บทที่ 2 คัด
3 ปีต่อมา...
หมู่บ้านโนนเจริญ อำเภอโนนสวรรค์
เสียงเลื่อยยนต์ เสียงกิ่งไม้โค่น เสียงเครื่องตัดหญ้าดังผสานกับเสียงคนตะโกนคุยกันดังรอบบริเวณด้านหลังอาคารปูนชั้นเดียว คนกลุ่มใหญ่กำลังช่วยกันพัฒนาถากถางป่าด้านหลังโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 690 ซึ่งก่อตั้งเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว เป็นโรงเรียนประถมแห่งแรกของบ้านโนนเจริญ ชุมชนติดตัวอำเภอโนนสวรรค์อำเภอขนาดเล็กอยู่ติดชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
จนถึงปัจจุบันโรงเรียนตชด. แห่งนี้ยังคงเปิดทำการเรียนการสอนอยู่ แม้จะมีโรงเรียนอนุบาลอำเภอและโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอขนาดใหญ่เปิดแล้วก็ตาม
คนในชุมชนมีความผูกพันและมีความพอใจที่จะให้ลูกหลานของตนเรียนจบจากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนแห่งเดียวของอำเภอต่อไป แม้แต่ละชั้นปีจะมีครู ตชด.แค่คนเดียวรับสอนทุกวิชาก็เถอะ
กลุ่มคนที่มาร่วมพัฒนาภูมิทัศน์รอบโรงเรียน ตชด.วันนี้มีกำลังพลจากกองร้อย ตชด.เอง และกลุ่มเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจากอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนบ้านโนนเจริญก็เข้ามาช่วยกันพัฒนาโรงเรียนช่วงหน้าฝน ป้องกันอันตรายจากสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์มีพิษ และกำจัดที่อยู่อาศัยแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลายพาหะของโรคไข้เลือดออกที่มักระบาดมากในฤดูฝน
พวกผู้หญิงช่วยกันปัดกวาดทำความสะอาดอาคาร งานแบกหามใช้แรงงานให้พวกผู้ชายทำไป แบ่งบางส่วนช่วยกันหิ้วถังน้ำดื่มวางบริการเป็นจุด และอีกส่วนไปเตรียมทำอาหารกลางวันสำหรับคนที่มาร่วมพัฒนาหลายสิบคน
เข้าฤดูฝนมาหนึ่งเดือนแล้วแต่แสงแดดช่วงกลางวันก็ยังมีพลังทำลายล้างสูง กลุ่มตชด.และพลเรือนจึงผลัดกันเข้าร่มไม้นั่งพักเป็นระยะ ๆ ครูปุ๊ครูใหญ่ของโรงเรียนคอยเดินตรวจดูความเรียบร้อยตามจุดต่าง ๆ มีครูตชด.ชายครูผู้น้อยนำทีมผู้นำชุมชนกับลูกบ้านชายฉกรรจ์เข้าตัดแต่งกิ่งไม้รกครึ้ม
"ระวัง ๆ กิ่งไม้กำลังจะตก!"
"ครูเอก ระวังกันด้วย คนขึ้นไปตัดกิ่งไม้ด้านบนส่งเสียงคนข้างล่างก่อนโค่น"
"กลุ่มตัดหญ้าก็ระวังก้อนหิน ระวังเศษของมีคมกระเด็นใส่"
"ครับ ครูใหญ่"
"เหนื่อยก็พักกันก่อนนะครับผู้ใหญ่ พวกผู้หญิงเขายกถังน้ำเย็นมาให้ใต้ร่มไม้ตรงนู้น"
"ครับ ๆ ทำตรงนี้เสร็จค่อยนั่งพักทีเดียว อีกเดี๋ยวก็จะเที่ยงแล้ว" ผู้ใหญ่บ้านหันมาตอบรับแล้วถามถึงเป้าหมายการทำงานช่วงบ่ายต่อประสาผู้ใหญ่บ้านไฟแรงชอบงานพัฒนา
"จริงสิ หลังพักกินข้าวเที่ยง เข้าจุดไหนต่อครับ วันนี้ชาวบ้านมาช่วยกันเยอะ วันหลังพวกครูจะได้เหนื่อยกันน้อยลง"
