างนั้นกัน”
“ก็เรานั่นแหละ แล้วนี่เมื่อคืนกลับซะดึกเลยไปไหนมาล่ะ”
“ก็ไปหาอะไรที่มันคลายเครียดไงครับแม่”
ระวังด้วยนะ สนุกได้แต่อย่าให้มีปัญหาตามมาทีหลังล่ะ ถึงแม่อยากจะให้ลูกแต่งงานมาแค่ไหน แต่ก็ไม่ใช่ว่าเลือกใครก็ได้นะเหนือ”
“แล้วแบบไหนล่ะที่แม่อยากได้”
“แบบที่รักลูกของแม่จริงๆ ไม่ใช่รักที่เงินของลูกไง”
“แค่นั้นเองเหรอ”
“ใช่แค่นั้นเอง”
“ข้อเดียวของแม่นี่ยากเหมือนกันนะครับ”
“มันก็ต้องมีสักคนสิลูก ลองเปิดใจดู ผู้หญิงบางคนเขาก็ไม่สนใจเงินทองหรอก”
“แต่มันหายากนะครับแม่”
“อะไรที่หายากมันก็มีคุ้มค่านะเหนือ”
“ผมไม่อยาก เขาว่าของแบบนี้ถึงเวลาก็มาเอง”
“ปีนี้ก็ 36 แล้ว ถ้า 40 ยังไม่มีหลานให้แม่ก็เตรียมไปขอลูกบุญธรรมเลยนะ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับแม่ แม่บอกเองว่าเนื้อคู่ผมจะมาตอนอายุ 36 นี่ครับ”
“นั่นสิแม่ลืมไปเลย สงสัยปีนี้จะได้สะใภ้จริงๆ สักที แม่เลี้ยงบุปผายิ้ม เพราะเธอรอคอยวันนี้มานานแล้ว หลังจากที่ผ่านมาได้แต่สะใภ้ชั่วคราวที่ลูกชายคบไปทั่วและยังไม่คิดจริงจังกับใคร
“อย่าทำเป็นเล่นนะทิศเหนือ ถ้าเจอคนที่ใช่ถูกใจก็อย่ารีรอ คว้าได้ก็รีบคว้า”
“ถ้าผมถูกใจเขา แล้วเขาไม่ถูกใจผม ล่ะ ให้ผมจับปล้ำเลยไหม”
“เอาสิเดี๋ยวแม่ไปประกันตัวเอง” แม่เลี้ยงบุปผาพูดแล้วก็หัวเราะรู้ว่าลูกชายคงไม่ทำอะไรโดยไม่คิดแบบนั้น