บทที่ 7 พ่อเลี้ยงอย่าดุหนู 1.3
หลังจากเตรียมของพร้อมเธอก็เดินออกมาปล่อยให้คนตัวโตนอนต่ออีกนิด เพราะตอนนี้เพิ่งจะตีห้าครึ่ง การตื่นเช้าไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเธอเพราะปกติเป็นคนตื่นเช้าอยู่แล้ว ยิ่งถ้าอยู่ที่บ้านด้วยแล้วเธอไม่เคยตื่นสายเลยสักครั้ง
พอเธอเดินออกมาจากห้องก็เจอกับน้าไทที่กำลังเดินขึ้นบันไดมาพอดี
"สวัสดีค่ะน้าไท" อิงฟ้าทักทายคนแก่กว่าด้วยน้ำเสียงแหบเล็กน้อย
"อ่าว..หนูอิงตื่นเช้าจังเลยนะครับแล้วนี่เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า? เสียงแหบเชียว" ไทที่ได้ยินเสียงแหบแห้งของคนอ่อนกว่าก็อดทักไม่ได้ หลังจากเมื่อวานที่เห็นหญิงสาววิ่งออกจากห้องไอ้เหมด้วยสภาพไม่ดีนักก็พอจะเดาออกว่าเธอคงทำอะไรสักอย่างให้มันไม่พอใจ พอเขาเข้าไปช่วยมันทำธุระส่วนตัวก็ไม่ได้ถามไถ่อะไร เพราะดูหน้ามันแล้วก็ไม่อยากจะเสี่ยงกับอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของมันนัก แม้จะอยากรู้ก็ตาม ถึงจะสนิทขนาดไหนแต่ถ้ามันได้อารมณ์หงุดหงิดโมโหเมื่อไร ไม่ว่าใครก็โดนจนกระเจิงได้เหมือนกัน ยิ่งตอนนี้อารมณ์มันสวิงยิ่งกว่าผู้หญิงมีประจำเดือนเสียอีก บางครั้งใครก็เข้าหน้าไม่ติด ขนาดแม่เลี้ยงยังต้องถอยมาตั้งหลัก
"น่าจะไม่ชินกับอากาศค่ะน้าไท" อิงฟ้าตอบตามจริงเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงเร็วมาก กลางคืนเย็นจัดส่วนกลางวันก็แดดร้อนจัดทำเอาร่างกายปั่นป่วนแถมเมื่อวานยังโดนน้ำเย็นสาดกระหน่ำจากคนใจร้ายอีก
"แล้วเมื่อคืนได้ทานยาหรือยังครับ" ไทถามด้วยความเป็นห่วงเพราะดูเหมือนว่าหญิงสาวจะป่วยกว่าที่เธอจะยอมรับ เพราะสีหน้าตอนนี้ยังดูซีดเซียวอยู่เลย
"เอ่อ..คือเมื่อคืนหนูไม่ได้ลงมาหายาทานเลยค่ะ พอดีมันมืดแล้วไม่มีใครอยู่ด้วยหนูกลัวผี" อิงฟ้าพูดออกมาตามตรงเพราะเธอเป็นคนขี้กลัวยิ่งตอนมืด ๆ เธอจะไม่ออกไปไหนเลยด้วยซ้ำขนาดเมื่อคืนเธอยังต้องนอนเปิดโคมไฟหัวเตียงทิ้งไว้ทั้งคืนเลย ยิ่งมานอนต่างถิ่นแบบนี้ด้วยเธออดคิดกลัวไม่ได้จริง ๆ
"อ่าว...แล้วแบบนี้เมื่อคืนนอนหลับสบายไหมล่ะเนี่ยะ ขี้กลัวขนาดนี้" ไทถามเด็กสาวด้วยความเป็นห่วงเข้าใจในสิ่งที่เธอกลัวเพราะบ้านนี้ก็อยู่กันแค่สองคนยิ่งดึกยิ่งเงียบสงัดส่วนเขาก็ไม่ได้มานอนเฝ้าไอ้เหมมาสักพักแล้วตั้งแต่มันอาการดีขึ้น สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากกว่าเมื่อก่อนไทเลยถูกไล่ให้ไปทำงานที่ไร่แทน แต่ไทรู้ว่าไอ้เหมจริง ๆ แล้วมันไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้เห็นเท่านั้นเองจึงไล่คนอื่นออกไปไกลหูไกลตา เพราะไม่อยากเจอสายตาที่มองมาอย่างน่าสงสารทุกวันนี้ใครมาขอเข้าเยี่ยมมันถึงไม่เคยตอบรับเลยสักรายยกเว้นคนสนิทจริง ๆ อย่างหมอสามคุณคชาคุณติณและคุณไม้เพื่อนสนิทเท่านั้น