"ขอบคุณมากผู้ใหญ่ ช่วงบ่ายจะเข้าไปรื้อแปลงผักเก่า เตรียมตากดินไว้อีกสักอาทิตย์จะได้ปลูกผักสวนครัวไว้ทำอาหารกลางวันให้พวกเด็ก ๆ" ครูใหญ่เอ่ยขอบคุณน้ำใจของผู้ใหญ่กับชาวบ้านคอยให้ความร่วมมือช่วยเหลือในกิจกรรมของโรงเรียนอยู่เสมอ
"โรงเรียนตชด.มีทั้งไข่ไก่ ทั้งปลาเลี้ยงบ่อ ผักปลอดสารพิษทำอาหารกลางวันอร่อย ๆ ทุกวัน จนเจ้าเปี๊ยกลูกผมไม่อยากจะกินกับข้าวที่บ้านแล้วทุกวันนี้"
"ฮ่า ๆๆๆ เด็ก ๆ ชอบครูใหญ่ก็ดีใจครับ วัตถุดิบทำอาหารก็ส่วนหนึ่งแต่หลายปีมานี้ต้องยกความดีความชอบให้กับฝีมือทำอาหารของครูแก้วเขาครับ ขยันสรรหาเมนูแปลกใหม่มาทำ ลำพังครูผู้ชายอย่างพวกผมก็ทำอาหารเป็นไม่กี่อย่าง ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่"
"ส่วนใหญ่ถนัดทำกับแกล้มใช่ไหมครับ ครูปุ๊" เสียงตชด.นายหนึ่งซึ่งชอบนั่งล้อมวงเป๊กกินกับแกล้มตอนเย็นหลังเลิกงานกับครูใหญ่ร้องถามขึ้น
"ใช่ครับ เอ๊ย ไม่ใช่!" ครูใหญ่ปุ๊รีบแก้ตัวพัลวัน ท่ามกลางเสียงหัวเราะครืนของ ตชด.คนอื่นกับชาวบ้าน
"เอ้า นั่น ผู้กองซัน รอง ผบ.กองร้อยที่เพิ่งย้ายมาประจำการนี่ กำลังจะทำอะไรล่ะนั่นน่ะ?" ครูใหญ่เขม้นสายตามองไปที่กลุ่มพัฒนาอีกกลุ่มอยู่ห่างออกไปราว 50 เมตร
ชายหนุ่มรูปร่างสูงปราดเปรียว ใส่ชุดเวสสีเขียวเข้ม หมวกไบเล่สีดำ มีผ้าปิดใบหน้าด้านล่างเอาไว้ บุคลิกดูโดดเด่นสะดุดตายืนรวมกลุ่มอยู่ด้วย
เดือนที่แล้วเพิ่งมีร้อยตำรวจเอกเพิ่งจบจากโรงเรียนนายร้อยย้ายมานั่งตำแหน่ง รอง ผบ.กองร้อยคนใหม่ของกองร้อยตชด.ที่ 690 จึงกลายเป็นบุคคลที่กำลังถูกจับตามองเป็นอย่างมาก เนื่องจากหายากมากที่จบนายร้อยตำรวจแต่กลับเลือกลง บช.ตชด.
ครูปุ๊เดินเข้าไปตรงจุดคนกำลังมุงกันอยู่ "ทางนั้นเขาทำอะไรกัน" เอ่ยถาม ตชด.นายหนึ่งเดินสวนมา
"ครูใหญ่ ผู้กองซันแกอยากจะลองตัดหญ้าดูบ้างครับ"
"เอ้า นั่นเครื่องตัดแบบเส้นเอ็นคนยังตัดไม่เป็นไม่ทันระวังเดี๋ยวจะบาดเจ็บ" ครูปุ๊พูดขึ้นอย่างคนเคยมีประสบการณ์มาก่อน
"แกเป็นคนกรุงเทพจะเคยใช้เครื่องตัดหญ้ารึเปล่า ถ้าผู้กองอยากจะฝึกใช้เครื่องตัดหญ้าเอาเครื่องใบตัดยาวให้แกจะปลอดภัยกว่านะ" ตอนผู้กองซันมาถึงใหม่ ๆ ผิวพรรณขาวเนียนยังกะผู้หญิงบ่งบอกพื้นฐานครอบครัวเป็นอย่างดี
"ไม่ทันแล้วครับ นั่น แกเดินออกไปลองแล้ว"
"เดี๋ยวผมจะเข้าไปดูก่อน" ครูใหญ่เดินเข้าไปพยายามส่งเสียงร้องบอกให้ผู้กองหนุ่มหยุดมือก่อน
"ผู้กอง ผู้กองซัน! ปิดเครื่องก่อนครับ เครื่องนี้มันใช้ยาก"
แต่เสียงเครื่องตัดหญ้าหลายเครื่องกำลังทำงานเสียงดังกระหึ่มกลบเสียงครูใหญ่จนหมด ครูใหญ่จึงพยายามเดินเข้าไปใกล้ด้านหลังผู้กองหนุ่มมากที่สุดแต่ตัวเองก็ต้องระวังพวกก้อนหิน เศษไม้ที่กระเด็นพุ่งออกมาเป็นระยะ
วันนี้เป็นวันเสาร์แกเองไม่ได้ลงมือทำงานแค่คอยเดินดูประสานงานว่าต้องรื้อถางแต่งกิ่งไม้จุดไหนบ้าง จึงใส่รองเท้าผ้าใบมาไม่ได้ใส่บูทข้อยาว
"ผู้กองซัน! ผู้กอง..."
