4.กลืนได้หรือเจ้าคะ 2
ครึ่งเดือนต่อมา ไป๋ลู่เถียนยังอยู่ในเมืองหลวง นอกจากติดตามข่าวของชายที่ตัดสัมพันธ์นาง ซึ่งก็คือเจิ้งเสี่ยวหยวนเพราะฝ่ายนั้นต้องแต่งงานกับเฉินมี่แล้ว หญิงสาวยังรอพบบุรุษที่หลบหน้านางไม่ไปตามนัดที่หอเซียนเมารัก เมื่อเขาส่งคนมาตามหานางพร้อมมอบของแทนใจ โดยบอกว่าอยากพบนางด่วน
“สิ่งนี้เป็นของคุณชายฟานจริง ๆ หรือ” หญิงสาวเปิดห่อผ้าและพบแหวนหยกกับปิ่นไม้แกะสลักงดงาม นอกจากนั้นยังมีกำไลทองด้วย
“แม่นาง ใครจะกล้าล้อเล่นกัน อีกอย่างยามนี้ คุณชายฟานรอแม่นางเถียนอยู่ ดังนั้นอย่าชักช้าเลย”
หญิงสาวไฉนจะไม่ดีใจ ทุกอย่างที่นางตั้งใจให้เกิดขึ้นอาจไม่ได้เป็นไปตามแผนการเดิม เพราะนางเปลี่ยนแปลงเส้นทางชีวิตตนใหม่ จากเดิมที่ต้องพลีกายให้แก่อี้ฟานแล้วมีชะตากรรมแสนอาภัพ นางกลับมอบความสาวให้แก่ซือหม่าปัน ผู้ที่ยามนี้มีอำนาจเป็นรองก็แค่ฮ่องเต้ ชีวิตใหม่นี้นางถือแต้มนำทุกคน เช่นนี้ขอเพียงฉลาด ไม่พลาดท่าต่อผู้อื่นอีก ไป๋ลู่เถียนก็ไม่ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ
“แล้วเขาต้องการให้ข้าไปพบที่ใด”
“เรือนรับรองนอก รถม้ารออยู่แล้ว เชิญแม่นาง”
สตรีผู้นั้นบอก และผายมือให้ไป๋ลู่เถียนก้าวตามไปขึ้นรถม้า ทว่าหญิงสาวสังหรณ์ใจบางอย่าง อันที่จริงนับแต่มีความลึกซึ้งกับปันเส้าเฟิง ในตอนเช้ามืดของวันใหม่ หญิงสาวลักลอบออกจากห้องพักในหอเซียนเมารักด้วยการปลอมตัวเป็นสาวใช้ คราแรกเกือบถูกคนของปันเส้าเฟิงจับได้ แต่ด้วยมีไหวพริบ ทั้งแสร้งพูดจาวกวนไปมา ผู้ติดตามของชายหนุ่มจึงไม่อยากเสวนาด้วย
และการที่นางหายตัวไปจากเขา ไม่ใช่ความโง่เขลา แต่เป็นเพราะนางอยากให้เขากระวนกระวายใจ จนต้องติดตามหานาง ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง นางจะกลายเป็นสตรีที่อยู่เหนือผู้อื่น ทั้งยังได้สะสางเรื่องราวอันบัดซบที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตด้วย
การที่ไป๋ลู่เถียนอยู่ในโลกจีนโบราณนี้ นางย่อมไม่มีรองเท้าแก้วทิ้งไว้ให้ปันเส้าเฟิงดูต่างหน้า ดังนั้นสิ่งที่นางฝากไว้แก่เขาจึงเป็นถุงหอม และหญิงสาวจำได้ว่า ในรอบที่สี่หลังจากนางเชื่อฟังคำสั่งปันเส้าเฟิงด้วยการกลืนความหวานล้ำของเขาลงท้อง อีกฝ่ายก็หายใจแรง ทั้งยังอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด นางจึงเอื้อมมือไปหยิบถุงหอมของตน เพื่อช่วยให้เขาผ่อนคลาย และกลับมามีกำลังวังชาเช่นเดิม
“เด็กน้อย กำลังเล่นกลอันใด หรือกลัวว่า บุรุษผู้นี้จะตายคาอกอวบอิ่มคู่งาม”
“มิได้ ผู้น้อยอยากให้ท่านพี่มีสติเสมอเมื่ออยู่ด้วยกันจะได้ล่วงรู้ว่า เราเสพรักกันลึกซึ้ง ทั้งหนักหน่วงเพียงใด และถุงหอมจากบ้านเดิม คือยาชูกำลังช่วยให้บุรุษมีแรงดังม้าศึก ออกรบในสงครามเจ็ดวันเจ็ดคืนก็ไม่มีวันอ่อนแรง สำหรับสตรีย่อมทำให้นางมีกลิ่นกายหอม เย้ายวนใจ”
นางบอกพร้อมส่งถุงหอมให้เขาดมกลิ่น
“ใช่ นี่คือกลิ่นที่ทำให้ข้าปรารถนาในตัวเจ้าตลอดเวลา” เมื่อปันเส้าเฟิงเอ่ยจบ เขาก็คล้ายจะกระปรี้กระเปร่าขึ้น ขณะเดียวกันดวงตากลมโตก็ซุกซนเหลือเกิน ด้วยเห็นว่าท่อนลำเขาที่คอพับลงเมื่อครู่กำลังพองขยายทีละนิด
“หากท่านพี่มีแรงล้นเหลืออยากต่อยกที่ห้า ตัวผู้น้อยอาจขอยอมแพ้ ด้วยอยากพักสักครึ่งชั่วยาม อีกทั้งเนื้อตัวเหนียวอยู่สักหน่อย หากได้อาบน้ำคงดีขึ้น”
ปันเส้าเฟิงหัวเราะก่อนจะบอกว่า “เช่นนั้น ให้ข้าช่วยเจ้าอาบน้ำดีหรือไม่ และเราพักให้นานหน่อย หากเจ้าหิวก็กินอาหารให้อุ่นท้อง แล้วเมื่อใดอยากบอกรักข้าก็สะกิดได้ทุกเมื่อ”
หญิงสาวมองคนรูปหล่อตรงหน้า แล้วส่งเสียงหวานให้กับเขา
“ท่านพี่ช่างรู้ใจสตรียิ่งนัก”
“นั่นเป็นเพราะข้านึกสนใจตัวเจ้า อีกอย่าง ของดีที่สหายส่งมาให้ ใครจะรู้ว่า นอกจากเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง เจ้ายังรู้ใจข้าไปเสียทุกอย่าง”
ไป๋ลู่เถียนส่ายหน้า พลางแสร้งทำเขินอาย
“ผู้น้อยปัญญาทึบ ทุกสิ่งที่ทำในคืนนี้ ล้วนเกิดจากต้องการให้ท่านเมตตา เพียงเท่านี้ สตรีต่ำต้อยก็ไม่เสียชาติเกิด”
“โถ...ใครจะใจร้ายกับสาวงามลง อีกอย่าง เจ้าอย่าได้หวั่นกลัวสิ่งใด เมื่อเป็นคนของข้า ชาตินี้ย่อมได้รับการดูแลอย่างดี!”
คำพูดที่ปันเส้าเฟิงกล่าว คือสิ่งที่ไป๋ลู่เถียนต้องการให้มันเกิดขึ้น นางจะไขว่คว้าทุกอย่างมาอยู่ในกำมือนุ่มนิ่ม และก้าวไปเป็นสตรีที่มากด้วยวาสนาดีพร้อมอำนาจล้นเหลือ