"หลับค่ะ แต่หนูเปิดไฟทิ้งไว้ทั้งคืนเลยไม่แน่ว่าค่าไฟเดือนนี้อาจจะพุ่งเพราะหนูก็ได้นะคะ" อิงฟ้าตอบด้วยน้ำเสียงติดตลก
" เอาเถอะจะเปิดจะปิดก็ตามใจหนูแค่นี้ไม่ทำให้ไอ้เหมมันขนหน้าแข้งร่วงหรอกครับ" ไทตอบด้วยน้ำเสียงติดขำตามเด็กสาวอย่างน้อยเด็กคนนี้ก็ยังสู้ไม่หนีไปเสียก่อนตั้งแต่ถูกไอ้ไทปาที่เขี่ยบุหรี่ใส่หน้าเมื่อวานนี้
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานถึงเขาจะไม่อยู่แต่ก็รู้ทุกอย่างเพราะสาวใช้ในบ้านก็พูดกันให้แซ่ดถึงพฤติกรรมของเจ้าของไร่
"แล้วแผลที่หัวเป็นยังไงบ้างครับเมื่อวานก็โดนน้ำไปไม่ใช่เหรอ?" ไทสังเกตว่าแผลที่ถูกปิดไว้เมื่อวาน ตอนนี้ถูกเปลี่ยนใหม่แล้ว
"อ่อ..หนูไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ เมื่อวานหนูเปลี่ยนผ้าก๊อซอันใหม่แล้ว"
"ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับ อย่าลืมทานยาด้วยล่ะแล้วนี่พ่อเลี้ยงยังไม่ตื่นใช่ไหม?"
"ค่ะ แต่หนูเตรียมของเรียบร้อยแล้วนะคะ"
"อ่อ..เอ่อ..ถ้าอย่างนั้นน้าวานให้หนูช่วยดูพ่อเลี้ยงหน่อยได้ไหม คือว่าเช้านี้เจ้าสีหมอกมันกำลังจะคลอดลูกน้าต้องไปดู" ไทเอ่ยปากขอร้องหญิงสาวตรงหน้าด้วยความเกรงใจแต่เรื่องสีหมอกจะคลอดลูกก็เป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยเพราะเจ้าสีหมอกเป็นม้าตัวโปรดของไอ้เหม มันรักเหมือนลูกเลยด้วยซ้ำแถมยังท้องแรกอีก
"อุ๊ย! หนูอยากไปด้วย" เสียงกังวานใสเอ่ยอย่างตื่นเต้นเมื่อได้ยินว่าจะมีม้าคลอดลูก
"เอ่อ.. แต่น้าว่าหนูอยู่ดูแลไอ้เหมมันดีกว่านะครับถือว่าน้าขอร้อง" ไทตอบอย่างยากลำบาก อยู่ดี ๆ คนที่ขอดูแลพ่อเลี้ยงกลับจะตามไปดูม้าคลอดลูกเสียนี่
"เอ่อ..แหะ ๆ ขอโทษค่ะพอดีหนูตื่นเต้นอยากไปดูม้าคลอดลูก" เด็กสาวพูดเสียงติดหงอยเพราะด้วยความที่เรียนเป็นสัตวแพทย์ เธอเลยกระตือรือร้นมากไปหน่อย ทำให้ลืมไปว่าตอนนี้หน้าที่ของเธอคืออะไร
"เอาไว้วันหลังนะครับ ถ้าอย่างนั้นน้าฝากด้วยตอนนี้มันคงใกล้จะตื่นแล้ว" หลังจากตกลงกันได้ไทก็ผละออกมาปล่อยหญิงสาวรับหน้าที่ดูแลพ่อเลี้ยงตามลำพัง
หลังจากคุยกับน้าไทเสร็จฉันก็เดินกลับเข้ามาในห้องนอน ตอนนี้ใกล้จะหกโมงแล้วยังไม่เห็นคนที่นอนจะมีทีท่าจะตื่น ฉันเดินเข้ามานั่งยอง ๆ ที่ข้างเตียงมองพ่อเลี้ยงพินิจพิจารณาใบหน้าคม ขนาดอายุปาไป 34 ปีแล้ว ยังคงมีความหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ จมูกโด่งคมสันนี่น่าจับหักเสียนี่กระไร คนอะไรจมูกโด่งได้อย่างน่าอิจฉาที่สุดแล้วยังริมฝีปากหยักที่ดูชมพูอย่างคนสุขภาพดีนั่นอีก ขนาดสูบบุหรี่ก็ไม่ทำให้ดำคล้ำเหมือนคนอื่นที่เธอเคยเห็น
ทำไมถึงยังน่าจูบ...