"โอ๊ย..."
รอง ผบ.กองร้อยหยุดชะงักก่อนจะดับเครื่องยนต์ลง
"จนได้ ผู้กองซันโดนตรงไหนครับ?"
"ซี๊ดด... ครูใหญ่ โดนตรงต้นขาครับ" ผู้กองหนุ่มพยายามก้มดูรายละเอียดวัตถุขึ้นสนิมแทงทะลุกางเกงเนื้อหนา
"น่าจะเป็นเศษสังกะสีเก่า แต่ไม่น่าจะเป็นไรมากไม่ค่อยมีเลือดออก" ชายหนุ่มจัดการดึงวัตถุแปลกปลอมออกจากต้นขาถึงเห็นว่าเป็นอะไร
"ผู้กองซันโดนตรงไหนครับ" ชาวบ้านทำงานจุดเดียวกันต่างรีบเข้ามาถาม
"โอย บาดใหญ่พอสมควร มันยังชาอยู่น่ะสิ เดี๋ยวก็ไหลโชกแน่นอน นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำเลย" เลือดสีแดงเข้มไหลออกมาจากบาดแผลบริเวณต้นขาเหนือหัวเข่าราวหนึ่งฝ่ามือ บาดแผลยาวเกือบคืบปริมาณเลือดจึงเพิ่มอย่างรวดเร็ว
"ต้องรีบห้ามเลือด ทำความสะอาดแผล"
"ครูเอก เรียกครูพยาบาลมาทำแผลด่วน!" ครูใหญ่หันไปตะโกนบอกครูผู้ชายอีกคน
เจ้าตัวรีบวิ่งเข้ามาดูคนเจ็บ "ครูพยาบาลลาคลอดได้ 2 วันแล้วครับครูใหญ่"
"เออ จริง ผมลืม งั้นครูเอกก็ไปเปิดห้องพยาบาลเอายาทำแผลมาล้างฆ่าเชื้อให้ผู้กองก่อนก็ได้"
"ล้างตอนนี้เลือดก็ไม่หยุดไหล ต้องพาไปโรงพยาบาลให้หมอเย็บแผล ฉีดกันบาดทะยักอยู่แล้ว" สังกะสีเก่าสนิมเขรอะขนาดนี้ไม่ต้องบรรยายก็รู้ว่าเชื้อโรคจะเยอะขนาดไหน
"งั้นก็พาไปโรงพยาบาล ดูจากแผลคงโดนเย็บหลายสิบเข็มแน่ แต่ไม่เป็นไรพยาบาลห้องฉุกเฉินของโรงบาลอำเภอมีแต่คนสวย ๆ อยู่หรอก" ครูใหญ่ว่าอย่างติดตลก
ตำรวจตชด.หนุ่มนั่งกุมต้นขาโชกเลือดสีหน้าเริ่มซีดเล็กน้อย ในหูเริ่มมีเสียงดังวิ้ง ๆ ตามมาด้วยอาการตาลาย ใช่แล้ว เขากลัวเลือดถ้าเห็นเลือดคนอื่นไม่เป็นไร แต่เมื่อไหร่ที่ตนเองมีบาดแผลเลือดออกจะหน้ามืดตาลายทันที
"ไหน ๆ ใครเป็นอะไร" คนมาใหม่เดินแหวกขามุงเข้ามาดู
"ผู้กองซันโดนเศษสังกะสีเก่ากระเด็นใส่ แผลใหญ่พอสมควรผู้ใหญ่ฝน" ครูปุ๊หันมาแจ้งเหตุการณ์ผู้ใหญ่บ้าน
"ครูพยาบาลลาคลอด ผมกำลังจะพาส่งไปเย็บแผลที่โรงพยาบาล"
"โรงพยาบาลอยู่ห่างออกไป 1 กิโลเมตรกว่า แผลลึกขนาดนี้ต้องห้ามเลือดก่อน เดี๋ยวผมเรียกคนมาช่วยปฐมพยาบาลอาการเบื้องต้นให้ ไป ๆ ช่วยกันหามคนเจ็บไปใต้อาคารมีพื้นปูนสะอาด ๆ"
โรงเรียนตชด.บ้านโนนเจริญอยู่เยื้องไปด้านหลังหมู่บ้านตั้งอยู่ในเขตที่ดินราชพัสดุ ไม่ได้อยู่ติดถนนหลวงเส้นหลักที่ตัดผ่านด้านหน้าหมู่บ้าน เส้นทางที่เด็กใช้เดินทางมาโรงเรียนยังเป็นทางลูกรังหินคลุกสีแดง
ชายฉกรรจ์หลายคนช่วยกันหิ้วปีกหามคนเจ็บคนละมุม "นั่งพักตรงนี้ผมจะไปเรียกคนมาช่วย" ผู้ใหญ่บ้านว่าแล้วเดินหายออกไปทางโรงครัว
"ผู้ใหญ่บ้านพาใครมาล่ะนั่น พัฒนาวันนี้มีหมอมาร่วมด้วยเหรอ" คนหนึ่งสงสัย เห็นผู้ใหญ่บ้านเดินนำร่างเล็กโปร่งใส่เสื้อผ้าแขนขายาวมิดชิด หน้าตาก็ใส่หมวกปิดมองเห็นแต่ลูกตา
"ผู้ใหญ่ได้หมอมาจากที่ไหน"
"นี่ หมอวันจันทร์วันนี้มาช่วยพัฒนาด้วย"
"เอ๊ะ หมอวันจันทร์... ไทกบฏ น้อยลูกชายหมอแช่ม เปิดร้านนวดติดกับถนนคู่ขนานนั่นนะ"
"ใช่ วันจันทร์คนเดียวนั่นแหละ"
"แล้วหมอจันทร์ถนัดเรื่องนะ... นวดเส้น จะมาช่วยห้ามเลือดผู้กองได้เหรอ"
สุ้มเสียงที่พูดฟังดูมีเลศนัยอยู่บ้าง กำลังอยู่ต่อหน้าเจ้าตัวจึงไม่กล้าพูดจาน่าเกลียดเกินไปนัก แต่สีหน้าของหลายคนเปลี่ยนเล็กน้อยตอนได้ยินว่าหมอจันทร์ร้านนวด
"แกลืมแล้วรึไงว่าหนูวันจันทร์เป็นลูกใคร"
"ลูก... หมอเฒ่าแช่ม" หมอธรรม หมอผี หมอมนต์คนเดียวของหมู่บ้านละแวกอำเภอนี้
"ตกลงจะให้ฉันช่วยไหม คนเจ็บเลือดจะออกหมดตัวแล้ว ถ้าไม่ให้ช่วยก็รีบพาคนส่งโรงพยาบาลเถอะ"
ร่างโปร่งคลุมผ้ามิดชิดทั้งตัวพูดขึ้นในที่สุดหลังจากยืนฟังมาสักพัก แล้วไม่รู้ว่าใครสรรหาทำเอากระป๋องพลาสติกใบเล็กมารองด้านล่างต้นขาคนเจ็บ เลือดก็ไหลลงไม่หยุดจะรองเลือดไปทำไมก่อน จะเอาไปใส่ลาบรึไง มีแต่พวกประสาท ๆ
"ช่วยคนเอาบุญเถอะ หนูวันจันทร์" ผู้ใหญ่บ้านรู้จักคุ้นเคยกับครอบครัวหมอเฒ่าดีจึงเรียกวันจันทร์อย่างสนิทสนม
"ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องถอยออกไปห่าง ๆ มุงกันเยอะแยะคนเจ็บจะเป็นลมอยู่แล้ว" คนเจ็บเงยหน้ามองคนมาใหม่ที่มองเห็นแค่ลูกตานิ่ง ๆ เพราะเสียเลือดกะทันหันชายหนุ่มมีอาการหน้าวูบไม่มีแรงขยับตัวแล้ว
"จ้ะ ๆ" ทุกคนรีบถอยฉากหลบ
ผู้ใหญ่บ้านรู้ว่าหนุ่มทายาทหมอเฒ่าคนนี้ไม่ค่อยชอบให้มาจับจ้องตอนตนเองรักษาคน ไม่บ่อยที่หมอวันจันทร์จะยอมลงมือส่วนมากจะปล่อยให้หมอแช่มคนพ่อจัดการ