อึก!! นี่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ยะ! บอกว่าปากพ่อเลี้ยงน่าจูบเหรอ? นี่ถ้าพ่อเลี้ยงรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่มีหวังได้หัวแตกอีกรอบแน่ ๆ แผลที่หัวเจ็บตุบตุบ เหมือนจะส่งสัญญาณเตือนว่า แผลเก่ายังไม่ทันหายอย่าสร้างแผลใหม่จ้า
พรึบ!!
ฉันรีบลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นขนตาหนากระพรือไปมาเหมือนคนกำลังรู้สึกตัว ฉันยืนตัวตรงถอยหลังก้าวห่างจากเตียงออกมาหนึ่งก้าวอย่างระแวดระวัง นับหนึ่งถึงสิบในใจเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ต่อจากนี้
"ส..สวัสดีค่ะพ่อเลี้ยง" ทันทีที่คนตัวโตลืมตา สองมือหนายันที่นอนดันตัวเองให้เอนกายขึ้นมาพิงพนักเตียงโดยไม่รอความช่วยเหลือสายตาสอดส่ายไปมาเหมือนกับหาอะไรบางอย่าง
"เอ่อ..พ่อเลี้ยงหาอะไรเหรอคะ เดี๋ยวหนูช่วยหา"
"ยุ่ง!"
เสียงดุติดแหบเอ่ยออกมาไม่ทำให้อิงฟ้ายอมแพ้
"หรือพ่อเลี้ยงอยากเข้าห้องน้ำคะ" ฉันนึกขึ้นได้คิดว่าพ่อเลี้ยงคนอยากเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว ไม่รอให้คนแก่กว่าพูดตอบฉันรีบเข็นรถมาใกล้เตียงก่อนจะยกเท้าพ่อเลี้ยงลงจากเตียงจัดวางในท่าห้อยขา ขยับรถเข็นมาวางใกล้ ๆ มือบางจับรถแน่นเป็นการตั้งหลัก พ่อเลี้ยงก็ยันตัวเองมานั่งบนรถเข็นได้สบาย เหมือนกับว่าไม่ต้องใช้แรงอะไรมาก ๆ แต่ฉันนี่สิ! เกร็งจนเส้นเลือดขึ้น
หลังจากพ่อเลี้ยงนั่งบนรถเรียบร้อยฉันก็เข็นรถมาในห้องน้ำ ทำทุกอย่างเหมือนเมื่อคืนแต่ต่างกันตรงที่วันนี้ฉันเตรียมตัวมาดีมากสงสัยพรุ่งนี้ฉันต้องตื่นเช้ามาออกกำลังกายเพิ่มซะแล้ว
ดูเหมือนว่าเช้านี้จะง่ายกว่าเมื่อวานเพราะอย่างน้อยฉันก็สามารถทำมันได้ดีและยังไม่ได้ยินเสียงบ่นจากเจ้าของห้องสักคำเดียว
ตอนนี้พ่อเลี้ยงยกตัวมานั่งประจำที่นั่งเตรียมอาบน้ำ มือหนาปลดกระดุมเสื้อเผยให้เห็นแผ่นอกกว้างที่มีขนรำไรทำให้ฉันต้องแอบกลืนน้ำลาย สองมือช่วยแยกสาบเสื้อออกจากไหล่หนาถอดออกจนเหลือแต่กางเกง ฉันนั่งลงตรงหน้าคนตัวโตก่อนจะขออนุญาตถอดกางเกงที่ติดกายเพียงชิ้นเดียว
ทำไมถึงรู้ว่าพ่อเลี้ยงใส่กางเกงติดกายตัวเดียวน่ะเหรอ?
ก็เพราะว่าความอลังการของท่อนลำเนื้อที่มันแทบฟาดหน้าฉันยังไงล่ะ!