วันจันทร์หันซ้ายหันขวาจึงเจอวัตถุที่ต้องการ สาวเท้าไปรูดเอาใบต้นสาบเสือมาได้หนึ่งกำมือ เดินกลับมาหาคนเจ็บยังคงนั่งมองไม่พูดอะไรเหมือนเดิม หยิบกระป๋องวางคว่ำใต้อาคารมาใบหนึ่ง ล้วงเอาไม้บดยาอันเล็กที่พกใส่กระเป๋าคาดเอวไปด้วยทุกที่เวลาออกนอกบ้าน จัดการบดใบสาบเสือจนละเอียดอย่างรวดเร็ว กอบเอาใบสาบเสือบดเรียบร้อยขยับเข้าหาคนเจ็บที่ยังคงนั่งเงียบ
แต่คราวนี้พอเห็นว่าวันจันทร์กำลังจะเอาใบไม้บดสีเขียวเละ ๆ มาใส่บาดแผลที่ยังมีเลือดไหลไม่หยุดของตัวเอง ตชด.หนุ่มออกแรงเขยิบถอยหลังทันที
"จะเอาอะไรมาใส่ สกปรก แผลจะติดเชื้อ"
"ฮึ!" คนนั่งยองอยู่กับพื้นส่งเสียงขึ้นจมูก ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือมีใครตั้งใจให้คนเจ็บนั่งฉีกขาบนเก้าอี้ตัวสูง ส่วนเขาตอนนี้นั่งก้มหน้ามุดเข้าตรงกลาง
"หัดหาความรู้หน่อย นี่ใบสาบเสือเป็นสมุนไพรสารพัดประโยชน์ ใส่แผลช่วยฆ่าเชื้อ ทำให้เลือดไหลช้าลง แก้อักเสบได้ หลังแผลหายก็ไม่กลายเป็นแผลเป็น" เสียงแหบเล็กร่ายยาวเล็กเชอร์ความรู้ให้ไอ้หนุ่มแปลกหน้าฟัง
ตชด.หนุ่มเม้มปากมองคนตัวบางเจ้าของดวงตากลมโตกำลังจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง ชายหนุ่มเงยหน้ามองครูใหญ่ยืนแอบหลังเสาต้นหนึ่งเชิงถาม เห็นเจ้าตัวพยักหน้ายืนยันว่าเป็นความจริงก็ถอนหายใจโล่งอก เขาเกิดและใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพมาตลอดไม่เคยเห็นวิธีแบบนี้มาก่อน
"ถ้าเข้าใจแล้วก็อยู่นิ่ง ๆ" พอก้มหน้าอีกครั้งคิดออกว่าทำไมถึงรู้สึกว่าเกะกะแปลก ๆ ที่แท้ก็ลืมถอดหมวก
จัดการดึงหมวกคลุมหน้าออก นิ้วมือเรียวลูบเสยผมปรกหน้าขึ้นลวก ๆ จัดการโปะใบสาบเสือใส่แผลทันที ไม่ทันเห็นสายตาอึ้งของตชด.หนุ่ม
ชายหนุ่มคาดไม่ถึงว่าคนที่กำลังนั่งคุกเข่ากลางหว่างขาตนจะเป็นผู้ชาย ฟังจากชื่อวันจันทร์คิดว่าเป็นผู้หญิงแค่เสียงแหบเท่านั้น แล้วนิ้วมือก็เรียวขาวไม่เหมือนเหมือนมือผู้ชายเลย แววตาวาววับจ้องเขาแบบไม่สบอารมณ์นัก มัวแต่สนใจใบหน้าจิ้มลิ้มดวงตากลมโตก็ต้องสะดุ้งตัวด้วยอาการแสบแผล
"ซี๊ดด..."
"ทนแป๊บเดียวอยู่นิ่ง ๆ ห้ามขัด" ไม่ทันถามเหตุผล ตชด.หนุ่มก็ได้ยินปากแดงเรื่อพึมพำบทสวดบางอย่าง
"นะโม ตัสสะ ภะคะวะ โต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะ โต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะ โต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
พุทธัง โลหิต
ธัมมัง โลหิต
สังฆังโลหิต
โอม เพี้ยงฯ"
"เรียบร้อย"
หลังคนตัวเล็กท่องคาถาจบ ตอนกากใบสาบเสือพอกลงบนแผลชายหนุ่มรู้สึกแสบ หลังจากปากสีแดงระเรื่อเป่าลมเบา ๆ ใส่ต้นขา ผู้กองอาทิตย์เย็นวูบบริเวณแผลและเสียวปลาบไปทั้งต้นขา ท่อนแขนซึ่งโผล่พ้นแขนเสื้อเครื่องแบบจู่ ๆ ก็ขนลุกชันขึ้นมาพร้อมกันอย่างอธิบายไม่ได้
"หนูวันจันทร์เสร็จแล้วใช่ไหม" ผู้ใหญ่บ้านเห็นวันจันทร์ลุกขึ้นรีบเดินเข้ามาถาม
"เสร็จแล้วจ้ะ น้าผู้ใหญ่"
"เดี๋ยวน้าจัดการต่อเอง"
"แค่นี้เหรอผู้ใหญ่บ้าน"
"เสร็จแล้ว?"
"จะได้ผลจริงเหรอ?"
กลุ่มคนไทยมุงที่หลบออกไปเมื่อครู่ยังไม่เคยเห็นวันจันทร์ใช้วิชารักษาอย่างผู้เป็นพ่อต่างพากันกระซิบกระซาบ รีบขยับเข้ามาดูผลลัพธ์
"เงียบ ๆ หน่อย"
ผู้ใหญ่บ้านลูบเอากากใบสาบเสือบดพอกไว้บนแผลออกจนสะอาด ทุกคนยืนล้อมรอบรวมทั้งผู้กองหนุ่มจึงเห็นชัด แผลลึกเกือบครึ่งข้อนิ้วยาวเกือบหนึ่งคืบตอนนี้ไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่น้อย รอบปากแผลมีสีซีดขาว
เสียงฮือฮาดังขึ้นรอบทิศ เมื่อครู่ทุกคนอยู่ด้วยกันตรงนี้ 5-6 คนต่างก็เห็นทั้งนั้น บาดแผลของผู้กองค่อนข้างมีขนาดใหญ่มีเลือดไหลออกไม่หยุดจนมองไม่เห็นปากแผล แต่ตอนนี้กลับเห็นแค่บาดแผลขาวซีดจากการเสียเลือดมากเท่านั้น
"ห้ามเลือดได้แล้ว รีบพาคนเจ็บไปเย็บแผลที่โรงพยาบาลเถอะ" ร่างโปร่งบางกว่าผู้ชายด้วยกันพูดเสียงเรียบ
"ลำบากหนูวันจันทร์แล้ว ขอบใจมาก ต้องให้เอาพานขันธ์ห้าไปที่บ้านไหม"
"ไม่ต้องหรอกน้าผู้ใหญ่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต"
"ไป ๆ ถอยรถจี๊ปมารับผู้กองไปเย็บแผล"
ผู้กองหนุ่มถูกหามขึ้นไปนั่งบนเบาะเรียบร้อย รถจี๊ปก็สตาร์ทวิ่งออกมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลแต่ชายหนุ่มหันหน้ามาสบตากับคนตัวเล็ก
เจ้าของดวงตากลมโตยังยืนอยู่ใต้อาคารที่เดิมจนกระทั่งรถจี๊ปวิ่งออกไปนอกรั้วโรงเรียน คนตัวเล็กหน้างอเล็กน้อยทำปากเป็ดอย่างลืมตัวบ่นกระปอดกระแปด
"ชิ! นิสัยแย่ชะมัด คนอุตส่าห์ช่วยจะขอบคุณสักคำก็ไม่มี รู้งี้เรียกเอาเงินค่าครูใส่พานขันธ์ห้าซะก็ดี"